พระเครื่อง

สาว "สายมู" ห้ามพลาด "วัดเทพธิดาราม" วัดที่มากไปด้วยพลังแห่งสตรี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สายมู" ตัวแม่ต้องไม่พลาด "วัดเทพธิดาราม" วัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังสตรี ที่เหมาะแก่การขอพรสำหรับผู้หญิง ให้ชีวิตปัง

วัดเทพธิดารามวรวิหาร หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชิน วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดที่ทรงสร้างวัดขึ้นมี 3 วัดในรัชสมัย และ 1 ในนั้นคือ "วัดเทพธิดาราม" สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2379 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2382 ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานนามวัดว่า "วัดเทพธิดาราม" 

เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ (พระองค์เจ้าหญิงวิลาส) พระธิดาพระองค์ใหญ่ ผู้เป็นพระราชปิยธิดา ทรงปรีชาสามารถรับราชการสนองพระเดชพระคุณอย่างใกล้ชิด เป็นที่ไว้วางใจพระราชฤหทัย ในการสถาปนา "วัดเทพธิดาราม" นี้ พระองค์เจ้าหญิงวิลาส ได้ทรงบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวนมากร่วมในการก่อสร้างโดยเสด็จพระราชกุศลด้วย

วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ศิลปะสิ่งมีการผสมผสานแบบจีน โดยหน้าบันของพระอุโบสถและพระวิหารเป็นศิลปะแบบจีนที่ไม่มีช่อฟ้า ใบระกาและหางหงส์แต่ประดับตกแต่งด้วย กระเบื้องเคลือบเป็นลวดลายดอกไม้และหงส์ ซึ่งหมายถึงสตรีผู้ยิ่งใหญ่

 

หน้าบันพระอุโบสถ

นอกจากนี้ยังมีพระปรางค์ตั้งอยู่ประจําทิศทั้งสี่ในแต่ละมุมของพระอุโบสถ ส่วนเครื่องประดับพระอารามเป็นตุ๊กตาสลักหินทั้งแบบจีนและไทยตั้งวางอยู่รายรอบ

ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธเทววิลาส พระพุทธปฏิมากรองค์นี้ เดิมเรียกกันแต่เพียงว่า "หลวงพ่อขาว" จนเมื่อ พ.ศ. 2518 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเฉลิมพระนามว่า "พระพุทธเทววิลาส" พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวัง มาประดิษฐานไว้เหนือเวชยันต์บุษบก

พระพุทธเทววิลาส

พระพุทธรูปศิลปะสมัยเชียงแสนผสมสุโขทัย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร จำหลักด้วยศิลายวงสีขาวบริสุทธิ์  พระเพลากว้าง 14 นิ้ว สูง 19 นิ้ว หนา 8 นิ้ว พระอังสา (ไหล่) 9 นิ้ว รอบพระอุระ (อก) 18 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ในเวชยันต์บุษบกไม้จำหลักลาย หรือบุศบกท้ายเกริน ปิดทองประดับกระจกเกรียบ ลายประณีตบรรจง ด้านซ้ายขวาตั้งแต่งฉัตรเครื่องสูงทองแผ่ลวด 5 ชั้น 2 ดั้ง เหนือพระพุทธรูป กางกั้นสุวรรณฉัตรคันดาน 5 ชั้น 1 ดั้ง 

กราบพระประธานในอุโบสถแล้วไปอีกหนึ่งจุดที่สำคัญ นั่นคือวิหารภิกษุณี 52 องค์ ซึ่งภายในวิหารแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย หน้าตัก 75 นิ้ว สูง 95 นิ้ว ด้านซ้ายและด้านขวามีพระพุทธรูปทรงเครื่องปางห้ามญาติอยู่ข้างละ 1 องค์  และที่แตกต่างจากวัดอื่นๆคือ รูปหมู่พระอริยสาวิกาหรือภิกษุณี

สาว "สายมู" ห้ามพลาด "วัดเทพธิดาราม" วัดที่มากไปด้วยพลังแห่งสตรี

"ภิกษุณี 52 องค์" เหล่านี้หล่อด้วยด้วยดีบุก ลงรักปิดทองหน้าตัก 11 นิ้ว สูง 21 นิ้ว จำนวน 52 องค์ ประดิษฐานบนแท่นหน้าองค์พระประธาน แต่ละองค์จะมีอิริยาบถแตกต่างกัน เช่น นั่งตําหมาก นั่งสูบยา เป็นต้น โดยตรงกลางเป็นรูปหล่อของ "พระนางปชาบดีโคตมี" ภิกษุณีองค์แรกในพระพุทธศาสนาที่มีส่วนในการช่วยเผยแผ่พระศาสนาในหมู่สตรี ซึ่งเป็นพระน้านางของพระพุทธเจ้า

สาว "สายมู" ห้ามพลาด "วัดเทพธิดาราม" วัดที่มากไปด้วยพลังแห่งสตรี

สำหรับการกราบสักการะขอพร มีดังนี้ เตรียมพวงมาลัย มะลิ 1 พวงดอกบัวชมพู  8 ดอก

โดยกล่าวคาถาบูชา "ภิกษุณี 52 องค์" จากนั้นเดินวนขวา 3 รอบ รอบองค์ภิกษุณี 52 องค์แล้ว นำพวงมาลัยมะลิ ถวายนางปชาบดีโคตมีเถรี นำมือแตะที่ พระนางปชาบดีโคตมีเถรี ทำจิตใจให้สงบแล้วขอพร และกลับด้านหน้าอีก 1 ครั้ง ส่วนดอกบัวสีชมพูทั้ง 8 ดอก นำมาไหว้ พระองค์เจ้าหญิงวิลาส มีความเชื่อกันว่า พระองค์เจ้าหญิงวิลาส ทรงโปรด ที่จะประทับพับดอกบัวในวิหารแห่งนี้

วัดแห่งนี้มีความเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งสตรี สำหรับการขอพร สำหรับ "สายมู"สตรีส่วนใหญ่ที่เดินทางมาขอพรภายในวิหารนี้ มักขอในเรื่องหน้าที่การงาน ให้ประสบความสำเร็จ และขอในเรื่องของสุขภาพ การเจ็บไข้ได้ป่วย

นอกจากนี้ ภาพปะติมากรรมฝาผนัง ภายในวิหารภิกษุณี 52 องค์อย่างแปลกและแตกต่าง เป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยโดยเป็นรูปหงส์ ที่มีความหมายถึงสตรีผู้สูงศักดิ์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ