ตามรอยตำนานเกจิเลื่องชื่อของนนทบุรี "หลวงพ่อกี๋" ผู้สร้างตำนาน ปลัดขิกสร้างโบสถ์ ถ่ายทอดวิชา ปลัดขิก - เบี้ยแก้ สู่หลานชาย "หลวงพ่อตี๋" สืบสานวิชาจากรุ่น สู่รุ่น
หากจะกล่าวถึงวัดในจังหวัดนนทบุรี ที่มีชื่อเสียงเลื่องชื่อในเรื่องของความศรัทธา คงต้องมีชื่อ "วัดหูช้าง"
"วัดหูช้าง" เป็นวัดเก่าแก่ ที่มีการสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนนฺโท) หลวงพ่อปาน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา ธุดงค์มาเยี่ยมลูกหลาน ที่มาอาศัยอยู่ที่ย่านนี้ และได้พบซากเจดีย์เก่าสมัยอยุธยา เห็นว่าที่นี่เหมาะแก่การสร้างวัดจึงได้บอกบุญเชิญชวนลูกหลานของท่านและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงให้ช่วยกันสร้างเป็นวัดขึ้นอีกครั้ง
พระประธานในพระอุโบสถ ของ "วัดหูช้าง" ในปัจจุบัน คือ พระพุทธนิมิตรกิจจานุการ เป็นพระพุทธปฏิมาที่ หลวงพ่อปานได้หล่อไว้เพื่อประดิษฐานในอุโบสถ และได้แต่งตั้งหลวงพ่อจวนและหลวงพ่อแจ่ม พระคู่แฝดซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปานขึ้นเป็นเจ้าอาวาส
สำหรับพระเกจิอาจารย์ที่นับได้ว่าเป็นตำนานของ "วัดหูช้าง" มีศิษยานุศิษย์นับถือ และเป็นที่กล่าวขานถึงความเมตตาอย่าง
พระครูกิตตินนทคุณ หรือ "หลวงพ่อกี๋" หรือหลวงปู่กี๋ มีตำนานเล่าขานกันถึงประวัติของเกจิอาจารย์ผู้เรืองอาคมท่านนี้ไว้ว่า "หลวงพ่อกี๋" มีนามเดิมว่า นายกี๋ บุญใจใหญ่ บิดาชื่อ นายคอย บุญใจใหญ่ มารดาชื่อนางไฝ รัตนชื่น เกิดเมื่อปี พ.ศ.2444 มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน 13 คน ครอบครัวเป็นชาว จ.นนทบุรี
ในวัยเยาว์ "หลวงพ่อกี๋" มีความสนใจ และศึกษาตำราการทำน้ำมนต์รักษาโรคต่างๆ โดยได้ศึกษาวิชาจากคุณปู่ของท่าน ซึ่งเก่งทางด้าน การทำน้ำมนต์ รักษาโรคต่างๆ
เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่ "วัดหูช้าง" ต.คูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำพรรษาที่ "วัดหูช้าง" ได้ 2 พรรษา "หลวงพ่อกี๋" ก็ได้ออกธุดงควัตร เพื่อแสวงหาความสงบวิเวกฝึกวิปัสสนากรรมฐานบำเพ็ญภาวนา ท่านมีความมุ่งมั่นฝึกสมาธิเจริญภาวนาด้วยจิต จนจิตรวมเข้าสู่ฐานของสมาธิ และได้พบกับ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เกจิอาจารย์เจ้าของ "ปลัดขิก" ที่เล่าขานกันว่าสามารถทวนน้ำได้
"หลวงพ่อกี๋" ร่ำเรียนวิชาอาคมจากเกจิอาจารย์หลายท่าน อาทิ ก๋งจาบ แห่งสำนักวัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา และท่านยังฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่แดง วัดตะเคียน นนทบุรี และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค รวมทั้งเจ้าคุณโพธิ์ วัดชัยพฤกษ์มาลา อีกด้วย
"หลวงพ่อกี๋" วัดหูช้าง ถูกจัดให้เป็นเกจิดังสมัย พ.ศ.2500 ที่คนเมืองนนท์ เคารพนับถือท่านมาก โดยเฉพาะการทำปลัด ตะกรุด และเครื่องรางของขลังต่างๆ ท่านยังคงจารเอง รวมถึงการเหลาไม้และวัสดุมวลสารต่างๆ เองทุกขั้นตอน จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านเข้มขลัง ทรงคุณค่า และที่สำคัญหายากมาก จนเป็นตำนาน "ปลัดขิก" เมืองนนท์ สุดยอดของความหายากและปรารถนา
เมื่อครั้งที่ "หลวงพ่อกี๋" ได้ทำการบูรณะวัดรวมถึงอุโบสถขึ้นใหม่โดยใช้เงินทำบุญของผู้ที่หมายปอง "ปลัดขิก" จนมีคำพูดว่า "ปลัดขิกสร้างโบสถ์"
"หลวงพ่อกี๋" เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีผู้คนให้ ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และยังเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ผีเข้าสิง หรือเรื่องอื่น ซึ่งในสมัย นั้นขนานนามกันว่า "หลวงพ่อกี๋ผีกลัว" ท่านเก่งด้านอาคมไล่ผี สะเดาะเคราะห์เสริมดวง ริเริ่มพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ในจ.นนทบุรี แก้คนถูกคุณไสย ถูกกระทำด้วยอาคม
วิชาสร้าง "ปลัดขิก" ตลอดจนอาคมต่างๆ ของ "หลวงพ่อกี๋" ถูกถ่ายทอดส่งต่อไปยัง พระครูสุวรรณโชติวุฒิ หรือ "หลวงพ่อตี๋" หลานชายของ "หลวงพ่อกี๋" นับว่า "หลวงพ่อตี๋" เป็นพระเกจิที่สืบสายพุทธาคม มาอย่างเข้มขลัง
"หลวงพ่อตี๋" มีนามเดิมว่า ทองใบ เมฆอิฐ เป็นบุตรชายคนเดียว บรรพชาเมื่อปี พ.ศ.2501และอยู่รับใช้ "หลวงพ่อกี๋" ตลอดระยะเวลาที่อยู่ดูแล "หลวงพ่อกี๋" นั้น "หลวงพ่อตี๋" ได้ร่ำเรียนวิชาการสร้าง "ปลัดขิก" จาก "หลวงพ่อกี๋" ว่ากันว่าการเขียนยันต์ของ "หลวงพ่อตี๋" นั้น "หลวงพ่อกี๋" ท่านเป็นคนจับมือ "หลวงพ่อตี๋" จารอักษร "หลวงพ่อตี๋" ได้ช่วยหลวงพ่อกี๋จารตะกรุด และสร้างเบี้ยแก้ตำรับหลวงปู่รอด วัดนายโรง และจารปลัดขิกตั้งแต่เมื่อครั้ง "หลวงพ่อกี๋" มีชีวิตอยู่ ซึ่งวัตถุมงคลเหล่านี้ล้วนถือเป็นงานทำด้วยมือหรือแฮนด์เมดทั้งสิ้น
พระครูปลัดอำพล ฐิตปุญโญ หรือ พระอาจารย์อ๊อด หลานชาย "หลวงพ่อตี๋" เจ้าอาวาส "วัดหูช้าง" ชอบวิชาอาคมมาตั้งแต่วัยเรียนหนังสือ เมื่อบวชแล้วได้เป็นผู้ดูแลรับใช้ "หลวงพ่อตี๋" ผู้เป็นหลวงลุง จึงได้วิชาอาคมจากการช่วยหลวงลุงจัดสร้างวัตถุมงคล และวัตถุมงคลหลายรุ่นที่ พระอาจารย์อ๊อดได้รับความไว้วางใจจาก "หลวงพ่อตี๋" ผู้เป็นหลวงลุงให้จัดสร้างดูแลวัตถุมงคลแทน ปัจจุบันพระอาจารย์อ๊อดเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ศรัทธาของมหาชนทั่วไปให้ความเชื่อถือเรื่องการดูหมอ รดน้ำมนต์ เจิมรถแบ่งเบาภาระกาลพรรษามากของ "หลวงพ่อตี๋" ได้มาก
สำหรับสิ่งที่ขึ้นชื่อของ "วัดหูช้าง"ไม่ได้มีเพียงวัตถุมงคลเท่านั้น ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการเจิมรถ อาบน้ำมนต์ และพิธีสวดภาณยักษ์ ที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง