พระเครื่อง

'โอ๋ หนามแดง' คนหนุ่มสายเลือดใหม่ผู้ชำนาญพระ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว

'โอ๋ หนามแดง' คนหนุ่มสายเลือดใหม่ผู้ชำนาญพระ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว

24 ม.ค. 2553

แม้ว่า จ.สมุทรปราการ จะเป็นเมืองเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีที่ตั้งเดิมอยู่ที่ อ.พระประแดง ในทุกวันนี้ แต่เมืองนี้ก็ไม่มี พระกรุ บรรจุไว้ในโบราณสถานแห่งใดมาก่อนเลย

 สิ่งที่เชิดหน้าชูตาทางด้านพระเครื่องพระบูชาของ จ.สมุทรปราการ กลับเป็น พระเครื่องรางของขลัง ที่สร้างขึ้นโดยพระเกจิอาจารย์ในยุคเก่าก่อน ที่โด่งดังสุด คือ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย อ.คลองด่าน พระเกจิอาจารย์สมัยรัชกาลที่ ๕ ผู้ปลุกเสก "เสือ" ที่แกะมาจากเขี้ยวเสือจริง มีหลายขนาด จนโด่งดังไปทั่วประเทศ และมีการซื้อขายกันในทุกวันนี้ ตัวละหลายแสนบาทขึ้นไป

 นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์รุ่นถัดมาอีกหลายท่าน ที่โด่งดังมากเช่นกัน อาทิ หลวงพ่อเชย วัดบางกระสอบ หลวงพ่อแย้ม วัดด่านสำโรง หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ฯลฯ...จนถึงพระเกจิอาจารย์รุ่นปัจจุบัน ที่ได้สืบทอดวิชาอาคมจากพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าก่อนอีกหลายท่าน

 ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชาวสมุทรปราการมีพระเครื่องของท้องถิ่นได้เช่าหาแลกเปลี่ยนกันมากพอสมควร จนถึงทุกวันนี้ ได้มีพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์หลายท่านได้กลายเป็นพระหลักยอดนิยมของวงการพระทั่วไปแล้วก็มี

 จากการที่มีพระเครื่องของหลายพระเกจิอาจารย์ในท้องถิ่นนี้ ทำให้ก่อเกิดผู้สนใจสะสมพระเครื่องขึ้นในระดับชาวบ้านตามชุมชนต่างๆ และได้มีการพัฒนาความรู้ความสามารถขึ้นตามลำดับ จนบางคนได้กลายเป็น เซียนพระ ท้องถิ่นที่วงการพระส่วนกลางได้ให้การยอมรับ จนมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาหลายคนด้วยกัน ทั้งคนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ จนถึงกับมีการจัดตั้ง ชมรมพระเครื่องสมุทรปราการ โดยมีการจัดงานประกวดพระมาแล้วหลายครั้งด้วยกัน

 สำหรับ เซียนพระ คนหนุ่มสายเลือดใหม่ ที่กำลังมาแรงในทุกวันนี้ และเป็นผู้มีอนาคตก้าวไกล สดใสในวันข้างหน้า คนหนึ่งก็คือ โอ๋ หนามแดง หรือเจ้าของชื่อจริง อนุชา สุริยะยานนท์ เลขานุการ ชมรมพระเครื่องสมุทรปราการ

 โอ๋ หนามแดง เป็นชาวบางพลี จ.สมุทรปราการ โดยกำเนิด อายุเพิ่งเลยวัย ๓๐ ไปเล็กน้อย แต่มีสายตาเฉียบขาดมาก ในการพิจารณาพระเครื่องหลายประเภท โดยเฉพาะพระเครื่องของ จ.สมุทรปราการ

 โอ๋ เล่าว่า สมัยเด็กเรียนหนังสือข้างบ้าน ไปจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ ที่โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว แล้วก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย โดยทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย เริ่มต้นจากอาชีพขายอาหารสัตว์ ทำอยู่ระยะหนึ่งก็ไปเปิดโรงงานทำจิวเวลรี่ ต่อมาได้เปิดร้านขายยาแผนปัจจุบันอยู่ที่หน้าวัดหนามแดง อันเป็นถิ่นฐานที่อยู่ในทุกวันนี้

 "ในช่วงที่ผมกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถม จนถึงชั้นมัธยมศึกษา ได้พบเห็นผู้ใหญ่แถวบ้าน มักจะพูดคุยกันถึงเรื่องพระเครื่อง ตามร้านกาแฟ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของชาวบ้านทั่วๆ ไป ในบางครั้งก็มีการซื้อขายพระ แลกเปลี่ยนพระกันเป็นประจำ ส่วนใหญ่เป็นพระในท้องถิ่น โดยเฉพาะพระหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยนั้น และเป็นพระที่ชาวบ้านรุ่นเก่าได้รับมาจากมือของหลวงปู่โดยตรง" โอ๋ หนามแดง เล่าถึงอดีตตัวเองที่ผ่านมา

 โอ๋ เล่าต่ออีกว่า "จากจุดนั้น ทำให้ผมมีโอกาสได้พบเห็นพระหลวงปู่เผือกบ่อยๆ ขณะเดียวกัน ก็มีผู้เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เผือกต่างๆ นานา จนทำให้ผมเกิดความสนใจขึ้นมาบ้าง จึงได้ขอพระหลวงปู่เผือกจากผู้ใหญ่มาดูบ้าง ตอนแรกๆ ก็ดูด้วยตาเปล่า ต่อมาก็มีผู้แนะนำว่า การดูพระ ต้องดูผ่านแว่นขยาย จึงจะเห็นรายละเอียดของพิมพ์พระ และเนื้อหามวลสารต่างๆ ก็มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเมตตาให้ยืมแว่นขยายมาส่องดูองค์พระ ในมุมต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ท่านสอนให้ ทำให้เห็นรายละเอียดของเนื้อพระ และลักษณะของพิมพ์ทรง พร้อมกับได้รับคำแนะนำว่า พระหลวงปู่เผือกมีพิมพ์ต่างๆ มากมาย ที่นิยมกันมากที่สุด คือ พิมพ์ขุดสระใหญ่ พิมพ์ขุดสระเล็ก ซึ่งมีราคาแพงพอสมควร ด้วยความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงขอเช่าพระหลวงปู่เผือกจากผู้ใหญ่ท่านนั้น โดยเริ่มจากพิมพ์ที่มีราคาไม่แพงนัก แล้วค่อยๆ เพิ่มพิมพ์ที่มีราคาแพงขึ้น จำได้ว่า ช่วงที่กำลังเรียนชั้นมัธยมปลาย ผมก็มีพระหลวงปู่เผือกในครอบครองหลายองค์ ก็ได้อาศัยพระที่มีอยู่นี้ศึกษาในเรื่องของพิมพ์ทรง และเนื้อหามวลสาร จนจำได้แม่นพอสมควร เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว จึงไม่มีใจที่คิดอยากจะเรียนต่อ อยากเรียนรู้เรื่องพระเครื่องมากกว่า เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นช่องทางทำมาหาเงินได้ด้วย"  

 หลังจากนั้น เมื่อออกทำงาน และมีเงินมากขึ้น โอ๋จึงหาโอกาสเข้าสนามพระในส่วนกลาง โดยเริ่มจากชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซา สุรวงศ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "สนามพระไฮโซ" มีร้านของเซียนพระตัวจริงหลายท่าน จึงได้ขอเช่าพระไปไว้ที่บ้าน เพื่อการสะสมและศึกษา

 ต่อมาได้เข้าสนามพระท่าพระจันทร์ ได้รู้จักกับ แว่น จอมทอง ต้น ท่าพระจันทร์ ฯลฯ ก็ได้รับความรู้ในการดูพระอย่างหลากหลาย ขณะเดียวกันก็ยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องพระมากขึ้นเรื่อยๆ และเห็นว่าคนหนุ่มสายเลือดใหม่ หลายคนอายุยังน้อย แต่มีความสามารถในการดูพระเก่ง จนมีฐานะทางการเงินสูง ยึดอาชีพการซื้อขายพระได้อย่างมั่นคง

 ในขณะที่ตัวของ โอ๋ เองก็เป็นคนหนุ่มในวัยเดียวกันนี้ หากเรียนรู้กันจริงๆ ก็คงจะเก่งขึ้นได้เหมือนกัน โอ๋จึงตั้งปณิธานว่า จะต้องเดินไปให้ถึงจุดนั้นให้จนได้

 จากท่าพระจันทร์...โอ๋ได้เดินเข้าสู่สนาม...ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ได้รู้จักกับเซียนพระดังๆ อีกหลายคน โดยเฉพาะ ป๋อง สุพรรณ แชมป์แฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง ทำให้มีโอกาสได้เช่าพระหลักยอดนิยมอยู่เสมอ

 พระที่ได้มานี้ล้วนเป็น พระแท้ดูง่าย จึงถือเป็นพระองค์ครู สำหรับเอาไว้ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ จากองค์พระได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับเป็นวิธีการศึกษาพระเครื่องที่ดีที่สุด และถูกต้องที่สุด ควรที่ผู้เริ่มสนใจเข้ามาสู่วงการพระได้ยึดถือไว้เป็นแนวทางปฏิบัติ

 "ช่วงนั้น ผมเช่าพระเอาไว้มากมาย และได้ติดตามไปเที่ยวงานประกวดพระทุกแห่งหน จนมีโอกาสได้รู้จักกับเซียนพระกว้างขึ้น ทั้งคนหนุ่มในรุ่นราวคราวเดียวกัน ไปจนถึงเซียนพระรุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้เกิดความสุขสนุกสนานเป็นอันมาก ขณะเดียวกัน ก็ได้เรียนรู้เรื่องพระเครื่องต่างๆ มากขึ้น ไม่เฉพาะแต่พระในท้องถิ่น จ.สมุทรปราการ เท่านั้น พระกรุพระเก่าของเมืองอื่นๆ ที่นิยมกัน ก็ได้เรียนรู้ด้วย" โอ๋ กล่าวถึงจุดแจ้งเกิดของตัวเอง

 จากการเข้าร่วมงานประกวดพระบ่อยๆ และได้บริจาคเงินช่วยการจัดงาน ซึ่งล้วนเป็นการกุศลอยู่เสมอ ทำให้ชื่อของ โอ๋ หนามแดง ได้รับการกล่าวถึงเป็นประจำ จนเป็นที่รู้จักของเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการพระเป็นอย่างดี และได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการตัดสินพระชุด จ.สมุทรปราการ อยู่เสมอ จนเป็นที่ยอมรับของผู้ร่วมงานประกวดพระว่า โอ๋ เป็นผู้มีสายตาเฉียบขาดในพระสายนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และยุติธรรม ตลอดมา ทำให้ชื่อของ โอ๋ โด่งดังขึ้นตามลำดับ จนถึงทุกวันนี้ รวมเวลาที่อยู่ในวงการพระมาได้ ๗ ปีเต็ม

 และเมื่อมีการจัดตั้ง ชมรมพระเครื่องสมุทรปราการ โดยมี จงรักษ์ สิริสกุลองค์ (รักษ์ สุวรรณภูมิ) เป็นประธานชมรม โอ๋ หนามแดง ก็ได้รับการไว้วางใจให้เป็นเลขานุการชมรม คู่กับ พิเชษฐ โปร่งแก้วงาม (หอย ปากน้ำ)

 ที่ผ่านมา ชมรมพระเครื่องสมุทรปราการ ได้มีโอกาสจัดประกวดพระไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี ๒๕๕๑ โดยได้รับความสนใจร่วมงานจากนักสะสมพระเครื่องทั่วประเทศเป็นอย่างดี

 สำหรับพระเครื่องที่ โอ๋ มีความชำนาญเป็นพิเศษ คือ พระหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว รวมทั้งพระสาย จ.สมุทรปราการ สามารถดูได้เฉียบขาด ทุกรุ่นทุกเนื้อ และทุกสำนัก

 คติธรรมในการดำเนินชีวิตคือ ไม่หลอก ไม่โกง ไม่เอาเปรียบคนอื่น และรู้คุณคน
 ทุกวันนี้ โอ๋ หนามแดง เปิดร้านพระอยู่ที่หลังวัดหนามแดง ถนนศรีนครินทร์-บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โทร.๐-๒๗๕๓-๖๘๐๗, ๐๘-๑๘๑๔-๘๒๙๕