
"ศรัทธาแห่งพุทธ" ๑ เดียว ที่อุโบสถวัดมณีจันทร์ จ.บุรีรัมย์
อุโบสถ หรือ โบสถ์ เป็นศาสนสถานสำคัญอันบ่งชี้ถึงความรุ่งเรือง และศรัทธาของพระพุทธศาสนา ที่หยั่งรากลึกมากว่า ๒,๕๐๐ ปี นอกจากประโยชน์ที่ใช้เพื่อประกอบศาสนกิจแล้ว ในทางมานุษยวิทยา ยังนับได้ว่า อุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงความเจริญ ความเป็นไป ความเชื่อ แล
เช่นเดียวกันกับ อุโบสถวัดมณีจันทร์ บ้านมะเฟือง ต.มะเฟือง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของโบสถ์ทางภาคอีสาน
นอกจากนั้น ยังเป็นโบสถ์ที่เรียกว่า “โบสถ์มหาอุตม์” อีกด้วย กล่าวคือ เป็นโบสถ์ที่มีเพียงประตูเข้าทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว ซึ่งโบราณเชื่อว่า หากทำการปลุกเสกวัตถุมงคลในโบสถ์นี้ จะทำให้วัตถุมงคลดังกล่าว มีความศักดิ์สิทธิ์ และเข้มขลังเป็นอย่างยิ่ง
วัดมณีจันทร์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ กาลเวลาล่วงเลยมาหลายสิบปี อุโบสถหลังนี้ต่างชำรุดลงตามกาลเวลา และสภาพภูมิประเทศที่เป็นดินเค็ม เจ้าอาวาสรูปต่อมา และชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ตามมีตามเกิดมาตลอด
จวบจนกระทั่งเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๐ นายเสฏฐพันธุ์ เสริญไธสง ได้บูรณะอุโบสถครั้งใหญ่ คือ การเปลี่ยนหลังคามุงกระเบื้อง และกะเทาะผนังปูนที่ถูกเกลือจากดินกัดเซาะจนผุกร่อนออกแล้วฉาบปูนใหม่
นอกจากนั้นแล้ว ยังได้สร้างสรรค์ภาพจิตรกรรมผนังด้านนอกอุโบสถทั้ง ๔ ด้าน ด้วยงานศิลปะตัดกระจกสี เป็นภาพทางพุทธประวัติ และกิจกรรมวัฒนธรรม เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น
ที่สำคัญ ยังเป็นศิลปะที่บันทึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี โดยมี ผศ.อัศวินีย์ หวานจริง อาจารย์ประจำภาควิชาจิตรกรรมไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ อ.อุดม หวานจริง เป็นผู้ออกแบบลวดลาย และรังสรรค์งานศิลปะอันงดงามครั้งนี้
นอกจาก ความละเอียดของการตัดกระจกเป็นรูปต่างๆ ได้อย่างวิจิตรพิสดารแล้ว การชมภาพจิตรกรรมในเวลาที่แสงแดดอ่อน-แรงต่างกัน ยังให้ความรู้สึกที่งดงามต่างกันอีกด้วย
จิตรกรรมประดับกระจกสีทั้ง ๔ ด้านนี้ เริ่มจากด้านหน้าของอุโบสถ เป็นเรื่องราวจากวรรณคดีทางพระพุทธศาสนา ที่ชาวอีสานศรัทธากันมาก คือ เรื่อง พระมาลัย โปรด ๓ โลก ด้านข้างทั้ง ๒ ด้าน เป็นเหตุการณ์สำคัญๆ และวัฒนธรรม สภาพสังคม ค่านิยม ความเชื่อของชาวอำเภอพุทไธสง ในยุคนี้
ส่วนผนังด้านหลังอุโบสถ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ อ.อัศวินีย์ และอ.อุดม ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ คือ ภาพประวัติศาสตร์การเสด็จออก ณ สีหบัญชร ของพระที่นั่งอนันตสมาคม ในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี
นอกจากนั้นแล้ว เรื่องราวบนผนังทั้ง ๔ ด้าน จะยังเป็นบันทึกแหล่งการเรียนรู้ถึงวัฒนธรรม เหตุการณ์ ประวัติท้องถิ่น ทำให้ชาวชุมชน โดยเฉพาะเยาวชน ทราบถึงรากเหง้า และภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเอง ด้วยศิลปะที่ อ.อัศวินีย์ และอ.อุดม สร้างสรรค์ขึ้น แม้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก วัดเชียงทอง หลวงพระบาง แต่ก็มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร คือ มีวิถีชีวิต โดยเฉพาะเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นในสมัยนี้ ร่วมอยู่ด้วย เช่น ภาพมอเตอร์ไซค์ คนใช้โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
“งานศิลปะติดกระจกที่วัดมณีจันทร์ครั้งนี้ ถือเป็นผลงานชิ้นแรก และชิ้นสำคัญของดิฉัน และทีมงานเลยก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านี้ เราจะเขียนภาพด้วยสีประเภทต่างๆ เป็นทั้งความท้าทายและความภาคภูมิใจ ที่ตั้งใจทำถวายเป็นพุทธบูชา เพราะเป็นงานที่ยากมากๆ เริ่มตั้งแต่การตัดกระจกสีเป็นภาพต่างๆ ให้ได้สัดส่วน และพอเหมาะกับขนาดของผนัง และสัดส่วนทางกายภาพ ของคน สัตว์ สิ่งของ การเลือกใช้สีของกระจก ที่มีสีหลักอยู่ไม่กี่สี แต่เมื่อนำมาวางแล้วต้องทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย มีมิติ ต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ และใจเย็นมากๆ ยิ่งเป็นจิตรกรรมผนังด้านนอก ยิ่งเป็นโจทย์ยากขึ้นว่า จะทำอย่างไร ให้ศิลปะกระจกเหล่านี้ อยู่ทนนาน สู้สภาพแดดฝนของภาคอีสานได้นานที่สุด ต้องใช้เวลานานมาก ทั้งขั้นตอนการออกแบบ การตัด และการนำขึ้นไปติดบนผนัง โดยเฉพาะด้านหลัง ที่เป็นภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทีมงานของเราตั้งใจทำเป็นพิเศษ เพื่อเฉลิมพระเกียรติทั้ง ๒ พระองค์ เฉพาะพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องตัดกระจกให้เล็กเท่ากับเมล็ดข้าวโพด แล้วนำมาเรียงสีให้เหมือนกับรูปถ่ายให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ แค่ส่วนพระพักตร์ ต้องใช้เวลาทำอยู่ร่วม ๓ เดือน หากเสร็จสิ้นแล้ว อุโบสถหลังนี้จะเป็นอุโบสถหลังแรกของประเทศไทย ที่มีจิตรกรรมประดับกระจกสีทั้ง ๔ ด้าน” ผศ.อัศวินีย์ กล่าว
นอกจากนั้นแล้ว คุณเสฏฐพันธุ์ ยังกล่าวถึงระยะเวลาในการจัดทำศิลปะกระจกสี และวัตถุประสงค์ให้ฟังว่า “นอกจากจะทำให้เป็นจิตรกรรมทางพระพุทธศาสนา ที่ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัดเชียงทอง ที่หลวงพระบาง ประเทศลาว แล้ว ยังมีจุดประสงค์อยากจะให้เป็นศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ และมีประโยชน์มากกว่าความสวยงาม คือ ทำให้เกิดการจ้างงานในชุมชน ชาวบ้านได้เรียนรู้ทักษะ การดูแล ซ่อม รักษา จากอาจารย์ที่มาถ่ายทอดให้อย่างไม่หวงวิชา เพื่อวันข้างหน้า ชาวบ้านจะได้ดูแลกันเองได้ตลอดไป
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวดำเนินงานมานานกว่า ๒ ปีแล้ว และใช้งบประมาณไปกว่า ๓ ล้านบาท โดยผู้ริเริ่มโครงการได้จัดหางบประมาณจากการทอดผ้าป่าและกฐิน จนสามารถหาปัจจัยซ่อมแซมหลังคา ช่อฟ้า ยอดสัตบริภัณฑ์ และติดกระจกผนัง มาอย่างต่อเนื่อง
และในช่วงออกพรรษาปีนี้ ผู้ริเริ่มโครงการ จึงได้จัดกฐินสามัคคีจากเหล่านางแบบ นักแสดง และบุคคลในวงการบันเทิง โดย คุณรัศมี ทองสิริไพรศรี นางแบบชื่อดัง และ คุณกมล ฉัตรเสน เมกอัพอาร์ติสต์ชื่อดัง อาสาเป็นประธาน
ตอนกลางคืนวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ มีพิธีสวดนพเคราะห์เสริมชะตามงคล ค่าบูชาครูสมทบทุนสร้างโบสถ์หมดเลย ถ้าปีนี้กฐินได้ปัจจัยประมาณ ๑.๒ ล้านบาท จิตรกรรมฝาผนังที่ทำจะแล้วเสร็จ
ในโอกาสนี้ จึงขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธา ร่วมเป็นเจ้าภาพและร่วมงานทอดกฐิน วันเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคม-วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน นี้ หากท่านที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมทำบุญสร้างศิลปะครั้งนี้ได้ ก็ขอเชิญร่วมบุญได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาพุทไธสง บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี วัดมณีจันทร์ หมายเลขบัญชี ๓๓๔-๑-๐๓๙๘๖-๔ หรือสอบถามได้ที่โทร.๐๘-๑๗๒๑-๔๒๒๔
"แค่ส่วนพระพักตร์ต้องใช้เวลาทำอยู่ร่วม ๓ เดือน หากเสร็จสิ้นแล้ว อุโบสถหลังนี้จะเป็นอุโบสถหลังแรกของประเทศไทย ที่มีจิตรกรรมประดับกระจกสีทั้ง ๔ ด้าน”
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"