พระเครื่อง

ดร.สร้อยเพชร เรศานนท์ 
กับวจี "เมื่อ...คนสร้างวัดวัดจะสร้างคน"

ดร.สร้อยเพชร เรศานนท์ กับวจี "เมื่อ...คนสร้างวัดวัดจะสร้างคน"

03 ธ.ค. 2552

"๑๐๐ รุ่นต่อปี หรือประมาณ ๕,๐๐๐-๘,๐๐๐ คนต่อปี" เป็นตัวเลขโดยประมาณของผู้เดินทางไปปฏิบัติธรรมที่วัดภูพานอุดมธรรม เลขที่ ๙๗ หมู่ ๑๒ บ้านดานสาวคอย ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม มีพระครูอุดมธรรมานุกูล เป็นเจ้าอาวาส โดยวัดแห่งนี้ได้รับคัดเลือกเป็นให้เป็น ๑ ในจำนวนวั

 อย่างไรก็ตาม ในการจัดสร้างพุทธมณฑลเฉลิมพระเกียรติฯ แห่งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากพลังศรัทธาของ ดร.สร้อยเพชร เรศานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บาชโทลด์ จำกัด และประธานดำเนินการกองทุน "สุวรรณวาจกกสิกิจ" ในการเชิญชวนพลังศรัทธาจากกัลยาณมิตร รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศ มาร่วมทำบุญสร้างวัดนี้จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

 ด้วยพลังศรัทธาในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ล่าสุด ดร.สร้อยเพชร ได้ขันอาสารับเป็นประธานโครงการฝ่ายคฤหัสถ์ ในโครงการบูรณะและพัฒนาสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม เฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว

 ทั้งนี้ จะมีการจัดสร้างอาคารโรงเรียนปริยัติธรรมเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว สร้างอาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ สร้างอาคารหอประชุมสัมมนาทางวิชาการ และพิพิธภัณฑ์ จัดสร้างสวนป่า ลานปฏิบัติธรรม ปรับปรุงภูมิทัศน์ของวัด รวมทั้งจัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี และแผนกธรรม สำหรับพระภิกษุสามเณร โดยมีการประมาณค่าใช้จ่ายไม่ตำกว่า ๔๐ ล้านบาท โดยโครงการจะเริ่มวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔

 "เมื่อคนสร้างวัดวัดก็จะสร้างคน" นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ดร.สร้อยเพชร ใช้เวลาว่างเว้นงนจากการทำธุรกิจขายนาฬิกาโฆรุ่ม นาฬิกาแบรนด์เนมชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์ มาทำงานเพื่อพุทธศาสนา ชนิดที่เรียกว่า "ทำงานวัดมากกว่าทำงานบริษัทของตัวเอง"

 นอกจากสร้างวัดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ ดร.สร้อยเพชร ทำอยู่เป็นประจำ คือ การสร้างคน โดยเธอมักจะได้รับเชิญไปบรรยายธรรมะในเรือนจำ ในโครงการเรือนจำเรือนธรรม อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง

 เรือนจำที่ไปบ่อยครั้งมากที่สุด คือ คลองเปรม สถานที่คุมขังผู้หญิงกว่า ๔,๐๐๐ คน หัวข้อที่พูดส่วนใหญ่จะพูดให้ผู้ต้องขังเห็นตัวของตัวเอง หรือรู้จักตัวตนที่แท้จริง

 ดร.สร้อยเพชร บอกว่า เมื่อมาทำงานวัดเพื่อนๆ ในแวดวงธุรกิจ มักจะตั้งคำถามว่า "ทุกวันนี้วัดมีอยู่มากมายสร้างเพิ่มใหม่ทำไม?" แต่ในความหมายที่แท้จริงของคำว่า สร้างวัด มิได้ใหม่ถึงสร้างวัดขึ้นใหม่ทั้งอย่างเดียวเท่านั้น หากยังหมายถึงการบูรณะ ทำนุบำรุงวัดเก่า วัดร้างก็ได้
 
 ทั้งนี้หากศึกษาประวัติศาสตร์สังคมไทยแต่โบราณวัด คือ ศูนย์รวมวิชาการทุกประเภท ในสมัยโบราณที่ยังไม่มีโรงเรียน เช่น ปัจจุบัน วัดเป็นสถานที่แห่งเดียวที่จะให้การศึกษาเล่าเรียนศิลปะวิทยาการแขนงต่างๆ โดยมีพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้มีความรู้สูงกว่าชาวบ้านเป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ให้ทั้งทางโลกและทางธรรม รวมถึงการอบรมจรรยามารยาท

 แม้ว่าบทบาทของวัดจะลดน้อยลงไปกว่าเดิม ในเรื่องการให้การศึกษา เพราะโรงเรียนได้แยกจากวัดแล้วก็ตาม แต่หน้าที่การให้ความสงเคราะห์ในเรื่องที่อยู่อาศัยแก่เด็ก หรือเยาวชนที่มาศึกษาเล่าเรียน ก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะเยาวชนจากส่วนภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมา บุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทในสังคมจำนวนไม่น้อย ก็เริ่มต้นมาจากการใช้ชีวิตอยู่ในวัด โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้ให้ความอนุเคราะห์

 นอกจากจะเป็นที่พำนักของพระภิกษุผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาแล้ว วัดยังเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ทางสังคมในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เป็นศูนย์กลางทางด้านการศึกษา เป็นที่พึ่งทางใจ สโมสร สถานบันเทิง ที่สอนวิชาชีพ ที่พักคนเดินทาง และฌาปนสถาน เป็นต้น

 "อยากใช้ความรู้ที่เดินทางไปเห็นโลกภายนอกมามาก อยากใช้สติปัญญาความรู้ทางโลกมาพัฒนาทางธรรม เสียสละคนละเล็กละน้อย ไม่จำเป็นต้องมาด้วยกำลังเงิน แต่อยากให้มาด้วยกำลังศรัทธา เพราะการทำงานเพื่อพุทธศาสนา ทำงานเพื่อวัด ไม่มีเงินเดือน ไม่มีผลกำไร เหมือนการทำธุรกิจ สิ่งที่ได้กลับมาประเมินค่ามิได้ สิ่งที่ว่านั้น คือ บุญ นั้นเอง ที่สำคัญ คือ บุญไม่มีตัวตนที่จับต้อง หรือว่าวัดเป็นปริมาณได้ แต่ผู้ทำย่อมรับรู้ได้ด้วยตนเอง การสร้างวัด การสร้างสถานปฏิบัติธรรม เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า เมื่อคนเราเข้ามาวัด เข้ามาปฏิบัติธรรม สามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริง และเป็นเรื่องน่าเสียดาย สำหรับคนไทยไม่รู้จักนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ใช้ ดังคำพูดที่ว่า การมีความรู้ไม่สำคัญเท่ากับการนำความรู้นั้นมาใช้ " ดร.สร้อยเพชร กล่าว

 สำหรับเหตุผลที่เลือกมาบูรณะวัดโมลีโลกยารามนั้น ดร.สร้อยเพชร บอกว่า เพราะวัดแห่งนี้มุ่งเน้นผลิตพระเณรด้านปฏิบัติธรรม และยังเป็นสำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีที่มีผู้สอบได้เปรียญธรรมมากเป็นระดับต้นๆ ของประเทศ  ในยุคต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เคยเป็นสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม ที่มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีแบบสอบด้วยปากเปล่ามาแล้ว  

 ปัจจุบันนี้ พระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ) เจ้าอาวาส และพระมหาสุทัศน์ วรทสฺสี ป.ธ.๙ เป็นพระอาจารย์ใหญ่สำนักเรียน มีคณะครูของสำนักเรียน ๑๕ รูป สำนักเรียน ได้ผลิตบุคลากรที่เป็นศาสนทายาทที่มีคุณภาพอย่างจริงจัง ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๑ เป็นต้นมา โดยมีพระภิกษุสามเณรนักเรียนที่สอบได้ในระดับต่างๆ ตั้งแต่ประโยค ๑-๒ ถึงชั้นประโยค ป.ธ.๙ ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๑-๒๕๕๐ จำนวน ๕๒๐ รูป

 อย่างไรก็ตาม โครงการบูรณะและพัฒนาสำนักเรียนวัดโมลีโลกยารามเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากจะมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสะเกศราชวรวิหาร ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธานอุปถัมภ์ฝ่ายบรรพชิต สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ และพระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา เป็นคณะที่ปรึกษาประธานฝ่ายบรรพชิตแล้ว ยังมีกัลยาณมิตรฝ่ายคฤหัสถ์อีกหลายท่าน

 พุทธศาสนิกชนร่วมสานปณิธานบุญได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาพรานนก ชื่อบัญชี "โครงการบูรณะและพัฒนาสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม" เลขที่บัญชี ๑๙๖-๐-๑๑๖๕๓-๓ และธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางเขน ชื่อบัญชี กองทุนสุวรรณวาจกกสิกิจ เลขที่บัญชี ๐๔๑-๒๗๐๗๒๗- ๒ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.๐๘-๙๖๖๐-๑๔๖๔ (พระเมธีวรภรณ์)

 "บุญไม่มีตัวตนที่จับต้อง หรือว่าวัดเป็นปริมาณได้ แต่ผู้ทำย่อมรับรู้ได้ด้วยตนเอง การสร้างวัด การสร้างสถานปฏิบัติธรรม เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า เมื่อคนเราเข้ามาวัด เข้ามาปฏิบัติธรรม สามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริง"

เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"