
ศรัทธาแห่งพุทธที่..."คยา"
พ.ศ. ๒๔๙๙ ทางราชการได้จัดเตรียมงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ประจวบกับประเทศอินเดียได้จัดฉลอง พุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษ หรือครบรอบพุทธศักราช ๒๕๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย ๑ ปี ทางรัฐบาลอินเดีย โดย พณฯ ศรีเยาวหราลล์ เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของปร
ในครั้งนั้นรัฐบาลไทยตอบสนองเจตนารมณ์ของรัฐบาลอินเดียและตกลงใจที่จะสร้างวัดไทยที่พุทธคยา โดยถือเอาการสร้างวัดไทยอินเดียเป็นกิจกรรมร่วมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เช่นเดียวกับการสร้างพุทธมณฑลในประเทศไทยด้วย ได้จัดสรรเงินทุน ๒๕ พุทธศตวรรษส่วนหนึ่งกับเงินงบประมาณแผ่นดินอีกส่วนหนึ่งให้เป็นค่าก่อสร้าง
โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พลเอกหลวงสวัสดิ์ สรยุทธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้รับผิดชอบ โดยแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการสร้างวัดไทยที่พุทธคยา (คณะแรก) กรมการศาสนาในขณะนั้นอยู่ในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มีท่านอธิบดีฟุ้ง ศรีวิจารณ์ เป็นอธิบดี ต่อมาเกิดความผันผวนทางการเมือง กระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบเลิกไป กรมการศาสนาก็กลับไปอยู่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการตามเดิม รัฐบาลต่อมารับช่วงงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ รับงานสร้างวัดไทยที่พุทธคยามาดำเนินการต่อไป
วัดไทยพุทธคยา (Watthaibuddhagaya) จึงได้อุบัติขึ้นอย่างสวยงาม บน พื้นที่วัด ๑๒ ไร่ ตั้งอยู่ที่ต.คยา อ.คยา จ.มคธ รัฐพิหาร ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบอยู่กลางทุ่งนา ห่างจากสถานีรถไฟ ๑๒ กม. ห่างจากสนามบินกายา ๑๕ กม. และห่างจากเจดีย์พุทธคยา ๕๐๐ เมตร เป็นวัดไทยที่มีอุโบสถศิลปะรัตนโกสินทร์ แบบวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพ และพระประธานจำลองพระพุทธชินราชจากวัดใหญ่ จ.พิษณุโลก มีศาลาการเปรียญให้ทำบุญปฏิบัติธรรมได้กว้างขวาง ญาติโยมเข้ามาพักอาศัยใบบุญได้จำนวนมาก โดยปัจจุบันนี้มีพระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโล ป.ธ.๙ Ph.D.) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๒- ปัจจุบันนี้
ขณะที่ไปถึง ท่านเจ้าอาวาสเข้าพิธีบรรพชาพระ ๑๗ รูป อยู่ในอุโบสถ จึงได้ พระมหา ดร.วิเชียร วชิรวังโส (พระครูปลัดสุวัฒนพุทธิคุณ) เจ้าอาวาสวัดพุทธสถานจีนไทยไตรรัตนาราม(พ.ศ. ๒๔๘๓) เมืองสารนาถ แคว้นวาราณาสี(Varanasi) และสถานปฏิบัติธรรมโพธิญาณพุทธคยา(พ.ศ. ๒๕๕๒) ได้เล่าเรื่องราวพระธรรมฑูตจากประเทศไทยอย่างมากมายหลายเรื่อง แต่ละเรื่องดูเหมือนจะต้องผจญกรรมและทุกเข็ญแสนสาหัส ทั้งจากปวงชนชาวพุทธที่ยากจนของเมืองแม่ และภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากบ้านเกิดเมืองนอนอันแสนสุข
แต่เพื่อฝังรากพุทธศาสนากลับคืนสู่แผ่นดินชมพูทวีปอีกครั้ง จึงมิได้ย่อท้อใดๆ จนถึงวันนี้ มีวัดไทยในอินเดีย ๑๗ วัด เป็นการนำพุทธศาสนาคืนถิ่นแผ่นดินแม่ดูมั่นคง แข็งแรง และสามารถสืบสานพุทธศาสนา สยามนิกาย (เถรวาท มหานิกาย) ได้ผุดผ่องดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง เป็นความภูมิใจของชาวพุทธ เป็นความสุขใจที่ได้ปฏิบัติ เป็นนิรันดรในรสพระธรรมคำสอนแห่งองค์พระสมณโคดม ผู้ทรงเมตตาแก่สัตว์ผู้ยากในแผ่นดิน
หลังจากได้ข้อมูลเพิ่มจากดร.พระมหาวิเชียรหลากหลายเรื่องแล้ว คณะได้เดินทางมุ่งสู่พุทธสถานสำคัญยิ่งของพระศาสนา นั่นคือมุ่งไปยังวัดมหาบดีศรีมหาโพธิ พุทธคยา หวังกราบไหว้พระศรีมหาโพธิ ได้เห็นเจดีย์พุทธคยาอันงามสง่าดุจพุทธองค์ทรงยืนแล้วก้มลงมองไพร่ฟ้าหน้าคนพุทธด้วยความเมตตายิ่ง ได้เดินเวียนรอบองค์เจดีย์ เป็นจุดที่เรียกกันมาแต่ดั้งเดิมว่า ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ชมพูทวีป
พระมหาบดีศรีมหาโพธิ หรือ เจดีย์ศรีมหาโพธิ์ หรือที่ไทยพุทธเรียกว่า เจดีย์พุทธคยา ศิลปะชมพูทวีปโดยแท้ รูปทรง ๔ เหลี่ยม ฐานกว้างปลายเรียวแหลม คล้ายทรงกรวย สูงประมาณ ๑๗๐ ฟิต โดยรอบฐานองค์พระเจดีย์วัดได้ประมาณ ๕๘ ม. กับ ๗๖ ซม. สร้างเป็นแบบ ๒ ชั้น ส่วนฐาน รวมทั้งด้านหน้ามุขที่ยื่นออกมา วัดโดยรอบได้ประมาณ ๑๒๑ ม. กับ ๒๙ ซม. ส่วนสูงของฐานวัดได้ประมาณ ๑๖ ฟิต หย่อน ๕ ซม. และบริเวณบนฐานที่กล่าวถึงอยู่นี้ มีพระเจดีย์องค์ขนาดย่อม๔องค์ ซึ่งมีทรวดทรงและศิลปะในการสร้างแบบเดียวกันกับพระเจดีย์ศรีมหาโพธิสูงประมาณ ๔๕ถึง๕๐ฟิตตั้งแวดล้อมทั้ง๔มุม
ส่วนทางด้านตะวันออกขององค์พระเจดีย์สร้างเป็นซุ้มหน้ามุขมีเชิงหน้ากระจังยื่นออกมาทั้ง ๒ ชั้น แต่มีลักษณะลดหลั่นและเล็กกว่ากันอย่างได้สัดส่วน อันล้วนแล้วไปด้วยศิลปะอันล้ำเลิศจริง ด้านทิศเหนือเป็นต้นศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๔ อยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ๓๕๐ เมตร โดยรอบพระเจดีย์เป็นถนนรอบสีเหลี่ยมให้เดนเวียนไหว้ได้อย่างสะดวกและเต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชนคนพุทธจากทุกชาติทุกภาษา
หญิงหนึ่งลุกนั่งนอนราบแล้วหมอบกราบตามแบบทิเบต ท่าทางเปี่ยมไปด้วยศรัทธาแรงกล้า ภิกษุสงฆ์จากหลายนิกายก็มีให้เห็นเช่น พระทิเบต(ลามะ) กลุ่มใหญ่อาศัยร่มโพธิ์ใหญ่ยืน ก้ม หมอบ กราบ อยู่มากมายหลายสิบองค์ บำเพ็ญเพียรด้วยทุกข์กริยาตามแบบฉบับ ฆราวาสชายหญิงก็ประปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกัน ดูน่าทึ่งในพลังศรัทธายิ่งนัก
เดินเลยไปอีกนิดเป็นพระสงฆ์ชาวพุทธ นั่งวิปัสสนากรรมฐานอย่างคร่ำเคร่ง ใกล้ๆกันฝรั่งอั้งม้อสองคนแม่ลูกกำลังนั่งทำสมาธิอยู่อย่างสงบงาม บางชาวพุทธก็นั่งกางตำราท่องมนต์คาถาไปตามศรัทธาประสาทะ เป็นภาพที่งามงดหมดจดไปด้วยแสงแห่งพระพุทธธรรมที่เปล่งประกายไปทั่วแดนแผ่นดินธรรมอันเป็นพุทธสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
แผ่นดินที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงมีพระราชดำรัสดังพระพุทธพจน์ “ดูกรอานนท์ สถานที่ที่ชนผู้มีความเชื่อและเลื่อมใส ควรจะรู้ควรจะเห็นและชวนให้เกิดความสังเวชสลดใจคือ สถานที่พระตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ” ในคืนวันเพ็ญวิสาขมาส พระองค์ก็ได้ตรัสรู้ญาณทั้ง ๓ ตั้งแต่ปฐมยาม มัชฌิมยาม ปัจฉิมยาม โดยลำดับเมื่อตอนใกล้สว่าง พระองค์ได้ตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ ภายใต้ร่ม พระศรีมหาโพธิ นั่นเอง
ในอดีตการเกินทางเพื่อแสวงบุญยังพุทธสถาน ๔ ตำบล ในชมพูทวีปเป็นเรื่องยากนักที่จะไปถึงได้ แต่วันนี้ เส้นทางบุญจากกรุงเทพมุ่งสู่เมืองพุทธคยา(GAYA) พาราณาสี ได้ง่ายดายด้วยสายการบินเจทแอร์เวย์นำพาไปถึงโดยตรง เป็นเส้นทางที่ทำให้พุทธศาสนิกชนคนพุทธได้รับอานิสงค์เต็มๆ .นอกนี้แล้วยังหาข้อมูลการแสวงบุญ และชมภาพอันงดงามของดินแดนพุทธมิได้ที่ “www.thongthailand.com”
“วันนี้ มีวัดไทยในอินเดีย ๑๗ วัด เป็นการนำพุทธศาสนาคืนถิ่นแผ่นดินแม่ดูมั่นคง แข็งแรง และสามารถสืบสานพุทธศาสนา สยามนิกาย ได้ผุดผ่องดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง “
เรื่อง... "ไตรเทพ ไกรงู"
ภาพ... "ธงชัย เปาอินทร์"