
เรียนรู้เรื่อง'พระแท้'จากงาน'ถ่ายภาพ'เล็ก อโศก ผู้ชำนาญพระทุกประเภท
บนเส้นทาง ของ นักสะสมพระเครื่อง หรือ เซียนพระ แต่ละคน ย่อมมีความแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ต่างได้ฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามมาแล้วอย่างโชกโชน เพราะบนเส้นทางสายนี้ มิได้ปูไว้ด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
อย่างเช่นเรื่องราวของ...สังสรร น้อยประเทศ หรือ เล็ก อโศก ก็เหมือนกัน
เล็ก เล่าถึงชีวิตตอนเด็กว่า "ผมเป็นคนเรียนน้อย สมัยเด็กๆ อายุ ๑๐ ปี ต้องติดตามคุณพ่อไปทำงานก่อสร้างตามที่ต่างๆ โดยช่วยทำงานด้วยเท่าที่จะทำได้ พอตกเย็นก็ซ้อมชกมวย เพื่อหาเงิน เป็นนักมวยรุ่นเล็ก น้ำหนักไม่ถึง ๑๐๐ ปอนด์ ชกก่อนเวลา ถ้าชกชนะจะได้ค่าเหนื่อย ๖๐ บาท ถ้าแพ้ได้ ๔๐ บาท ช่วงแรกอยู่แถวดอนเมือง ใช้ชื่อ 'ยูงทอง ลูกอากาศโยธิน' อยู่กับ จ่านึก เดชาชัย ต่อมาคุณพ่อมาได้งานแถวซอยพญาไท ราชเทวี ที่เดียวกับ 'สมิงขาว' นักพากย์มวยชื่อดังในทุกวันนี้ ตอนนั้นผมเปลี่ยนเป็นชื่อ 'ประกายดาว ลูกพญาไท' ชกมากว่า ๓๐ ครั้ง ชนะบ้างแพ้บ้าง มาเลิกชกมวยเมื่อตอนได้งานใหม่ทำ คือ งานหิ้วผ้าขาย เป็นผ้าตัดกางเกง เดินขายไปตามบ้านเรือนทั่วกรุงเทพฯ วันหนึ่ง ขึ้นไปขายผ้าบนห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ และที่สนามพระท่าพระจันทร์"
ตรงนี้เอง ที่ทำให้เล็กเกิดความสนใจในเรื่องพระเครื่อง ที่เขาวางขายกันเต็มแผง เมื่อเล็กเอาผ้าที่หิ้วไปเสนอขายเขาไม่ได้ ก็เลยเอาผ้าไปแลกกับพระ โดยไม่รู้ว่าเป็นพระแท้หรือปลอม
จากนั้นก็เอาพระนั่นแหละ ไปนั่งขายในอีกที่หนึ่ง จนขายได้หมด เมื่อคิดต้นทุนกับค่าผ้าที่แลกไป ปรากฏว่า ได้กำไรหลายร้อยบาท รู้สึกดีใจ และเห็นว่า อาชีพขายพระได้เงินง่ายกว่า องค์ละไม่กี่สิบบาท ขายได้หลายองค์ก็เป็นเงินหลายร้อยบาท แถมยังไม่ต้องหิ้วผ้าขายทั้งวัน ซึ่งมีน้ำหนักมากพอสมควร
เล็ก บอกว่า ตอนนั้นที่บ้านมีพระของคุณพ่อเก็บไว้กล่องหนึ่ง มีพระอยู่หลายองค์ จึงขอคุณพ่อเอามาวางขายที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ปรากฏว่าขายหมด ได้เงิน ๒-๓ พันบาท อาจจะตกควายบ้างก็ได้ เพราะไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร แท้หรือไม่ และราคาจริงเท่าไร
พอเงินที่ได้มาใช้จ่ายไปจนหมด ทำให้เล็กต้องไปกู้เงินนอกระบบมา ๕๐๐ บาท (ผ่อนส่งวันละ ๒๐ บาท) เอาเงิน ๕๐๐ บาทนั้นไปซื้อพระที่วัดมหาธาตุ แล้วเอาไปขายที่ท่าพระจันทร์ ก็พออยู่ได้
เมื่อใจนึกรักอาชีพนี้แล้ว คิดว่า หากจะเอาดีทางนี้ก็ต้องศึกษาหาความรู้เรื่องพระให้ได้ จึงเฝ้าติดตามดูบรรดา เซียนพระ ในสนามท่าพระจันทร์ ที่เขาซื้อขายพระกันจริงจัง
และจากคำบอกเล่า การพูดคุยของบรรดาเซียนพระทั้งหลาย ก็พอจะรู้ว่า เซียนคนไหนเก่งจริง คนไหนชำนาญพระอะไร คนไหนมั่ว รู้ไม่จริง ก็จำเอาไว้
จากนั้นก็บากหน้าไปขอความรู้จากเซียนพระที่รู้จริง โดยขอเช่าพระของเขาก่อน จนคุ้นเคยกันก็สอบถามเขา อยากรู้อะไรเขาก็แนะนำให้ ไม่ปิดบังแต่อย่างใด
"ขณะเดียวกัน ต้องหาหนังสือพระมาอ่าน มาศึกษา พอมีโอกาสก็ไปยืนดูพระในตู้ที่เขาโชว์ขาย เมื่อมีเงินมากพอก็ขอเช่าพระเขาบ้าง โดยซื้อพระราคาถูกๆ ก่อน ขณะเดียวกันก็ขอดูพระองค์อื่นๆ ในตู้พระของเขา เรียกว่า ซื้อพระ ๑ องค์ ขอดูพระเขา ๑๐ องค์ (ฟรี) เขาก็ไม่ว่า เพราะมีความคุ้นเคยกันบ้างแล้ว พระที่ซื้อมาก็เอาศึกษาหารายละเอียดที่บ้าน เพราะทางร้านเขารับประกันอยู่แล้วว่าเป็นพระแท้ จึงยึดถือเป็นพระองค์ครูได้ พอจดจำตำหนิรูปพรรณสัณฐานองค์พระได้แล้ว ก็เอาพระองค์นั้นไปขายต่อ ได้กำไรพอสมควร แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อพระองค์ใหม่ มาศึกษาอีก ผมจะทำอยู่อย่างนี้เป็นประจำ จนค่อยๆ จดจำจุดสำคัญๆ ของพระได้มากพอสมควร" เล็ก กล่าวถึงหลักการศึกษาพระเครื่องที่ผ่านมา
หลังจากฝึกฝนสายตาในการดูพระได้แล้วในระดับหนึ่ง เล็ก จึงตัดสินใจไปขอเช่าตู้พระบนห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ สมัยที่คุณวรเทพ อุดมรัตนะศิลป์ ดำเนินงาน โดยหุ้นกับเพื่อน ช่วงนั้นขายพระอยู่ที่พันธุ์ทิพย์จนหมดสัญญาเช่า เลยย้ายไปอยู่ที่ห้างบิ๊กเบลล์ ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งมีคุณโต คลองตัน ดำเนินงาน
จากการที่ได้รู้จักกับคุณโต คลองตัน ทำให้มีความคุ้นเคยกันมาก ต่อมาคุณโต ได้จัดงานประกวดพระ เพื่อโปรโมทสถานที่ โดยได้รับงานถ่ายภาพพระชนะการประกวดด้วย จึงชักชวนให้เล็ก ร่วมงานถ่ายภาพด้วยกัน
ตรงจุดนี้ เล็ก เห็นว่า เป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีพบเห็นพระแท้ที่ชนะการประกวด จึงสมัครเป็นช่างภาพคนหนึ่งของทีมงานโต คลองตัน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
"ตอนแรกๆ ผมถ่ายภาพไม่เป็นหรอก พี่โตเขาสอนให้ ไม่ยากเย็นอะไร ฝึกอยู่พักเดียวก็เป็น การถ่ายภาพพระชนะการประกวด ทำให้ผมได้พบเห็นพระประเภทต่างๆ อย่างหลากหลาย พระที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นพระแท้ องค์ชนะเลิศ รางวัลที่ ๑ ๒ ๓ ๔ ผมมีโอกาสเห็นพร้อมๆ กันถึง ๔ องค์ ก็เอามาเปรียบเทียบกัน ถึงจุดที่เหมือนกันของพระพิมพ์เดียวกัน รุ่นเดียวกัน การดูองค์พระผ่านกล้องถ่ายภาพซึ่งใช้เลนส์มาโคร ขยายใหญ่ ทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆ ขององค์พระอย่างชัดเจน จดจำได้ง่ายขึ้นมาก ผมมีโอกาสได้ถ่ายภาพพระทุกประเภท จึงได้เรียนรู้พิมพ์ทรงองค์พระ ตลอดจนเนื้อหามวลสารอย่างละเอียด ชัดเจน ตรงจุดนี้ ถ้าหากไม่ใช่ช่างภาพ การจะไปขอพระแท้ๆ สวยๆ ของเขามาดู ใครเขาจะให้ชมกันง่ายๆ เพราะเจ้าของพระ ย่อมหวงแหนพระของเขาอย่างแน่นอน" เล็ก อโศก เปิดเผยถึงโอกาสทองของการศึกษาเรื่องพระ ผ่านงานถ่ายภาพพระที่ทำอยู่
ด้วยความเป็นคนที่ทำงานดี มีความละเอียด รอบคอบ ทำให้ เล็ก มีโอกาสได้รับความไว้วางใจให้ถ่ายภาพพระชุดเบญจภาคี และพระหลักยอดนิยม มานานกว่า ๑๕ ปี
เล็ก เล่าว่า "ประสบการณ์การถ่ายภาพพระชุดเบญจภาคี ที่ส่งเข้าประกวดจนได้รับรางวัล ผมมีโอกาสได้จับต้องมาแล้วนับเป็นพันๆ องค์ จนจำได้ว่า พระแท้ต้องเป็นแบบไหน พิมพ์อย่างไร เนื้อแบบไหน พระสมเด็จ บางองค์ส่งเข้าประกวดบ่อยๆ จนผมจำได้หมดทุกซอกมุม ตรงจุดนี้ทำให้ผมดูพระสมเด็จได้แม่นพอสมควร จนถึงกับมีโอกาสได้ซื้อพระสมเด็จแบบฟลุ๊คๆ องค์ละไม่กี่พันบาท แต่ขายได้เป็นเงินหลายแสนมาแล้วหลายองค์ ก็ด้วยความรู้จากงานถ่ายภาพพระนี่แหละ"
มาถึงจุดหนึ่ง...เล็ก เห็นว่า สมควรแก่เวลาที่จะเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว จึงขออนุญาตอำลาจากคุณโต คลองตัน เพื่อหันมาเปิดร้านพระขึ้นอย่างจริงจัง โดยได้รับความเมตตาจาก ป๋าพยัพ คำพันธุ์ เปิดตู้พระให้บน ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน (สมัยที่ยังเป็นห้างบางลำภู) จนถึงทุกวันนี้
คำแนะนำของเล็ก สำหรับผู้ที่เพิ่งหันมาสนใจสะสมพระเครื่อง ก็เหมือนกับที่คนในวงการพระพูดๆ กันมาโดยตลอด คือ ต้องศึกษาคนก่อน ถึงจะศึกษาเรื่องพระ หมายถึง ต้องรู้ก่อนว่า คนที่เราจะไปซื้อพระของเขานั้น เป็นคนอย่างไร เล่นพระดี หรือเล่นพระปลอม มีความรู้จริงไหม และมีความจริงใจหรือเปล่า อุปนิสัยใจคอเป็นอย่างไร หากเป็นคนดีจริง รู้จริง และมีความจริงใจ ก็คบหาสมาคมได้ ซื้อพระจากเขาได้เลย และที่สำคัญต้องรับประกันด้วยว่าเป็นพระแท้แน่นอน หากมีปัญหา ต้องรับคืนโดยไม่มีเงื่อนไข
เล็ก บอกว่า "ผมอยากให้ทุกคนที่หันมาสนใจพระ ดูพระเป็น เพราะการเล่นพระกับคนดูพระเป็น มันดีกว่าคนที่ดูพระไม่เป็น เพราะคนที่ดูพระไม่เป็น พอซื้อพระจากเราไปแล้ว เอาไปให้คนที่ดูพระไม่เป็น ช่วยดูให้ พอเขาบอกว่าเป็นพระเก๊ ก็เลยเชื่อ เอาพระมาคืน ทำให้เป็นปัญหา เกิดความเข้าใจผิด ขุ่นข้องหมองใจกันเปล่าๆ สู้ขายให้คนที่ดูพระเป็นไม่ได้ มีปัญหาน้อย การตกลงซื้อขายความสำคัญอยู่ที่ความพอใจในองค์พระ และราคาเท่านั้น เป็นที่ยุติ เรื่องแท้ปลอมตัดไปได้เลย"
ด้วยเหตุนี้ เล็ก จึงบอกว่า ยินดีที่จะแนะนำความรู้การดูพระให้กับทุกคนที่สนใจ แม้ว่าจะไม่ได้มาซื้อพระที่เขาก็ได้ พบกับ เล็ก อโศก ได้ที่ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โทร.๐๘-๑๘๕๙-๐๔๘๑
ตาล ตันหยง