
แว่นดำแว่นแฟชั่น แก้บน...หลวงพ่อปู่ หลวงปู่กรับ วัดโกรกกราก
"หลวงพ่อปู่" เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดโกรกกราก ถนนธรรมคุณากร ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ความพิเศษของพระพุทธรูปองค์นี้คือ "ใส่แว่นตา ทั้งแว่นดำ แว่นแฟชั่น รวมทั้งแว่นสายตา"
ขณะเดียวกัน รูปหล่อของพระครูธรรมสาคร ญาณวฒโน หรือหลวงปู่กรับ อดีตเจ้าอาวาสวัดโกรกกราก ก็มีคนนำแว่นตาทุกชนิดไปใส่ให้ท่านเช่นเดียวกับหลวงพ่อปู่
สำหรับความเป็นมาของหลวงพ่อปู่นั้น เคยประดิษฐานอยู่ที่วัดช่องสะเดา เป็นวัดร้างเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ซึ่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ ปรักหักพังหมดแล้ว
ดังนั้นชาวรามัญบ้านกำพร้า จึงอัญเชิญมาทางเรือสององค์ องค์หนึ่งเนื้อสัมฤทธิ์ อีกองค์หนึ่งเนื้อศิลาแลง ล่องเรือมาตามแม่น้ำท่าจีน พอเรือใกล้ถึงหน้าวัดโกรกกราก ได้เกิดลมพายุฝนตกหนัก ล่องเรือต่อไปไม่ได้ จึงนำเรือมาจอดหลบลมฝนริมคลองข้างวัด พอจอดเรือเรียบร้อยก็ช่วยกันยกพระศิลาแลงขึ้นมาบนฝั่ง เพื่อไม่ให้ถูกน้ำฝนเซาะ
เมื่อลมฝนสงบแล้ว จึงยกพระศิลาแลงลงเรือ เพื่อจะล่องต่อไป แต่ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น ทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น และหนึ่งในจำนวนชาวรามัญบ้านกำพร้าที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้อธิษฐานว่า ถ้าพระศิลาแลงจะอยู่วัดโกรกกราก ก็ขออัญเชิญพระศิลาแลงไปประดิษฐานยังอุโบสถ ปรากฏว่ายกขึ้น
นับแต่นั้นมา วัดจึงมีพระศิลาแลงเป็นพระประธานในอุโบสถจนถึงปัจจุบัน
ส่วนสาเหตุที่ต้องใส่แว่นดำนั้น พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ หรือพระมหาสัมฤทธิ์ วิสุทฺธสีโล เจ้าคณะตำบลโกรกกราก และเจ้าอาวาสวัดโกรกกราก ในปัจจุบัน เล่าให้ฟังว่า
เมื่อครั้งบวชพระใหม่ๆ เคยสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุ ๘๐-๙๐ ปี ต่างได้รับคำตอบในทำนองเดียวกันว่า "เห็นมาตั้งแต่เกิดเช่นกัน"
ดังนั้นการถวายแว่นแก้บนน่าจะเกิดขึ้นเมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว ขณะเดียวกันก็มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เนื่องจากครั้งหนึ่งได้เกิดโรคตาแดงระบาดไปทั่วบ้านโกรกกราก การแพทย์ยังไม่เจริญ รักษากันตามมีตามเกิด แต่ก็ไม่หาย ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาองค์พระศิลาแลงกันมานาน จึงได้พากันมาบนบานศาลกล่าว ถ้าตาหายเจ็บหายแดง จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง
ผลปรากฏว่าตาหายแดงกันทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้นำแผ่นทองมาปิดที่ตาขององค์พระศิลาแลงเต็มไปหมด ครั้นหลวงปู่กรับได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส มาพบเห็นเข้า จึงหาอุบายเพื่อไม่ให้ญาติโยมปิดทองที่ดวงตาองค์พระศิลาแลง จึงได้นำแว่นตามาใส่ให้องค์พระศิลาแลง หลังจากองค์พระศิลาแลงใส่แว่นตาแล้ว ชาวบ้านจึงได้นำแว่นตามาถวาย แทนการปิดทองที่ดวงตา จนถือปฏิบัติเป็นประเพณีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
"ทุกวันนี้คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับตาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นตาแดง ตากุ้งยิง ริดสีดวงตา ตาเจ็บ ตาอักเสบ สายตาสั้น ฯลฯ นอกจากรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุปันแล้ว ทั้งผู้ที่เป็นโรคและญาติๆ มักจะมาบนขอให้หายจากโรคตาที่เป็นอยู่ โดยมีคติความเชื่อว่าจะหายจากโรคตาที่เป็นอยู่ และเมื่อหายแล้วก็จะนำแว่นตามาถวายหลวงพ่อปู่ เมื่อมีการสร้างรูปหล่อหลวงปู่กรับ คนก็จะมาบนกับหลวงปู่กรับไปพร้อมๆ กัน แว่นตาที่คนนำมาบนนั้นมีทุกประเภท ทั้งนี้เมื่อนำแว่นใหม่มาใส่ให้ก็จะลาแว่นเก่าของหลวงพ่อปู่ และของหลวงปู่กรับ นำไปใส่เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยแต่ละวันมีคนนำแว่นมาถวาย ๕-๑๐ อัน ถ้าเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ เพิ่มเป็นหลายสิบอัน" พระมหาสัมฤทธิ์กล่าว
นอกจากความเชื่อดังกล่าวแล้ว พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ ยังบอกด้วยว่า ในอดีตบ้านท่าฉลอมและบ้านท่าจีน เป็นเมืองทำมาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของชาวจีนโพ้นทะเล สมัยนั้นใช้เรือสำเภาใบสองเสาบรรทุกสินค้าเข้ามา พอเรือแลนผ่านหน้าวัดโกรกกราก ก็จุดประทัดไหว้หลวงพ่อปู่ เพื่อขอพรให้สินค้าขายดี พอสินค้าหมดเดินทางกลับก็จุดประทัดไหว้หลวงพ่อปู่ ขอให้เดินทางกลับถิ่นฐานด้วยความปลอดภัย ซึ่งชาวจีนถือปฏิบัติเช่นนี้ตลอดการติดต่อค้าขายทางเรือ
ต่อมาเรือประมง เมื่อจะออกทะเลหาปลา ก็จุดประทัดไหว้หลวงพ่อปู่ตามแบบอย่างชาวจีนด้วย รวมถึงการค้าขายทางบก พ่อค้าแม่ค้าก็มักยึดถือตามๆ กันมา แม้แต่สาธุชนที่มาไหว้หลวงพ่อปู่ในปัจจุบัน ส่วนมากก็จุดประทัดถวายหลวงพ่อปู่เป็นประจำทุกๆ วันเช่นเดียวกัน
ส่วนคนในพื้นที่ถ้าขับยวดยานพาหนะผ่านโบสถ์หลวงพ่อปู่ก็จะบีบแตรถวายสักการะทุกครั้ง
โบสถ์หลวงพ่อปู่จะเปิดให้ผู้มาสักการะกราบไหว้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๑๙.๐๐ น. พุทธศาสนิกชนท่านใดจะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรสอบถามได้ที่โทร.๐-๓๔๔๒-๑๕๐๐ และ ๐๘-๑๖๕๘-๓๐๘๐ หรือที่ "www.watkrokkrak.com"
วันแซยิดหลวงพ่อปู่
พระมหาสัมฤทธิ์บอกว่า ครั้งหนึ่งมีหมอไสยศาสตร์จอมขมังเวท มองเห็นภายในองค์หลวงพ่อปู่เป็นทองคำเกิดความโลภอยากได้ทอง ในคืนหนึ่งได้เข้าไปลักลอบเจาะช่องท้องหลวงพ่อปู่ ปรากฏว่า ไม่พบทองแต่พบอะไรไม่ทราบ ถึงกับเสียสติบ้าคลั่ง และตายในเวลาต่อมา
ในครั้งนั้นหลวงปู่กรับ ลงไปทำวัตรในโบสถ์ได้พบเข้า จึงนำทองคลุกรักอุดรอยเจาะนั้นไว้ และทำพิธีบวงสรวงสักการะ ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย และในวันนี้ของทุกปีจึงเป็นที่มาของวันไหว้หลวงพ่อปู่ ในอดีตเรียกวันนี้ว่า “วันแซยิดหลวงพ่อปู่”
ด้วยความอัศจรรย์ใจ และศรัทธาในพุทธาภินิหาร จึงพร้อมใจกันจัดงานนมัสการขึ้น ตรงกับวันกลางเดือนยี่ (ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๒) ของทุกปีตลอดมา
งานเทศกาลปิดทองประจำปีหลวงพ่อปู่-หลวงปู่กรับ ในปีนี้จัดระหว่างวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ - ๕ มกราคม ๒๕๕๓ รวม ๗ วัน ๗ คืน
ทั้งนี้วัดจะคงความเป็นเอกลักษณ์ของงานวัดไว้ให้มากที่สุด คือ หนัง ลิเก ดนตรี ให้ชมฟรี ทั้งนี้ในแต่ละคืนวัดยังจ้างคณะดนตรีลูกทุ่งมาให้ชมฟรีอีกด้วย โดยวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ พบกับวงดนตรีลูกทุ่ง ไผ่ พงศธร วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ พบกับวงดนตรีลูกทุ่ง ชุมทางเสียงทอง และ แมงปอ ชลธิชา วันที่ ๒ มกราคม พบกับวงดนตรีลูกทุ่ง ทอปไลน์ ไดมอนด์ วันที่ ๓ มกราคม พบกับวงดนตรีลูกทุ่ง ตั๊กแตน ชลลดา และเอิร์น เดอะสตาร์
วันที่ ๔ มกราคม พบกับวงดนตรีลูกท่ง ศิริพร อำไพพงษ์ และวันที่ ๕ มกราคม พบกับวงดนตรีลูกทุ่ง เสียงอิสาน นกน้อย อุไรพร แสดงโต้รุ่ง รวมทั้งทุกๆ คืน จะมีหนังจอยักษ์ พร้อมประชันเครื่องเสียงคืนละ ๔ จอ ลิเก ๒ คณะ ได้แก่ ลิเกคณะไททูลย์บางระจัน และคณะณัฐ ชัยอนันต์
นอกจากนี้แล้วความเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเทศกาลปิดทองประจำปีหลวงพ่อปู่-หลวงปู่กรับ คือ การจำหน่ายสินค้าทุกชนิด ซึ่งจะมีร้านค้ากว่า ๑,๐๐๐ ร้านมาจำหน่ายสินค้า
"ทุกวันนี้คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับตาทุกชนิด นอกจากรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุปันแล้ว ทั้งผู้ที่เป็นโรคมักจะมาบนขอให้หายจากโรคตาที่เป็นอยู่ โดยมีคติความเชื่อว่าจะหายจากโรคตาที่เป็นอยู่"
เรื่อง... "ไตรเทพ ไกรงู"