พระเครื่อง

ชั่วโมงเซียนอ.โสภณ-ยันต์..."พระสิวลี"

ชั่วโมงเซียนอ.โสภณ-ยันต์..."พระสิวลี"

17 ม.ค. 2553

ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งตรงกับคืนวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๗.๕๙ น. ใครที่ไปร่วมพิธีสืบสานตำนานพระเวทย์สวดนพเคราะห์ เสริมสิริมงคลเสริมบารมี บูชาพระประจำวันเกิด เพื่อคุ้มครองป้องกันสรรพภยันตรายทั้งปวง

ส่งท้ายปีเก่ารับพรปีใหม่ ที่วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ทายาทศิษย์เอกหลวงพ่อพูล อัตตะรักโข นอกจากผู้เข้าร่วมพิธีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันยังได้รับพระสิวลี มหาลาภโภคทรัพย์ เนื้อผง แจกฟรี

 พระสิวลีที่แจกในคืนนั้นเป็นพระสิวลีที่หลวงพี่น้ำฝนได้จัดสร้างวัตถุมงคลที่ระลึก ๔ ปี หลวงพ่อพูลละสังขาร โดยประกอบพิธีปลุกเสกในวันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒ อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่วาส วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ. นนทบุรี หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ร่วมสมทบทุนสร้างกุฏิทรงไทยประดิษฐานสังขารหลวงพ่อพูลตลอดไป

  สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอักขระเลขยันต์ เหรียญพระสีวลีรุ่นนี้มีคาถาที่น่าสนใจอยู่ ๔ บท คือ ๑.ด้านหน้าองค์พระสีวลี ยืนหันข้าง ล้อมรอบด้วยลายกนก มีหัวใจพระสีวลีคือ นะ ชา ลี ติ ๒.ด้านหลังเหรียญ มียันต์คาถาเรียกลาภที่ว่า เอหิลาภัง มานิ มา มา ๓.คาถาเรียกทรัพย์ ที่ว่า เอหิโภคัง มานิ มา มา เรียกทรัพย์ให้มา และ ๕.ตรงกลางที่เขียนอยู่ในตาราง คือ เป็นยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ ที่ว่า นะ โม พุท ธา ยะ ส่วนด้านล่างเหรียญอักษรภาษาไทยเขียนว่าเงินทองไหลมา นะชาลีติ

 การเขียนยันต์ในลักษณะนี้ ผู้เขียนมุ่งเน้นพุทธคุณด้านมหาอุด และป้องกันภัย โดยเขียนร้อยกันเป็นซึ่งสามารถอ่านได้จากทุกด้าน เกจิอาจารย์ยุคโบราณมักจะจารยันต์ตัวนี้ลงบนแผ่นหนังเสือ โลหะ เพื่อทำตะกรุดโทนมหาอุด  ทั้งนี้ หากใครได้ศึกษาตำราอักขระเลขยันต์จะพบว่า ยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ที่เขียนอยู่ในตารางนั้น เป็นยันต์ในตำราพิชัยสงคราม ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งยันต์ด้านมหาอุด

 ส่วนคาถาหัวใจพระฉิมพลี ที่ว่า "นะ ชา ลิ ติ" หรือ "นะ ชา ลี ติ" ถอดมาจากคาถา "ธรณีปริต" ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานให้พระอานนท์ คาถาเริ่มจาก "ชาโล มหาชาโล ชาลัง มหาชาลัง ชาลิเต มหาชาลิเต ชาลิตัง มหาชาลิตัง มุตเต มุตเต มุตตัง มุตตัง สัมปัตตัง สุตัง คะมิติ สุตังคะมิติ มัคคะยีติ ทิฏฐิลา ทัณฑะลา มัณฑะลา โรคิลากะระลา ทุพพะลา ริตติ ริตติ กิตติ กิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ มุตติ มุตติ จุตติ จุตติ ธาระณี ธาระณีติ อิทังธา ระณะ ปะริตตัง"
 
 เกจิอาจารย์ยุคโบราณถ้าหากว่าจะลงอักขระให้ครบทุกตัวนั้นก็คงจะยาวเกินไป จึงได้มีการย่อคาถาบทต่างๆ ให้สั้นลง ซึ่งเรียกว่า "หัวใจ" และคาถา "ธรณีปริตร" ดังกล่าวนี้ก็ได้ย่อให้เหลืออักขระที่เป็นหัวใจเพียงสี่ตัว คือ "นะ ชา ลิ ติ "

 อย่างไรก็ตาม มีคติความเชื่อว่า ใครที่บริกรรมคาถาหัวใจพระฉิมพลีควงกัน ๔ คาบ ที่ว่า "นะชาลีติ ชาลีตินะ ลีตินะชา ตินะชาลี" สามารถใช้อธิษฐานจิตเสกใช้เสกแป้งหรือน้ำมันลูบไล้ตามร่างกายหรือใบหน้า ทำให้คนเห็นคนรัก ใครเห็นใครชม มีเสน่ห์

 คนไทยเรามีคติความเชื่อกันมานานว่า กราบบูชาพระสิวลีแล้วชีวิตจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เนื่องเพราะพระสิวลี เป็น ๑ ใน ๘๐ พระอสีติมหาสาวก หรือศิษย์เอกของพระพุทธเจ้า

 พวกเราคุ้นเคยกันดีกับรูปลักษณ์ของพระสิวลีที่เป็นภิกษุ มือขวาถือไม้เท้า มือซ้ายแบกกลด สะพายบาตรบ้าง สะพายย่ามเครื่องอัฐบริขารบ้าง

 ลักษณะของการสร้างพระสิวลี มีความหมายแฝงอยู่ คือ ๑.มือขวาถือไม้เท้า ให้พุทธคุณด้านการค้ำจุน เกื้อกูลสนับสนุน ๒.มือซ้ายแบกกรด ให้พุทธคุณทางด้านให้ความร่มเย็นเป็นสุข ปกเกศคุ้มเกล้า ถ้าถือพัด หมายถึง จะพัดสิ่งร้ายๆ ออกจากตัว และพัดสิ่งดีๆ โชคลาภมาสู่ผู้ที่บูชา และ ๓.สะพายบาตรบ้าง สะพายย่ามเครื่องอัฐบริขารบ้าง ให้พุทธคุณด้านความสมบูรณ์ มีทรัพย์สินเงินทอง มีอิ่มไม่มีอด มีโชค มีลาภ

 พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสิวลีเป็นเอตทัคคะในทางมีลาภมาก เพราะท่านมีบุญบารมีสูง พระสีวลีเถระ เป็นพระมหาเถระที่มีประวัติค่อนข้างแปลกไปกว่าพระมหาเถระองค์อื่นๆ ท่านต้องอยู่ในครรภ์พระมารดาอยู่ถึง ๗ ปี กับอีก ๗ วัน

 ด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมาส่งผล และพระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ แม้พระมารดาคือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ ก็ทรงเป็นเอตทัคคะผู้กว่าพระสาวิกาทั้งหลายผู้ถวายสิ่งของอันประณีต

 การที่พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะดังกล่าวก็เป็นไปตามความปรารถนาของท่านมาแต่ในอดีต

 พระสีวลีเถระ เป็นพระโอรสของพระนางสุปปวาส ผู้เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงโกลิยะ อยู่ในพระครรภ์ถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน เมื่อทรงพระครรภ์ทำให้พระมารดาสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะมาก เมื่อประสูติก็ประสูติง่าย ด้วยพุทธานุภาพที่พระราชทานพรว่า "ขอพระนางสุปปวาสาจงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชบุตรผู้ไม่มีโรคเถิด"

 เมื่อประสูติและพระประยูรญาติขนานถวายพระนามว่า สีวลีกุมาร ในวันที่นิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหารตลอด ๗ วัน สีวลีกุมารก็ได้ถือธมกรกรองน้ำถวายพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ตลอด ๗ วัน

 นอกจากนี้แล้ว ยังมีคาถาอีกบทหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่า สุดยอดแห่งความร่ำรวยและมั่งมี คือ คาถาหัวใจมหาเศรษฐีที่ว่า "อุ อา กะ สะ" โดยแต่ละหัวมีความหมายดังนี้ 

   อุ ย่อมาจาก อุฏฐานสัมปทา หมายถึง ให้หมั่นขยันหาความรู้ ขยันทำมาหากิน ขยันในกิจการงานต่างๆ มีความรับผิดชอบหนักเอาเบาสู้ เป็นต้น

 อา ย่อมาจาก อารักขสัมปทา หมายถึง ให้รู้จักออมเงินที่หาได้มา ใช้จ่ายเงินแบบมีเหตุผล มีวินัยในการใช้เงิน และทำงานในหน้าที่ให้ดี

 กะ ย่อมาจาก กัลยาณมิตตา หมายถึง การมีเพื่อนเป็นคนดี คนดี คือ คนที่ไม่ชั่ว เช่น...ไม่ปอกลอก ไม่ดีแต่พูด ไม่ชักนำไปในทางเหลวไหล

 สะ ย่อมาจาก สมชีวิตา หมายถึง รู้จักใช้จ่ายตามกำลังเงินที่มี ไม่ฟุ่มเฟือยหรือประหยัดจนต้องลำบากเกินไป

 หากท่อง "อุ อา กะ สะ”เป็นภาษาบาลีคงจำยาก เอาเป็นแปลไทยสั้นๆ จะได้จำง่ายๆ ว่า “ขยันหา ขยันเก็บ คบคนดี มีชีวิตพอเพียง” หากใครบริกรรมและทำได้ตามคำอธิบายของคาถาแล้ว รับรองว่า ร่ำรวยทั่วหน้ากันทุกคน