พระเครื่อง

ชั่วโมงเซียน-"ช้อนลงอาคม"วัดเนินทองวราราม อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี

ชั่วโมงเซียน-"ช้อนลงอาคม"วัดเนินทองวราราม อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี

14 ก.ย. 2552

ในบรรดาวัตถุมงคล ประเภท เรียกทรัพย์ ทั้งหมด ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ขายจะคุ้นตากันเป็นอย่างดี เช่น นางกวัก พญาแมงมุมเรียกทรัพย์ พญาเต่าทองหุ่นพยนตร์เรียกทรัพย์ แมงปอเรียกทรัพย์ ปี่เซียะ ไก่ฟ้ามหาลาภเรียกทรัพย์ ชูชกมหาลาภ ชูชกเรียกทรัพย์

เสือกระโจนเรียกทรัพย์ (พยัคฆ์คำรณ) เรือสำเภาทองเรียกทรัพย์ กุมารทองเรียกทรัพย์ หนุมานเรียกทรัพย์ แมงมุมดักทรัพย์ เงาะป่าเรียกทรัพย์ พระสังข์ทองเรียกทรัพย์ พระสังกัจจายน์เรียกทรัพย์ โมบายกำไลเรียกทรัพย์ จักจั่นเรียกทรัพย์ พญากบเรียกทรัพย์ ระฆังเรียกทรัพย์ พญาไก่แก้วขันเรียกทรัพย์ ตุ๊กแกเรียกทรัพย์ เป็นต้น

 นอกจากนี้ยังมี คาถาเรียกทรัพย์ ที่นิยมท่องกัน คือ คาถาเรียกทรัพย์ (คาถาพระปัจเจกโพธิ หรือ คาถาพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์) หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา สวดไว้เป็นประจำ จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต โดยนิยมสวด ๓, ๕, ๗ และ ๙ จบ ก่อนนอน ตื่นนอน จบข้าวใส่บาตร

 โดยเริ่มจาก นะโม ๓ จบก่อน แล้วตามด้วย "พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถีโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม"
 
 แต่ที่แปลกตา และถือว่าเป็นแห่งเดียว คือ ช้อนลงอาคม หรือ ช้อนตักเงิน ตักทอง ที่จัดสร้างโดย พระอธิการต๋อย อาภากโร หรือ อ.ต๋อย อาภากโร เจ้าอาวาสวัดเนินทองวราราม ต.ท่าหลวง อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ พระครูมงคลกิจ หรือ หลวงพ่อผล กาญจโน อดีตเจ้าอาวาสวัดเนินทองวราราม ซึ่งมรณภาพไปแล้ว แต่ศพไม่เน่าเปื่อย โดยท่านสร้างไว้เพื่อแจกฟรีให้ทุกคน ในงานบุญทอดกฐิน หลังออกพรรษา เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนก่อสร้างศาลาการเปรียญ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒

  ช้อนลงอาคม มียันต์หลักๆ ดังนี้ ขอบของช้อน ลง คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ที่ว่า "อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ"

 มีพุทธคุณด้านเมตตา และคงกระพัน และเป็นคาถาใช้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ และอรหันต์ธาตุ จึงขึ้นชื่อว่า เป็นคาถาที่มีพุทธานุภาพสูง การครอบด้วยอุณาโลมทั้ง ๒ ด้าน เพื่อเพิ่มพุทธคุณให้คาถานั้นๆ สำเร็จสมบูรณ์

 ส่วน กลางช้อน นั้น มีพญานกคุ้มอยู่ ๑ ตัว บนคาถาแม่ธาตุใหญ่ ที่ว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" และคาถาหัวใจธาตุสี่ ที่ว่า "นะ มะ พะ ทะ"

 สำหรับคติความเชื่อเรื่องการเขียนรูป พญานกคุ้ม ลงในวัตถุมงคล ประเภทที่ต้องการพุทธคุณด้านคุ้มครองป้องกันภัยนั้น เป็นคติความเชื่อที่สอดคล้องกับในชาดกเรื่องหนึ่ง ในพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ พระพุทธเจ้าในอดีตสมัยเมื่อพระองค์ยังเสวยพระชาติเป็นพญานกคุ้มโพธิสัตว์ ครั้นเมื่อออกจากฟองไข่ก็ได้อาศัยอยู่ในป่าแคว้นมคธ วันหนึ่งพ่อและแม่พญานกคุ้มพากันออกไปหาอาหาร  ปล่อยให้ลูกนกคุ้มอยู่ในรังตามลำพัง

 ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่า ปรากฏขึ้นมาจากทิศทั้ง ๔ รอบรังของลูกนกคุ้ม อยู่ห่างจากรัง ๑๖ กรีส หรือ ๑ กิโลครึ่ง

 ขณะนั้นลูกนกคุ้มได้รู้ตัวว่า ตนตกอยู่ในวงล้อมของไฟป่า จึงเหลียวหาบิดามารดา ก็ไม่เห็น ลูกนกคุ้มจึงคิดว่า โดยปกติธรรมดาสัตว์ เมื่อตัวลูกมีภัย ก็ต้องอาศัยพึ่งพิงพ่อแม่ แต่บัดนี้พ่อแม่เรามิได้อยู่เสียแล้ว เราคงจะต้องพึ่งพิงอิงอาศัยตัวเอง

 ลูกนกคุ้ม งตั้งสัจวาจาว่า คุณของศีลมีอยู่ คุณของธรรมมีอยู่ คุณของสัจวาจานี้ก็มีอยู่จริง ปีกทั้งสองข้างเรามีอยู่ แต่ยังบินไม่ได้ เท้าเราทั้งสองข้างมีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ บิดามารดาทั้งสองเรามีอยู่ แต่บัดนี้มิได้อยู่กับเรา นี้เป็นสัจวาจาของเรา ไฟป่าที่ไม่มีชีวิตเอ๋ย ด้วยเดชแห่งสัจวาจานี้ ขอไฟป่าจงดับไป

 ครั้นเมื่อสิ้นสัจจะอธิษฐานของลูกนกคุ้ม ไฟป่าที่ไหม้มาทั้ง ๔ ทิศ ก็ดับลงโดยพลัน ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีเพลิงลุก แล้วจุ่มลงในน้ำ ฉะนั้น ไฟนั้นก็พลันดับไปในทันที  องค์สมเด็จพระชินศรี จึงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า แต่บัดนั้น จวบจนถึงกาลนี้ ไฟป่าก็มิอาจเผาไหม้เข้ามาถึงเขตนี้ได้อีกเลย ซึ่งมีอาณาเขตโดยรอบ ๑๖ กรีส โดยประมาณ ๑ กิโลครึ่ง นี้แหละภิกษุทั้งหลาย เป็นอานุภาพของพระโพธิสัตว์ ที่มีอยู่ในตัวนกคุ้ม ผู้บำเพ็ญธรรม

 การวาดรูป นกคุ้ม ลงบนวัตถุมงคลนั้น จะบริกรรมคาถาพญานกคุ้มที่ว่า "สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติปาทา อะวัญจะนะ มาตา ปิตา จะ นิขันตา ชาตะเวทะ ปฏิกะมะฯ"

 ทั้งนี้ ให้ตั้งจิตอธิษฐานถึงคุณพระพุทธเจ้า แล้วเขียนรูปพญานกคุ้ม และเขียนอักขระคาถาล้อมรอบรูปพญานก นอกจากลงในวัตถุมงคลแล้ว ยังลงบนกระดาษ หรือแผ่นโลหะปิดไว้ที่เสาเรือน โดยมีคติความเชื่อว่า สามารถป้องกันอัคคีภัยดีนัก

 อย่างไรก็ตาม การจัดสร้างวัตถุมงคลประเภทเรียกทรัพย์นั้น จะมียันต์หลักๆ ๕ คาถา คือ

 ๑.คาถาหัวใจพระพุทธเจ้า ๕ องค์ ที่ว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” มีพุทธคุณเด่น เป็นแม่ธาตุใหญ่มีพุทธคุณดีทุกทาง ๒.คาถาหัวใจธาตุ ๔ หรือธาตุพระกรณี ที่ว่า “จะ พะ กะ สะ” พุทธคุณเด่น ด้านเมตตาคงกระพัน 

 ๓.คาถาหัวใจพระสิวลี หรือหัวใจพระฉิมพลี ที่ว่า "นะ ชา ลิ ติ" หรือ "นะ ชา ลี ติ" มีพุทธคุณเด่น ทางโชคลาภ ทำให้เกิดโชคเกิดลาภ 

 ๔.คาถาหัวใจพระเจ้า ๑๐ ชาติ หรือ หัวใจพระเจ้าทศชาติ ที่ว่า “เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว” มีพุทธคุณเด่น ดีทุกทาง

 คาถาหัวใจพระเจ้า ๑๐ ชาติ นั้น ถ้าเติมตัว อิ ติ ไว้ด้านหน้าเป็น อิ ติ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว  จะกลายเป็นคาถามหาโภคทรัพย์ โดยมีคติความเชื่อว่า “ผู้ใดหมั่นเจริญภาวนาเอาไว้ ผู้นั้นจะมิตายด้วยคมอาวุธหอกดาบเลย ทั้งจะเกิดธนสารสมบัติลาภยศ เป็นที่เมตตาแก่คนทั้งหลาย ใช้ทำน้ำมนต์ถอนแก้กระทำย้ำยี (ให้ภาวนาตามกำลังวันเกิดของผู้นั้น

 เช่น วันอาทิตย์ กำลังวัน ๖ ท่อง ๖ จบ จันทร์กำลังวัน ๑๕ ท่อง ๑๕ จบ เป็นต้น) ประพรมไร่นาพืชพันธุ์ กันสัตว์รบกวน ปลุกเสกเลกยันต์ทางอยู่คงแคล้วคลาดทุกประการแล

 และ ๕.คาถาเศรษฐี ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนและมีปราชญ์สรุปไว้เป็นคำย่อว่า “อุ อา กะ สะ” 
        เศรษฐีคาถาที่ขาดไม่ได้

 “อุ อา กะ สะ” ที่เขียนลงบนถังนั้นเป็น "คาถาเศรษฐี" ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน และมีปราชญ์สรุปไว้เป็นคำย่อว่า “อุ อา กะ สะ” หากใครนำไปปฏิบัติตามได้ครบทั้ง ๔ ข้อ รับรองหรือฟันธงได้เลยว่าในวันข้างหน้าเป็นเศรษฐีร่ำรวยกันทุกท่าน
 
 ๑.อุ ย่อมาจากคำว่า อุฏฐานสัมปทา แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาความรู้ หนักเอาเบาสู้ในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย โบราณกล่าวว่า "ทรัพย์นี้มิไกล ใครปัญญาไว หาได้บ่นาน ทั่วแคว้นแดนดิน มีสิ้นทุกสถาน ผู้ใดเกียจคร้าน บ่พานพบนา"

 ซึ่งหมายถึง ทรัพย์สินเงินทองมีอยู่ทุกหนแห่ง ขออย่างเดียว อย่าเกียจคร้าน ให้ลงมือทำงานทุกชนิด อย่างจริงจังตั้งใจ

 ๒.อา ย่อมาจากคำว่า อารักขสัมปทา หมายถึง พร้อมด้วยการความหมั่นรักษา หมายถึง เมื่อได้รับมอบหมายการงานอะไรให้กระทำ หรือเมื่อได้ดำเนินกิจการงานอะไร ไม่ว่าจะเป็นของตน หรือของคนอื่นก็ดี ต้องเป็นคนมีความรับผิดชอบในการงาน หรือกิจการนั้นๆ มิให้บกพร่องต่อหน้าที่ อะไรที่ยังทำไม่ดี ก็พยายามทำให้ดี อะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงให้ดี

 ๓.กะ ย่อมาจากคำว่า กัลยาณมิตตตา แปลว่า การมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว ดังคำพูดที่ว่า "คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล"

 คบคนจึงต้องดูหน้าว่า เพื่อนไม่เป็นคนชักชวนไปในทางฉิบหาย มีการดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน มัวเมาในการเล่น และผีการพนันเข้าสิงจิตใจ เป็นต้น

 ๔.สะ ย่อมาจากคำว่า สมชีวิตา แปลว่า การเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ รู้จักกำหนดรายรับและรายจ่าย อย่าให้สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย หรืออัตคัดขัดสนจนเกินไป ให้รู้จักออมเงินเอาไว้ ฉุกเฉินเมื่อไร จะได้ใช้เงินออมนั้น และขอให้ถือคติว่า

 “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ แม้มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน”

อ.โสภณ