ฤาษีลูจีบรมครูเขาอ้อ วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ปี ๒๕๔๔  

 

ตามบันทึกเก่าแก่ของสำนักเขาอ้อ ได้ระบุนามของบรมครูฤาษีแห่งสำนักตักศิลามหาเวทย์แห่งนี้ว่า มีอยู่สองท่านคือ
ฤาษีนอโมและฤาษีลูจี ท่านทั้งสองเป็นผู้มอบตำราวิทยาคม
จากสายพราหมณ์ผู้เรืองเวทย์กับพระภิกษุนามว่า"ทอง"แห่งวัดน้ำเลี้ยว ก่อนจะเชิญพระอาจารย์ทองมาตั้งวัดเขาอ้อแทน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง...  เหรียญพระกีสนาคมหาเถระอุปคุต  ปางปราบมารมัด วัตรป่าเจ้าสัว จ.อุบลฯ ขวัญกำลังใจที่พึ่งได้ในยุคโควิด19

รูปหล่อบรมครูฤาษีเขาอ้อ ขนาดบูชา๕นิ้ว (ด้านหน้า)

เพื่อให้เป็นผู้สืบทอดสรรพวิชาไสยเวทย์และวิชาสมุนไพรจากสายพราหมณ์สู่สายพุทธศาสนาที่เข้ามามีบทบาทในดินแดนคาบสมุทรแห่งนี้

จึงเป็นที่รู้กันว่า การสร้างบรมครูฤาษีนอโม-ลูจี จึงมีการจัดสร้างมาเป็นระยะๆแต่ยังไม่สามารถสืบค้นได้ว่า ใครสร้างขึ้นเป็นคนแรก-รุ่นแรก เพราะเท่าที่ทราบก็มีมานานมากแล้ว

แต่ที่มีการบันทึกประวัติการจัดสร้างเอาไว้อย่างชัดเจน
และนับเป็นวัตถุมงคลฤาษีสายเขาอ้ออีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมในบรรดานักสะสมมาก หายาก

 เพราะเป็นของดี พิธีใหญ่ เกจิดัง สายตรงสร้าง พุทธคุณ วิทยาคม ไสยเวทย์ครบครันก็คือ บรมครูฤาษีลูจีปี ๒๕๔๔

 

รูปหล่อบรมครูฤาษีเขาอ้อ (ด้านหลัง)

 

เพราะรุ่นนี้  ท่าน พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธีกรรมในวงการฯจึงเรียกวัตถุมงคลรุ่นนี้ว่า รุ่นขุนพันธ์ พุทธาคมเขาอ้อ เป็นมงคลวัตถุที่ขุนพันธ์ฯ สร้างร่วมกับพ่อท่านกลั่น เจ้าอาวาส วัดเขาอ้อ (ในสมัยนั้น)

ที่บอกว่า สุดยอดผมจะเล่าให้ฟังว่า สุดยอดตรงไหน?
เริ่มจาก โลหะชนวนมวลสาร มหามงคล ฤษีบรมครูรุ่นนี้เด่นทั้งเนื้อโลหะและเนื้อผง

เพราะล้วนแล้วแต่ใช้ส่วนผสมหลักของพระหลวงพ่อทวด รุ่น ๑๐๐ ปี ขุนพันธ์รักษ์ราชเดชซึ่งมีชนวนโลหะอถรรพเวท แร่ธาตุกายสิทธิ์ จากปลียอดทองคำ พระบรมธาตุเจดีย์ เมื่อครั้งบูรณะปลียอดทองคำ พระบรมธาตุเจดีย์ เมื่อปี ๒๕๓๗ -๒๕๓๘  โดยทางกรมศิลปากร ได้มอบให้ท่านขุนพันธ์ฯ ไว้

และยังมีโลหะชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีกมากจากพระเกจิอาจารย์ทั่วสารทิศ รวมทั้งแผ่นพระยันต์ ๑๐๘นะ ๑๔นะ
ที่พิเศษสุดก็คือ เนื้อนวโลหะพิเศษแก่ทองได้ใช้ทองคำ ๒กิโล (น้ำหนัก ๑๓๐บาท) ผสมหลอมลงไปด้วยเพื่อให้เนื้อหากลับดำสนิท 

 

ทุกองค์ตอกโค๊ตหมายเลขกำกับ

 

นอกจากนี้ยังใส่เนื้อทองมหาสัตตโลหะ ที่สร้างขึ้นมาตามตำรับวิชาเล่นแร่แปรธาตุสำนักเขาอ้อ คือมีสีสันวรรณะ คล้ายทองคำ โดยไม่มีทองคำผสมอยู่เลย 

อีกความสุดยอดคือ สุดยอดพิธีกรรม เพราะมีการจัดขึ้นสามพิธีมหามงคล ด้วยเหตุว่า พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นศิษย์ฆราวาสเขาอ้อสายตรงมาช้านานจึงยึดมั่นและเคร่งครัดในด้านพิธีกรรมอย่างยิ่ง

พิธีกรรมปลุกเสก ๓ วาระดังนี้
ครั้งที่ ๑ พิธีเททองแบบโบราณตามตำหรับสำนักวัดเขาอ้อ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ พฤภาคม พ.ศ.๒๕๔๔ เวลา ๐๙.๑๙ น. ณ.สำนักวัดเขาอ้อโดยมีพระเกจิอาจารย์จำนวน ๘ รูปนั่งปรกปลุกเสกประจำทิศ และศิษย์ฆราวาสเขาอ้อ คือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อาจารย์ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช และอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ร่วมกัน ประกอบพิธีกรรมอ่านโองการณ์บวงสรวงอัญเชิญเทพยดา เจ้าป่าเจ้าเขา บูรพคณาจารย์สำนักเขาอ้อ

ครั้งที่ ๒ พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ.พระวิหารหลวงวัดพระมหาธาตุวรวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ในวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๔ เวลา ๐๙.๑๙ น. โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายใต้นั่งปรกบริกรรมภาวนา โดยมีพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นเจ้าพิธี
 

ใต้ฐาน อุดด้วย บรมครูฤาษีเนื้อว่าน

 

ครั้งที่ ๓ พิธีปลุกเสกภายในถำฉัตรทัณฑ์ ณ.วัดเขาอ้อ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๔๔ เวลา เวลา ๐๙.๑๙ น. โยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายเขาอ้อนั่งปรกปลุกเสก และฆราวาสศิษย์เขาอ้อคือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อาจารย์ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช และอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ร่วมกันเป็นเจ้าพิธีกรรมบวงสรวงเทพยดา เจ้าป่าเจ้าเขาบูรพคณาจารย์เขาอ้อให้มาเป็นสักขีพยาน และร่วมประสิทธิ์ประสาทความศักดิ์สิทธิ์

..........
เพราะฉะนั้นจึงต้องว่า พุทธคุณเหลือกินเหลือใช้ ใครมีไว้
บูชาเสมือนว่า บรมครูฤษีเขาอ้อคือ ท่านบรมครูลูจีมาอยู่เป็นมิ่งขวัญคุ้มครองท่านและครอบครัว

..........