
อุโบสถแห่งความสามัคคี วัดวังทองวราราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
วัดวังทองวราราม ตั้งอยู่กลางตลาด อ.วังทอง ริมแม่น้ำวังทอง หรือแม่น้ำเข็ก แม่น้ำแห่งน้ำตกงามเมืองพิษณุโลก เดิมชื่อ วัดตลาดชุม สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา มีโบราณสถานสำคัญ คือ อุโบสถเก่าสถาปัตยกรรมทรงโรง แบบอยุธยา
มีเจ้าอาวาสในอดีตรูปหนึ่งคือ หลวงปู่มี ได้พัฒนาให้วัดเจริญรุ่งเรือง แม้จะมรณภาพไปนานนับร้อยปี แต่ชาววังทองยังเคารพบูชามาจนทุกวันนี้
ภายหลังวัดตลาดชุมได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เกือบหมดสิ้น คงเหลือโบราณสถานสำคัญ คือ อุโบสถเก่าสถาปัตยกรรมทรงโรง แบบอยุธยา และเริ่มมาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ในพ.ศ. ๒๕๐๖ จนเจริญก้าวหน้าและสร้างอุโบสถหลังใหม่ ได้วางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๑๑ โดยมี เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (ป๋า) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ เป็นประธาน และได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดวังทองวราราม
ชาววังทองได้ร่วมกันหล่อ พระพุทธชินราชจำลอง ขนาด ๘๐ นิ้ว เป็นพระพุทธปฏิมากรประธานประจำอุโบสถหลังใหม่ จึงเป็นปฐมเหตุของการสร้างพระเครื่องวัดวังทองวรารามอันโด่งดัง คือ พระพุทธชินราช รุ่นที่ระลึกสร้างอุโบสถ และ หล่อพระประธาน เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๑๔
จนเป็นพระเครื่องยอดนิยม ที่แสวงหากันมากในเมืองพิษณุโลก สนนราคาหลักแสน และหลักหมื่นกลางๆ คือ พระพุทธชินราช บูชาขนาด ๙ นิ้ว และ ๙ นิ้ว
ออกแบบโดย ช่างบรรพรต เคลือบแก้ว มีพุทธลักษณะงดงามเป็นยิ่งนักในยุคนั้น ด้วยการหล่อแบบเทดินไทย
และ พระพุทธชินราชบูชา รุ่นทูลเกล้าฯ งานผูกพัทธสีมา พ.ศ.๒๕๑๙ เป็นต้น
วัดวังทองวราราม ได้รับคัดเลือกให้เป็น วัดพัฒนาตัวอย่าง ปี ๒๕๑๓ และเป็น วัดพัฒนาตัวอย่าง ที่มีผลงานดีเด่น ประจำปี ๒๕๒๙
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ไปทรงตัดหวายลูกนิมิต พร้อมทั้งทอดพระเนตร พระพุทธรูปเก่า และโบราณวัตถุต่างๆ ภายในอุโบสถหลังเก่า ทรงถวายปัจจัย ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อบูรณะอุโบสถให้เป็นสถานที่ศึกษาประวัติศาสตร์
โอกาสนั้นทรงมีพระราชดำรัสว่า "คูหาพระประธานงดงามจริง”
เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๑๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน แบบหน้าบันอุโบสถ อันประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธย ภปร. และพระคาถา “ทยฺยชาติยา สามคฺคิยํ สติสญฺชาณเน โภชิสิยํ รกฺขนฺติ” พร้อมคำแปลว่า “คนชาติไทยจะรักษาความเป็นไทยอยู่ได้ ด้วยมีสติ สำนึกอยู่ในความสามัคคี”
ยังความปลาบปลื้มปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงประทับพระบาทไว้เหนือแผ่นดินวังทอง ครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๑ เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ชาววังทองมาจนทุกวันนี้
บุญทอดผ้าป่าหัวเรือ
ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กันยายน ๒๕๕๒ ที่บริเวณ ลำน้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตำนานประวัติศาสตร์ ซึ่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า แต่อดีตได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคขึ้นที่ท่าน้ำหน้าพระวิหารพระพุทธชินราช เพื่อทรงนมัสการสมโภชพระพุทธชินราช ตามราชประเพณีเกือบทุกรัชกาล
จ.พิษณุโลก จัดให้มีงานประเพณีแข่งขันเรือยาว ชิงถ้วยพระราชทานขึ้น ซึ่งเป็นปีที่ ๓๒ ที่ได้รับพระกรุณาธิคุณ พระราชทานถ้วยรางวัลเป็น สนามชิงถ้วยพระราชทาน สนามแรกของลำน้ำน่าน
พร้อมจัดให้มี ขบวนเรือ อัญเชิญผ้าห่ม มาถวายพระพุทธชินราช และ การทอดผ้าป่าหัวเรือ ซึ่งเป็นปฐมเหตุของ การแข่งขันเรือยาวบูชาพระพุทธชินราช มาแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน พร้อมแจก ผ้ายันต์ผ้าห่มพระพุทธชินราช ที่ได้ถวายไว้เป็นพุทธบูชา ในการจัดงานแข่งเรือยาวในปี ที่ผ่านมาแก่ผู้ร่วมพิธี
นอกจากนี้แล้ว ในภาคเช้า วันเสาร์ที่ ๑๙ กันยายน จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ใต้ร่มพระบารมีภูมิพล จักรีวงศ์ทรงพระเจริญ
นำเสนอพระราชประวัติ พระมหากษัตริย์นักพัฒนาผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก เสด็จประทับพระบาทเหนือแผ่นดินสองแคว ๑๓ ครั้ง (พ.ศ.๒๕๐๑-๒๕๒๕) เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มรดกการพัฒนาที่ยั่งยืน และภาพพระราชทาน เสด็จทอดพระเนตรเรือยาวประเพณี อ่างเก็บน้ำเขาเต่า เป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๑ ปวงประชามหาปีติ ซึ่งเชิญออกจัดแสดงเป็นครั้งแรก
“ทยฺยชาติยา สามคฺคิยํ สติสญฺชาณเน โภชิสิยํ รกฺขนฺติ แปลว่า คนชาติไทยจะรักษาความเป็นไทยอยู่ได้ ด้วยมีสติ สำนึกอยู่ในความสามัคคี”
เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"