
ชั่วโมงเซียน-หลวงพ่อปู่ หลวงปู่กรับพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์-พระเกจิอาจารย์เข้มขลัง
วัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียง มักไม่มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ขณะเดียวกัน วัดที่พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์กลับไม่มีชื่อเสียง แต่ก็ยังมีอยู่หลายวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์-พระเกจิอาจารย์เข้มขลัง เช่น
๑.วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ในขณะที่อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงในการปลุกเสกและสร้างวัตถุมงคล คือ พระญาณไตรโลก หรือ หลวงพ่อฉาย อดีตเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒.วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร กทม. มีพระพุทธไตรรัตนายก หรือ หลวงพ่อโต ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวง ส่วนพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง คือ พระครูโศภนกัลยาณวัตร (เส่ง โสภโณ) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคมขลังไปในทางปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์บัวลอย
๓.วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี พระปางปาลิไลยกะ ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “หลวงพ่อโต” ส่วนพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง พระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงพ่อถิร อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ (พ.ศ. ๒๔๙๔ - ๒๕๒๗) และ ๔.วัดโกรกกราก ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คือ หลวงพ่อปู่ พระพุทธรูปเนื้อศิลาแลง ศิลปะสมัยสุโขทัย ส่วนพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง คือ พระครูธรรมสาคร (กรับ ญาณวฒโน) หรือ หลวงปู่กรับ อดีตเจ้าอาวาส และเจ้าคณะตำบลมหาชัย เขต ๒
อย่างไรก็ตามแม้ว่าวัดทั้ง ๔ แห่ง จะเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และพระเกจิอาจารย์เข้มขลัง แต่มิได้มีการสร้างรูปจำลองของท่านขึ้นมาให้พุทธศาสนิกชนได้ปิดทองกราบไหว้ขอพร ยกเว้น วัดโกรกกราก เพียงวัดเดียวเท่านั้นที่มีการสร้างรูปหล่อหลวงปู่กรับให้ประชาชนได้ปิดทองกราบไหว้ขอพร อดีตเจ้าอาวาส และเจ้าคณะตำบลมหาชัย เขต ๒
ประวัติของหลวงพ่อปู่ในอุโบสถนั้น เคยประดิษฐานอยู่ที่วัดช่องสะเดา เป็นวัดร้างเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ซึ่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ ปรักหักพังหมดแล้ว อัญเชิญมาทางเรือสององค์ องค์หนึ่งเนื้อสำริด อีกองค์หนึ่งเนื้อศิลาแลง ล่องเรือมาตามแม่น้ำท่าจีน พอเรือใกล้ถึงหน้าวัดโกรกกราก ได้เกิดลมพายุฝนตกหนัก ล่องเรือต่อไปไม่ได้ จึงนำเรือมาจอดหลบลมฝนริมคลองข้างวัด พอจอดเรือเรียบร้อย ก็ช่วยกันยกพระศิลาแลงขึ้นมาบนฝั่งเพื่อไม่ให้ถูกน้ำฝนเซาะ เมื่อลมฝนสงบแล้ว จึงยกพระศิลาแลงลงเรือ เพื่อจะล่องต่อไป แต่ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น ทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น และหนึ่งในจำนวนชาวรามัญบ้านกำพร้าที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้อธิษฐานว่าถ้าพระศิลาแลงจะอยู่วัดโกรกกราก ก็ขออัญเชิญพระศิลาแลงไปประดิษฐานยังอุโบสถ ปรากฏว่ายกขึ้น นับแต่นั้นมาทางวัดจึงมีพระศิลาแลงเป็นพระประธานในอุโบสถตั้งแต่บัดนั้นจวบจนถึงปัจจุบัน
สาเหตุที่ต้องใส่แว่นดำนั้น เนื่องจากครั้งหนึ่งได้เกิดโรคตาแดงระบาดไปทั่วบ้านโกรกกราก การแพทย์ยังไม่เจริญ รักษากันตามมีตามเกิดแต่ก็ไม่หาย ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาองค์พระศิลาแลงกันมานาน จึงได้พากันมาบนบานศาลกล่าว ถ้าตาหายเจ็บหายแดง จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง ผลปรากฏว่าตาหายแดงกันทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้นำแผ่นทองมาปิดที่ตาขององค์พระศิลาแลงเต็มไปหมด
ครั้น หลวงปู่กรับ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส มาพบเห็นเข้าจึงหาอุบายเพื่อที่จะไม่ให้ญาติโยมปิดทองที่ดวงตาองค์พระศิลาแลง จึงได้นำแว่นตามาใส่ให้แก่องค์พระศิลาแลง หลังจากองค์พระศิลาแลงใส่แว่นตาแล้ว ชาวบ้านโกรกกรากและใกล้เคียง จึงได้นำแว่นตามาถวายแทนการปิดทองที่ดวงตา จนถือปฏิบัติเป็นประเพณีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และได้ขนานนามท่านว่า “หลวงพ่อปู่”
เล่าสืบกันว่าในอดีต บ้านท่าฉลอมและบ้านท่าจีน เป็นเมืองทำมาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของชาวจีนโพ้นทะเล สมัยนั้นใช้เรือสำเภาใบสองเสาบรรทุกสินค้าเข้ามา พอเรือแล่นผ่านหน้าวัดโกรกกราก ก็จุดประทัดไหว้หลวงพ่อปู่ เพื่อขอพรให้สินค้าขายดี พอสินค้าหมดเดินทางกลับก็จุดประทัดไหว้หลวงพ่อปู่ ขอให้เดินทางกลับถิ่นฐานด้วยความปลอดภัยซึ่งชาวจีนถือปฏิบัติเช่นนี้ตลอดการติดต่อค้าขายทางเรือ
ต่อมาเรือประมง เมื่อจะออกทะเลหาปลา ก็จุดประทัดไหว้หลวงพ่อปู่ตามแบบอย่างชาวจีนด้วย รวมถึงการค้าขายทางบก พ่อค้าแม่ค้าก็มักยึดถือตามๆ กันมา แม้แต่สาธุชนที่มาไหว้หลวงพ่อปู่ในปัจจุบันส่วนมากก็จุดประทัดถวายหลวงพ่อปู่ เป็นประจำทุกๆ วันเช่นเดียวกัน ส่วนคนในพื้นที่ถ้าขับยวดยานพาหนะผ่านโบสถ์หลวงพ่อปู่ก็จะบีบแตรถวายสักการะองค์หลวงพ่อปู่ทุกครั้ง
ส่วนประวัติของหลวงปู่กรับนั้น พ.ศ.๒๔๖๓ ท่านได้รับการแต่งตั้งจากทางคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโกรกกราก เมื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้วได้พัฒนาวัดให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ในปีและได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลมหาชัย เขต ๒ พ.ศ.๒๔๘๕ จากนั้น พ.ศ.๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นเอกในราชทินนาม พระครูธรรมสาคร
หลวงปู่กรับ เป็นพระที่ทรงวิทยาคมสูง จนมีผู้กล่าวขวัญกันว่า “ถ้ามีเหรียญหลวงปู่กรับแขวนคอแล้ว จะแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ถึงจะตกระกำลำบากอยู่ที่ใด ก็จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย” ท่านประกอบคุณงามความดีและประพฤติพรตพรหมจรรย์มั่นคงตลอดมา ตั้งแต่ได้รับบรรพชาอุปสมบท จนถึงกาลอวสานแห่งชีวิต เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๗
นอกจากนี้แล้วยังมีความพิเศษของการบนและแก้บนที่เหมือนกัน คือ ทั้งหลวงพ่อปู่ และหลวงปู่กรับ คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับตาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นตาแดง ตากุ้งยิง ริดสีดวงตา ตาเจ็บ ตาอักเสบ สายตาสั้น ฯลฯ นอกจากรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุปันแล้ว ทั้งผู้ที่เป็นโรคและญาติๆ มักจะมาบนขอให้หายจากโรคตาที่เป็นอยู่ โดยมีคติความเชื่อว่าจะหายจากโรคตาที่เป็นอยู่ และเมื่อหายแล้วก็จะนำแว่นตามาถวายหลวงพ่อปู่ เมื่อมีการสร้างรูปหล่อหลวงปู่กรับ คนก็จะมาบนกับหลวงปู่กรับไปพร้อมๆ กัน แว่นตาที่คนนำมาบนนั้นมีทุกประเภท ทั้งนี้เมื่อนำแว่นใหม่มาใส่ให้ก็จะลาแว่นเก่าของหลวงพ่อปู่ และของหลวงปู่กรับ นำไปใส่เพื่อความเป็นสิริมงคล
โบสถ์หลวงพ่อปู่ และวิหารหลวงปู่กรับจะเปิดให้ผู้มาทำการสักการะกราบไหว้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๑๙.๐๐ น. พุทธศาสนิกชนท่านใดจะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรในช่วงเทศกาลตรุษจีน รวมทั้งวันอื่นๆ โดยสามารถชมแลอ่านรายเอียดข้อมูลของวัดเพิ่มเติมได้ที่ www.watkrokkrak.com
อ.โจ้