พระเครื่อง

พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว 
นิมนต์พระหลวงพ่อทวด ๔ รุ่น ร่วมภารกิจดับไฟใต้

พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว นิมนต์พระหลวงพ่อทวด ๔ รุ่น ร่วมภารกิจดับไฟใต้

26 ก.ย. 2552

หลวงพ่อทวด เป็นพระเครื่องที่เคารพนับถือของคนภาคใต้ และทุกจังหวัดของประเทศไทย ได้สมญานามว่า เทพเจ้าแห่งพระนิรันตราย จนเป็นที่เชื่อกันว่าใครมี พระหลวงพ่อทวด แขวนคอไม่ตายโหง

 ด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลก สำหรับทหารและตำรวจที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงภัยส่วนต่างๆ ของประเทศ หนึ่งในพระเครื่องที่ต้องนิมนต์ขึ้นคอ รวมกับพระเครื่ององค์อื่นๆ ต้องมี พระหลวงพ่อทวด อย่างน้อย ๑ องค์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดก็ตาม

 อย่างกรณีของ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ซึ่งวันนี้ได้ผงาดก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่ง ผบก.น.๙

 โดยตลอดระยะเวลากว่า ๒ ปี ที่ปฏิบัติภารกิจใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านได้นิมนต์พระหลวงพ่อทวดขึ้นคอถึง ๔ รุ่น คือ พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ เหรียญหลวงพ่อทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี ๒๕๐๘ และ พระหลวงพ่อทวด รุ่น ๕ แชะ พ่อท่านแดง วัดศรีมหาโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

 “ผมเป็นคนใต้ ผมถือว่าเป็นลูกหลานหลวงพ่อทวด ดังนั้น พระเครื่องหลวงพ่อทวดที่ติดตัวเป็นมรดกที่ตกทอดจากคุณพ่อ และเมื่อมีประสบการณ์ ยิ่งทำให้เกิดความศรัทธามากขึ้น ชนิดที่จะต้องติดตัวตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน และที่สำคัญ ตลอดการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภาคใต้ จะต้องแวะสักการะกราบไหว้รูปเหมือนหลวงพ่อทวด ที่วัดช้างให้ เสมอ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากนี้ ยังมีพระยอดธง สมบัติที่คุณพ่อมอบให้ แขวนติดตัวตลอดเวลาเช่นเดียวกัน เพราะเชื่อว่า ของทุกสิ่งที่ได้รับจากผู้มีพระคุณ ย่อมมีความดีในตัว และจะช่วยให้ชีวิตเรามีความปกติสุขมากขึ้น” นี่เป็นเหตุผลการแขวนพระของ พล.ต.ต.กรีรินทร์

 ในฐานะหัวแถวนายตำรวจจังหวัดปัตตานี มาตลอด ๒ ปี พล.ต.ต.กรีรินทร์ บอกให้ฟังถึงภารกิจขณะปฏิบัติหน้าที่ว่า เงื่อนปมหนึ่งของปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ นั่นคือ การต่อต้านอำนาจรัฐ และการปลุกปั่นของแกนนำผู้ก่อเหตุให้ประชาชนมีอคติต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และตำรวจก็ตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายดังกล่าว ดังนั้น การทำงานในพื้นที่แห่งนี้ จึงมีดีกรีความยากเพิ่มขึ้นมากกว่าพื้นที่อื่นเป็นหลายเท่าทวี เพราะไม่เพียงแค่ภารกิจดูแลความสงบสุขในชีวิตของประชาชนเท่านั้น ยังต้องก้าวฝ่ากำแพงความรู้สึกด้านลบต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าไปนั่งในใจผู้คนที่นี้ให้ได้

 ภารกิจการต่อสู้ทางความคิด ที่ผู้ไม่หวังดีพยายามป้ายใส่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง คือ งานที่ยากยิ่งกว่าภารกิจการต่อสู้กับภัยของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่จ้องทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์

 คติสำคัญที่ตำรวจทุกนายต้องยึดถือเป็นหลักเกณฑ์ และมาตรฐานเดียวกัน นั่นคือ การมุ่งดูแลทุกข์สุขของพี่น้องทุกคน อย่างเต็มกำลัง โดยไม่มีการแบ่งแยกศาสนา ชนชั้น หรือฐานะใดๆ

 เพราะวิธีนี้ จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ ที่จะช่วยไขประตูความรู้สึก และเปิดรับเราเข้าไปเป็นเพื่อนได้อย่างสนิทใจ

 และที่ขาดไม่ได้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของนายตำรวจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ชนิดต้องท่องจำขึ้นใจ นั่นคือ แนวพระราชดำริของในหลวง ที่ว่า “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” เพราะนี่คือ หัวใจในการดับไฟแห่งความรุนแรง และนำไปสู่การคืนสันติสุขสู่ดินแดนปลายด้ามขวานอีกครั้ง

 พร้อมกันนี้  พล.ต.ต.กรีรินทร์ ยังบอกด้วยว่า ความแตกต่างด้านมิติทางสังคม วัฒนธรรม ศาสนา ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เป็นหนึ่งในประเด็นที่ตำรวจทุกนายต้องศึกษาและเรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะสิ่งเหล่านี้ มีความละเอียดอ่อน และเปราะบางทางความรู้สึกอย่างมาก หากพลาดพลั้งจะด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ก็จะเป็นเรื่องยากในการกู้ภาพลักษณ์ และสานสายใยสัมพันธ์อันดีให้ กลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว 

 ดังนั้น การปฏิบัติภารกิจ ตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่กลั่นกรองความรุนแรงจากผู้ก่อความไม่สงบแล้ว แต่ยังมุ่งมั่นเรียนรู้ และเข้าใจปมปัญหาให้ถึงแก่นแท้ และเข้าใจทุกมิติของพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การ “ดับไฟใต้” อย่างยั่งยืน สำหรับหลักการทำงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของประเทศ ทั้งที่ปลายด้ามขวาน หรือเมืองหลวง ซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเป็นแนวทางที่ใช้มาตลอด ตั้งแต่เข้ารับราชการตำรวจนั้น พล.ต.ต.กรีรินทร์ บอกว่า ยึดหลัก ๓ ทฤษฎี คือ ๑.ทฤษฎีวิชาการ ๒.ทฤษฎีวิชาชีพ และ ๓.ทฤษฎีวิชาชีวิต

 กล่าวคือ ๑.ทฤษฎีวิชาการ คือ การนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ สถานศึกษา และตำราทุกแขนง มาใช้ให้เหมาะสมตามสภาพสังคมในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจภารกิจของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างชัดเจน

 ๒.ทฤษฎีวิชาชีพ นั้นคือ การใช้วิชาความรู้สายอาชีพของตัวเอง ทำประโยชน์แก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวน สอบสวน เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดีอย่างถูกต้องและยุติธรรม โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ความถูกต้อง และกระบวนการยุติธรรม คือสิ่งที่ประชาชนคาดหวังเป็นอย่างมาก ดังนั้น ตำรวจทุกนายจะต้องใช้หลักทฤษฎีวิชาชีพให้ดีที่สุด

 และ ๓.ทฤษฎีวิชาชีวิต ทฤษฎีนี้มีความสำคัญมาก และต้องนำมาใช้ให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะความอดทน อดกลั้น โอบอ้อมอารี รวมถึงการให้ และการรับ ตลอดจนการเข้าชิดติดประชาชนด้วยความเข้าใจ ซึ่งประสบการณ์ชีวิตจะเป็นเครื่องย้ำเตือนให้ตำรวจทุกนายรู้ดีว่า จะต้องทำอย่างไร เพื่อสามารถเข้าไปนั่งในใจของประชาชนได้

 นอกจากนี้ พล.ต.ต.กรีรินทร์ ยังมีหลักธรรมที่ติดตัว และยึดปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ คำพระที่ว่า “วิสาสะปรมาญาติ” มีความหมายว่า ความสนิทสนมที่ยิ่งกว่าญาติ

 เพราะงานตำรวจไม่ได้มีแค่เพียงบำบัดทุกบำรุงสุขเท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานพัฒนา ดังนั้น การเข้าให้ถึงกลุ่มเป้าหมายจึงจำเป็นต้องเข้าไปหาในฐานะญาติ ซึ่งอาจไม่ใช่ญาติผ่านสายโลหิต แต่เป็นญาติด้วยการทำงาน ดังนั้น วิธีนี้ คือ การสร้างความผูกพัน และช่วยให้ต่างฝ่ายต่างเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกันมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยให้การทำงานสำเร็จได้ตามเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

 “ผมเชื่อว่า การนำคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ดี และหากเลือกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และการทำงาน จะยิ่งช่วยนำไปสู่ความสำเร็จ และช่วยสร้างความร่วมมือกับประชาชนได้อย่างแนบแน่นด้วย ดั่งความหมายของคำว่า วิสาสะปรมาญาติ ที่แปลได้ ความสนิทสนมที่ยิ่งกว่าญาติ นั่นเอง ส่วนพระเครื่องเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ดั่งตัวแทนและคำสอนของพระพุทธองค์ ประกอบกับพ่อมอบพระให้แขวนตั้งแต่เด็กจนโต กระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่จะขาดไม่ได้ โดยเฉพาะ พระหลวงพ่อทวด เพราะมีความศรัทธาและนับถือมาก” พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

 “ผมเป็นคนใต้ ผมถือว่าเป็นลูกหลานหลวงพ่อทวด และที่สำคัญ ตลอดการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภาคใต้ จะต้องแวะสักการะกราบไหว้รูปเหมือนหลวงพ่อทวดที่วัดช้างให้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต"

เรื่อง - ภาพ... "สุพิชฌาย์ จันต๊ะปา"