พระเครื่อง

ประกวดพระ 
ได้ทั้งบุญ และกระตุ้นเศรษฐกิจ

ประกวดพระ ได้ทั้งบุญ และกระตุ้นเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2552

การประกวดและอนุรักษ์ พระบูชา พระเครื่อง และเหรียญคณาจารย์ เป็นกิจกรรมทางสังคมอย่างหนึ่ง ที่คนจาก สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ให้การสนับสนุนดำเนินการ รวมทั้งร่วมบริจาคเงินทำบุญมาอย่างต่อเนื่อง

 ส่วนรายได้ที่เกิดจากการจัดงานนั้น มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณภาพ และบารมีของผู้จัดงาน
 ในการประกวดแต่ละครั้ง มีพระเครื่องไม่น้อยกว่า ๑,๕๐๐ รายการ ในขณะที่บางงานอาจจะมากถึง ๓,๐๐๐ รายการ ทั้งนี้เพื่อให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น  ซึ่งรายรับของธุรกิจการจัดประกวดพระเครื่องนั้น แยกออกได้เป็นดังนี้

 ด้านรายรับ มาจากค่าผ่านประตู ปกติจะเก็บประมาณ ๓๐ บาทต่อคน  ค่าแผงจร เก็บประมาณโต๊ะละ ๑๕๐ บาท ค่าส่งพระเข้าประกวด ประมาณองค์ละ ๓๐๐-๕๐๐ บาท เงินบริจาคซึ่งได้จากคณะกรรมการ เงินจากผู้ให้การสนับสนุน และเงินจากการประมูลพระเครื่อง ฯลฯ

 ส่วน ค่าใช้จ่าย แยกเป็นค่าเลี้ยงรับรองกรรมการ (จัดก่อนวันงานประกวด ๑ วัน) ค่าเช่าสถานที่ ค่าอาหารเลี้ยงกรรมการและสื่อมวลชน ค่าถ่ายภาพพระเครื่องใบประกาศ ค่าของรางวัล รวมทั้งค่าพิมพ์แผ่นพับ เพื่อประชาสัมพันธ์งานประกวด ในกรณีงานต่างจังหวัด ต้องมีค่าที่พักกรรมการด้วย

 "ผมว่าปีนี้งานประกวดพระเครื่องทุกงาน รวมกันน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท" นี่เป็นการคาดการณ์เงินรายได้จากงานประกวดพระเครื่องของ นายวันชัย สอนมีทอง ประธานฝ่ายประสานงานด้านสื่อมวลชน ของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย

 พร้อมกันนี้ นายวันชัยให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน มีการประกวดพระเครื่องไปแล้ว ๑๗ ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งได้เงินโดยเฉลี่ยแล้วประมาณงานละไม่ต่ำกว่า ๔ ล้านบาท ในจำนวนนี้มีอยู่ ๓ งาน ที่ได้เงินเกิน ๑๐ ล้านบาท ได้แก่ งานประกวดพระของกองทัพภาคที่ ๑ ได้เงินสูงสุดประมาณ ๑๑.๕ ล้านบาท รองลงมาเป็นงานของตำรวจภูธรภาค ๗ ได้เงินประมาณ ๑๑.๒ ล้าน บาท และงานของตำรวจสอบสวนกลาง ได้เงินประมาณ ๑๑ ล้านบาท

 ส่วนงานประกวดพระครั้งล่าสุดที่ จ.นครสวรรค์ แม้ว่าจะเป็นงานที่จัดในต่างจังหวัดแต่ก็ได้เงินมากถึง ๖.๔ ล้านบาท

 เหตุผลที่ทำให้การจัดงานประกวดพระได้รับเงินสนับสนุนนั้น เกิดจากหลายส่วนรวมกัน แต่เหตุผลหนึ่งที่คนอยากส่งพระเข้าประกวด คือ วัตถุประสงค์การจัดงาน ที่มุ่งเน้นนำรายได้ไปช่วยเหลือการกุศล

 เช่น งานประกวดพระของตำรวจภูธรภาค ๗ ได้นำเงินไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตร ธิดา ข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ในขณะที่งานประกวดพระของ ททบ.๕ นำเงินรายได้ไปช่วยครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น

 ส่วนความถี่ของการจัดงานประกวดพระ ซึ่งมีขึ้นเกือบทุกสัปดาห์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนั้น พ.อ.อ.โกวิท แย้มวงษ์ หรือ จ่าโกวิท ผู้อำนวยการนิตยสารพระเครื่องอภินิหาร คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์สมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย รองประธานชมรมนักข่าวและช่างภาพพระเครื่อง มองว่า  การจัดงานประกวดพระบ่อย มีผลดี คือ

 ๑.ทำให้วงการพระเครื่องมีการเคลื่อนไหว มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในวงการพระเครื่องอย่างมากมาย การจัดงานประกวดพระแต่ละครั้ง อย่างน้อยต้องได้เงินไม่ต่ำกว่า ๓-๔ ล้านบาท ซึ่งมาจากหลายส่วน

 ๒.ทำให้คนในวงการพระเครื่องได้มีการพบปะพูดคุยเช่าซื้อพระเครื่องกัน ทำให้ได้สังสรรค์กันโดยปริยาย

 ๓.เงินที่ได้จากการจัดงาน หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วยังนำไปช่วยการกุศลตามวัตถุประสงค์ที่ผู้จัดงานตั้งไว้

 และ ๔.ถ้าเป็นงานต่างจังหวัด ถือว่าเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะการจัดงานแต่ละครั้งจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ คน

 “การประกวดพระทุกวันนี้ นอกจากเป็นงานกุศลแล้ว ยังถือว่าเป็นธุรกิจอีกอย่างหนึ่ง มีคนหลายกลุ่มแบ่งปันผลประโยชน์ไปตามความสามารถ และความรับผิดชอบ เริ่มจากผู้รับจ้างถ่ายภาพ คนทำรางวัล ร้านอาหาร เจ้าของโรงแรม เจ้าของแผงพระ รวมทั้งกรรมการตัดสินพระ ก็มีโอกาสที่จะเช่าพระที่ส่งเข้าประกวด รวมทั้งพระจากแผงจร อย่างกับล่าสุด งานประกวดพระที่ จ.นครสวรรค์ มีการเช่าพระหลวงพ่อเดิม จากผู้ส่งพระเข้าประกวดสูงถึง ๑ ล้านบาท” จ่าโกวิท กล่าว

เงินเคยสะพัดกว่า ๒๒,๐๐๐ ล้านบาท
 ในปี ๒๕๕๐ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินในธุรกิจพระเครื่อง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง จะสูงกว่า ๒๒,๐๐๐ ล้านบาท และธุรกิจเหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ ต่างจากที่อัตราขยายตัวของธุรกิจนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าธุรกิจพระเครื่องจะยังมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ ๑๐-๒๐ ต่อปี  

 ขณะที่ผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนิยมพระเก่า หรือพระใหม่มีอยู่ประมาณ ๕ ล้านคน รวมทั้งมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากมาย ทั้งธุรกิจสร้างพระ ธุรกิจแผงพระ หรือศูนย์พระเครื่อง ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจรับจำนำพระเครื่อง และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจหนังสือพระ ธุรกิจรับจ้างอัดกรอบพระ หรือเลี่ยมพระ

 ทั้งนี้ ธุรกิจแผงพระ ปัจจุบันแผงพระและศูนย์พระเครื่องในประเทศมีอยู่ถึงกว่า ๕,๐๐๐ แผงทั่วประเทศ โดยอยู่ในกรุงเทพฯ กว่า ๓,๐๐๐ แผง แหล่งที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ ศูนย์พระเครื่องที่ท่าพระจันทร์ วัดราชนัดดา สวนจตุจักร ศูนย์พระเครื่องที่เดอะมอลล์ ท่าพระ เดอะมอลล์ บางกะปิ ห้างน้อมจิตต์ สาขาบางกะปิ ห้างบางลำภูสรรพสินค้า สาขางามวงศ์วาน

 แต่ในอนาคตคาดว่าแผงพระจะมีแนวโน้มลดลง โดยจะมีการเข้าไปให้เช่าพระเครื่องกันในอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เนื่องจากการพัฒนากล้องดิจิทัลให้มีความคมชัดได้เกือบเท่ากับกล้องฟิล์ม วงการพระเครื่องก็คงจะพัฒนากันมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 นอกจากนี้แล้ว บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า เม็ดเงินในธุรกิจพระเครื่อง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจทำกรอบพระ (ราคาจำหน่ายกรอบละ ๕๐-๒๐๐ บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำกรอบและขนาดของพระเครื่อง) เลี่ยมพระ (ราคาประมาณองค์ละ ๑๐๐-๑๕๐ บาท) รวมทั้งหนังสือพระ ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันประมาณ ๔๐ ฉบับ โดยหนังสือพระเหล่านี้อยู่ได้ด้วยโฆษณาต่างๆ เกี่ยวกับพระเครื่อง

 “การประกวดพระทุกวันนี้ นอกจากเป็นงานกุศลแล้ว ยังถือว่าเป็นธุรกิจอีกอย่างหนึ่ง ที่สร้างรายได้ให้ผู้จัดงาน มีคนหลายกลุ่มแบ่งปันผลประโยชน์ไปตามความสามารถ และความรับผิดชอบ"

เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"