"พญาหมีกายสิทธิ์" สืบสานสรรพวิชา "ตักศิลาเขาอ้อ"

ห้วงเวลานับพันปี นับตั้งแต่คณะ พราหมณ์ กว่า 300 ตระกูล ได้ล่องเรือจากจัมภูทวีป ข้ามมหาสมุทร สู่ดินแดน อาณาจักรตามพรลิงค์ หรือ นครศรีธรรมราช และเข้าสู่พื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของภาคใต้ หนึ่งในนั้น พื้นที่แถบ พัทลุง และเลือกชัยภูมิเขาสูงแห่งหนึ่ง เป็นที่พักอาศัยเพราะพราหมณ์ นั้น จะต้องอยู่บนที่สูง ก่อนที่จากสำนักพราหมณ์จะปรับเปลี่ยนเป็นอาศรมฤาษี และอารามวัด นาม "วัดเขาอ้อ" ในปัจจุบัน 

ตักศิลาเขาอ้อ มีวิชาความรู้มากมายหลากหลาย ทั้งว่านยา อาคม และศาสตร์รบทัพจับศึก แต่ที่คนสนใจใคร่รู้มาโดยตลอด นั่นคือ วิชาอาคม และหนึ่งในอาคมอันหลายหลาก วิชาเกี่ยวกับหมี หรือ พญาหมี
ในวิถีแห่งสัตว์ มีเพียง 2 ชนิด ที่มีการจำศีล หนึ่งนั้น คือ กบ อีกหนึ่งนั้น คือ หมี
การแช่ว่านรางยา หรือ กินเหนียวกินมัน นั้น ทุก ๆ ครั้ง จะต้องใช้หนังหมี ปิดหัว ซึ่งเป็นเรื่องของการถือเคล็ด 

และอีกเช่นกัน ในการจะกระทำพิธีปลุกเสกต่าง ๆ ของเขาอ้อ ทุกครั้งเจ้าพิธีจะชักยันต์ให้เป็นกายสิทธิ์ หรือปลุกเสกร่างกายให้มีฤทธิ์ ด้วยหัวใจพญาหมี ที่ว่า สะสิมิระ จึงทำให้พลังของเขาอ้อเข้มขลัง 

นอกจากนี้ สิ่งของที่เรียกว่า ทนสิทธิ์ หรือ มีฤทธิ์ในตัวตามธรรมชาติ ในสายของสัตว์นั้น มีเพียงสัตว์ 4 ชนิด
ได้แก่ เสือ ช้าง หมูป่า และ หมี 

พระอาจารย์ประสูติ ปิยธมฺโม วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือ วัดถ้ำในเตา อ.ห้วยยอด  จ.ตรัง  ได้สืบสานวิชาพญาหมีจาก หลวงปู่แสง พระอาจารย์ ซึ่งท่านก็เป็นหนึ่งในเกจิที่สำเร็จวิชาในสายเขาอ้อ จัดสร้างรูปหล่อ พญาหมีกายสิทธิ์ ขึ้น โดยมีเนื้อชนวนอาถรรพ์ มวลสารที่อุด เขี้ยวหมีกลวง ทนสิทธิ์ หรือบางทีเรียก เขี้ยวหมีโปร่งฟ้า หนังพญาหมี ขนพญาหมีใต้ฐาน อุดด้วยชันโรงใต้ดิน มาบรรจุใต้ฐานพญาหมีกายสิทธิ์  และจัดสร้างด้วยการชักยันต์ หัวใจพญาหมี สะ สิ มิ ระ ทำให้ มีกำลัง มีตบะ  มีคงกระพัน และเมตตามหานิยม ว่ากันว่าหัวใจพญาหมีภาวนาแล้วจับมือผู้หญิงไม่ร้อง

ซึ่งการสร้างรูปบูชาขนาดพกติดตัวนั้น ก็เข้าใจว่า เป็นการทดแทนเครื่องรางทนสิทธิ์จากตัวสัตว์ แต่ใช้วิธีการนำชนวนอาถรรพ์ต่าง ๆ เข้ามารวมกัน ทำให้เกิดพลังขึ้น พุทธคุณนั้น ก็เน้นไปด้านตบะบารมี อำนาจบารมี เพราะ หมี เป็นหนึ่งในสัตว์ที่น่าเกรงขาม เป็นครั่นคร้ามของสัตว์น้อยใหญ่ และมวลมนุษย์