
เซียนตัดเซียน ศึกแห่งศักดิ์ศรี..."แข่งกันจัดแย่งกันเจ๊ง"
"การจัดงานการประกวดอนุรักษ์พระบูชา พระเครื่อง และเหรียญคณาจารย์" เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการขอจองวันจัดงานการประกวดนั้น ใครหรือหน่วยงานใดก็จัดได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตสมาคม
แต่การแจ้งมายังสมาคมจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้จัดงานเอง คือ การจัดงานจะไม่ซ้ำซ้อน หรือจัดงานชนกัน
ทั้งนี้ หากงานใดขึ้นชื่อว่า สมาคมให้ความเห็นชอบ และให้การสนับสนุน งานประกวดนั้นๆ ถือว่าเป็นงานที่มีคุณภาพ เพราะมีกรรมการของสมาคมไปช่วยตัดสิน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางสมาคมพระเครื่องฯ จะพยายามกำหนดการจัดงานประกวดพระ ไม่ให้ตรงกัน แต่มิวายยังมีการจัดงานซ้ำซ้อนกัน
โดยเฉพาะการจัดงานครั้งล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา มีการจัดงานประกวดพระพร้อมๆ กัน ๒ งาน ๒ จังหวัด คือ งานประกวดพระที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นงานที่สมาคมพระเครื่องฯ ให้การสนับสนุน
ส่วนอีกงานหนึ่งที่จัดประกวดพระ พร้อมๆ กับออกใบรับรองพระแท้ทุกประเภท ทั้งเนื้อดิน ชิน-ผง เหรียญ ที่ห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า จ.นครราชสีมา เป็นงานที่จัดโดย ชมรมพระเครื่องภาคอีสาน ๑๙ จังหวัด ซึ่งมีนายสุทิน ยิ่งสนองชาติ หรือเจ้าของฉายา "น้อย ไทยเจริญ" เป็นประธานชมรม ร่วมทั้งมี จ.ส.ต.ทวี วงษ์สิทธิ์ หรือ "จ่าทวี" เจ้าของนิตยสารมรดกพระเครื่อง และที่ปรึกษาชมรม เป็นหัวแรงหนุนสำคัญ
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การออกมาประกาศอย่างชัดเจนของ ชมรมพระเครื่องภาคอีสาน ๑๙ จังหวัด ว่า "ถ้าใครในภาคนี้จัดไม่ผ่านมายังชมรมพระเครื่องภาคอีสาน ๑๙ จังหวัด จะจัดชนทุกงานไป"
ขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งชมรมขึ้นมาชนกับสมาคมฯ ด้วยเหตุผลที่ว่า "เบื่อหน่ายพระภาคอีสาน ประกวดในกรุงเป็นต้องถูกเขี่ยออก ทั้งที่คนอีสานเขาเล่นหาว่าแท้ แต่ส่วนกลางปัดทิ้งเฉย แถมยังว่า คนอีสานเล่นพระไม่เป็นซะอีก ก็เลยต้องการกู้ศักดิ์ศรีคนอีสานคืนมา"
"ผมไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการตัดสินพระ ในกลุ่มของภาคอีสาน เพราะการแต่งตั้งมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีความรู้จริง กรรมการบางท่านไม่เคยเล่นพระแท้เลย ยังเอาเข้ามาเป็นกรรมการ กว่า ๕๐% ไม่มีความจริงในการตัดสินพระ สมาคมไม่สามารถดึงกรรมการของชมรมไปเป็นกรรมการของสมาคมได้ เนื่องจากคนเล่นพระแท้ไม่สามารถไปรวมกับคนเล่นพระเก๊ได้ ผมมั่นใจ ๑๐๐% สำหรับจัดงานของชมรมจะไม่เจ๊งอย่างแน่นอน กลุ่มผู้ส่งพระมีความเชื่อถือมากกว่ากัน" นี่คือเหตุผลหนึ่งของจ่าทวี
สำหรับการประกวดพระครั้งนี้ จ่าทวี บอกว่า มีทั้งหมด ๔๐ โต๊ะ กรรมการตัดสินเป็นคนละชุดกับของสมาคมพระเครื่องฯ แม้ว่าจะดูเหมือนว่าเป็นการแย่งผู้ส่งพระเข้าประกวด แต่เชื่อว่า ผู้จะส่งพระเข้าประกวดจะพิจารณาความเชื่อถือว่า จะเชื่อถือกรรมการของชุดใด กรรมการของชมรมถือว่า คนเล่นพระในพื้นที่ย่อมมีความชำนาญอยู่แล้ว แน่นนอนว่า ต้องชำนาญกว่าของสมาคม นอกจากนี้ คนเล่นพระเป็นคนละกลุ่มอยู่แล้ว ไม่ถือว่า เป็นการแย่งผู้ส่งพระเข้าประกวด
"การจัดงานประกวดพระชนกัน ถือว่าเป็นการเสียมารยาท ไม่รักษากฎกติกา การจัดซ้ำซ้อนกัน ดูจะไม่เป็นผลดีต่อวงการแน่ แต่ทางสมาคมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามเขาได้ เพียงแต่ขอร้องมายังกลุ่มนอกสมาคมภาคอีสาน ให้หันมาร่วมมือกัน จะงดงามกว่า หากขืนจัดแข่งกัน จัดชนกัน ดูเหมือนจะแย่งมวลชนที่จะไปร่วมงานให้แตกแยกมากขึ้น ในวันงานประกวดพระเครื่องที่ จ.บุรีรัมย์ ทางสมาคมจะไปจัดประชุมใหญ่ที่ภาคอีสาน เพื่อเชื่อมรอยร้าวให้เกิดความสามัคคี ในวงการพระเครื่องด้วย" นี่คือเสียงสะท้อนของ นายพิศาล เตชะวิภาค หรือ ต้อย เมืองนนท์ อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย
พร้อมกันนี้ ต้อย เมืองนนท์ ยังบอกด้วยว่า โดยมารยาท ใครจองวันจัดงานก่อน จะมีสิทธิ์ก่อน การจัดงานชนกันครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากกลุ่มภาคอีสานที่ไม่ได้เป็นสมาชิกในสังกัดของสมาคม มีความคิดจะทำการตรงกันข้ามหลายเรื่อง ดูจะขัดกับกติกามารยาทของสมาคม แม้จะรู้ว่า ใครเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังก็ตาม เกรงว่า นักนิยมสะสมพระเครื่องภาคอีสาน ๑๙ จังหวัดอีกไม่น้อย อาจตกเป็นเครื่องมือของคนไม่กี่คน ที่เสียประโยชน์ และพลาดจากตำแหน่งบริหารในสมาคม
แข่งกันจัดแย่งกันเจ๊ง
พ.อ.อ.โกวิท แย้มวงษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "จ่าโกวิท" บรรณาธิการนิตยสาร "พระเครื่องอภินิหาร" และผู้ให้ความรู้ด้านพระเครื่องของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ซึ่งคลุกคลีกับงานประกวดพระเครื่องมากว่า ๓๐ ปี บอกว่า ทุกวันนี้จุดประสงค์การจัดงานประกวดพระเครื่องฯ เปลี่ยนไปจากอดีต ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนเตรียมงาน จนถึงการประกวดเสร็จสิ้นลง การจัดงานประกวดพระ อย่าหวังว่าจัดงานแล้วจะได้เงินเป็นผลกำไรเสมอไป โดยเฉพาะองค์กรที่ไม่รู้จักกับวงการพระเครื่อง ยิ่งจัดงานชนกัน โอกาสที่จะไม่ได้เงิน หรือที่เรียกว่า จัดแล้วเจ๊ง มีอยู่มาก
ในการจัดงานประกวดพระ ซึ่งเป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีในวงการพระเครื่องว่า ผู้ประสานงานคนใดหากินกับงานประกวดพระ เมื่อรู้ว่าเป็นใคร คนในวงการพระจะไม่ให้การสนับสนุน และไม่เดินทางไปร่วมตัดสินพระ องค์กรหรือหน่วยงานใดคิดจะจัดงานประกวดพระ ต้องดูด้วยว่า ผู้ประสานงานเป็นใคร การเลือกผู้ประสานงานที่ดี มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อผลกำไรในการจัดงาน
ผู้ประสานงานบางคนอยู่ในวงการพระจริง แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของคนในวงการพระเครื่อง ถ้าไม่รู้ควรสอบถามมายังสมาคม ให้สมาคมช่วยดูแลให้ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ถามสมาคม คิดจะจัดก็จัด ในที่สุด จัดแล้วก็เจ๊ง ส่วนผู้ที่ได้กำไร และไม่มีผลกระทบเลยคือ ผู้ประสานงานที่หากินกับงานประกวดพระ
ทางด้าน นายวันชัย สอนมีทอง ประธานฝ่ายประสานงานสื่อมวลชนสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "แม้สมาคมไม่ได้มีกติกาว่า ห้ามใครจัดงานประกวดพระ แต่งานใดที่สมาคมให้การรับรอง ทั้งผู้จัดและผู้ส่งจะได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะคนที่ส่งประกวดพระ เห็นสมาคมเป็นที่พึ่งได้ ช่วยได้ แม้แต่พระหายก็ต้องพึ่งสมาคม ที่ผ่านมา พระหายในการประกวดกลางอากาศ ไม่รู้ใครเอาไป พอหายเสร็จ สมาคมก็ติดตามแล้ว เมื่อได้มาสมาคมก็เป็นกลาง เอาพระมาที่สมาคม เอามาดูแลตรวจสอบให้ และช่วยเรียกมาพบปะกันคืนเจ้าของไปเรียบร้อย อย่างนี้เขาก็สบายใจ ถ้าไม่มีคนกลาง อะไรจะเกิดขึ้น เพราะวงการพระบางทีเป็นเรื่องของผลประโยชน์เหมือนกัน เรื่องของผลประโยชน์พูดกันยาก มีคนกลางอย่างสมาคมให้ความเชื่อถือ ทุกคนให้การยอมรับว่า สมาคมมีศักยภาพในการดูแลแก้ไขในสิ่งต่างๆ"
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"