
จาก'เซียนพระ'สู่นักซื้อของโบราณชนะ วรนุชกุล
สังคมของวงการนักสะสมพระเครื่องพระบูชา ได้เป็นส่วนหนึ่งในสร้างฐานอาชีพอันมั่นคงให้แก่ผู้คนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะการซื้อขายพระเครื่องพระบูชา ที่สร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวเป็นอย่างดี จนมีฐานะความเป็นอยู่ที่ไม่แพ้ธุรกิจด้านอื่นใด
จากแวดวงพระเครื่องพระบูชา หลายคนได้ขยายกิจการออกไปสู่ธุรกิจซื้อขายวัตถุโบราณ เครื่องลายคราม ตู้โต๊ะของเก่า ฯลฯ ที่มีมูลค่าหลายล้านบาทขึ้นไป
หนึ่งในนั้น คือ ชนะ วรนุชกุล (เพื่อนสนิทมิตรรักของ เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่) ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ๑ ใน ๕ เจ้าแรกๆ ของเมืองไทย ที่ดำเนินธุรกิจรับซื้อโบราณวัตถุ เครื่องลายคราม ตู้โต๊ะของเก่า รวมทั้งพระเครื่องพระบูชาทุกประเภทด้วยเงินถึงบ้าน และทั่วประเทศ โดยดำเนินธุรกิจนี้มานานกว่า ๑๕ ปี
ชนะ กล่าวถึงความเป็นมาของตัวเองว่า เดิมเป็นชาวเมืองชลบุรี ต่อมาได้ไปเปิดร้านขายอาหารที่ จ.ระยอง ในช่วงนั้นได้มีโอกาสศึกษาเรื่องของพระเครื่องพระบูชาจากท่านผู้รู้หลายท่าน โดยเอาพระแท้องค์จริงให้ศึกษาเป็นประจำ พร้อมกับคำแนะนำในการพิจารณาพระแต่ละเนื้อแต่ละกรุของเมืองต่างๆ มาโดยตลอด ทำให้มีความรู้ความสามารถในระดับหนึ่ง จนกล้าซื้อพระได้ด้วยตนเอง โดยเริ่มจากพระราคาไม่แพงก่อน แล้วค่อยๆ ขยับซื้อพระที่แพงขึ้นตามลำดับ
ตอนแรกๆ ก็มี "โดน" (ของปลอม) มาเหมือนกัน องค์ไหนโดนมาแล้วก็จะจดจำจนขึ้นใจ เพื่อจะได้ไม่พลาดผิดอีก
จากพระเครื่องก็เริ่มศึกษาพระบูชา และเทวรูปต่างๆ จนพอจะแยกได้ว่า พระสมัยไหน ศิลปะเป็นอย่างไร เนื้อโลหะเป็นแบบไหน สนิมผิวพระมีลักษณะเช่นใด ซึ่งต้องเริ่มจากการขอความรู้จากผู้ใหญ่ที่ชำนาญด้านนี้มาก่อน รวมทั้งการศึกษาจากตำราต่างๆ ควบคู่ไปด้วย
ชนะ ยืนยันว่า การศึกษาโดยดูภาพจากตำรามากๆ แล้วหาพระองค์จริงมาพิจารณา จะทำให้มีความรู้ในการดูพระได้เร็วๆ ขึ้น
ในช่วงที่ ชนะ เปิดร้านขายอาหารอยู่ที่ จ.ระยอง นั้น นอกจากจะสะสมพระเครื่องพระบูชาแล้ว ชนะยังสนใจสะสมโบราณวัตถุ หรือที่วงการเรียกว่า "เล่นของเก่า" เป็นต้น เครื่องลายคราม ตู้ โต๊ะ เตียง เฟอร์นิเจอร์มุก โดยของช่างฝีมือเซี่ยงไฮ้ จากเมืองจีน ซึ่งถือว่าเป็นช่างฝีมือชั้นดี หายาก และมีราคาแพง
"การสะสมของเก่า ช่วงนั้นพบเห็นที่ไหนเป็นต้องซื้อทันที พอดีมีผู้ใหญ่ที่ จ.ระยอง เก่งทางนี้ ท่านสอนให้ดูของเก่าต่างๆ ขณะเดียวกันก็ซื้อจากท่านด้วย จนของเก่าเหล่านี้วางเต็มบ้านไปหมด ช่วงนั้นผมเก็บสะสมอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องขายต่อแต่อย่างใด ซื้อสะสมอยู่หลายปี จนวันหนึ่งมาถึงจุดอิ่มตัว เพราะของเต็มบ้านจนไม่มีทางเดิน จึงตัดสินใจขายต่อทันที โดยตั้งใจจะเลิกเล่นต่อไปอีก คนที่ซื้อต่อมีบ้านอยู่ที่ฝั่งธนบุรี บอกว่า เสียดายในสายตาและฝีมือของผม จึงชวนให้ผมเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำธุรกิจร่วมกันในทางนี้ คือ ซื้อมาขายไป เอากำไรแต่พอสมควร ก็เลยดำเนินการเป็นรูปธุรกิจอย่างเต็มตัว ตระเวนหาซื้อของเก่าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม" ชนะกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจสายนี้ ที่ได้ยึดทำมาจนถึงทุกวันนี้
จากการที่สะสมพระเครื่องพระบูชามาก่อน ทำให้ชนะเห็นว่า คนที่มีความรู้ความชำนาญในการดูพระเครื่องพระบูชามาก่อน จะสามารถดูโบราณวัตถุ หรือของเก่าอย่างอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะความรู้จากการดูพระ สอนให้เป็นคนละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากการดูพระยากกว่าการดูของเก่าอย่างอื่น แม้ว่าจะอาศัยหลักการเดียวกันก็ตาม ด้วยเหตุนี้ คนที่เล่นของเก่ามาก่อน จึงสู้คนที่เล่นพระไม่ได้ เพราะคนเล่นพระมีความรอบคอบมากกว่ากันนั่นเอง
ชนะ บอกว่า "การทำธุรกิจรับซื้อของเก่าตามบ้านทั่วๆ ไป เป็นอาชีพอิสระ โดยผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดราคาได้เอง ไม่ต้องให้ตลาดเป็นผู้กำหนดราคา แต่ก็ต้องยึดความยุติธรรมเป็นหลัก เพราะธุรกิจนี้มีคนทำกันมาก หากเราให้ราคาเขาถูกเกินไป ต่อไปหากเขามีของ ก็จะไม่ขายให้เราอีก การซื้อของผม จึงยึดหลักความเป็นธรรม โดยต้องคำนึงถึงใจเขาใจเรา หากเราให้ราคาดี ต่อไปเขามีของอะไรอีก ก็จะต้องบอกให้เราไปซื้อ บางครั้งเขามีเพื่อนที่มีของจะขาย ก็จะแนะนำให้มาหาเรา เรื่องแบบนี้ผมพบมามากแล้ว"
ชนะบอกด้วยว่า อาชีพรับซื้อของเก่าตามบ้านนี้ ในบางครั้งเหมือนกับคนที่ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกให้กับลูกหลานเขา มีหลายบ้านที่พ่อแม่ถึงแก่กรรม จัดการเรื่องมรดกไม่ได้ แบ่งกันไม่ลงตัว ก็มาบอกให้ไปซื้อ โดยการประมูลกันกับเจ้าอื่นๆ อีกหลายราย
ตรงจุดนี้ชนะบอกว่า จะต้องประมูลให้ได้ โดยให้ราคาอย่างดีที่สุด มากกว่าเจ้าอื่นๆ ทำให้ชนะการประมูลทุกครั้งไป หลังจากนั้นมา หากบ้านนั้นเขายังมีของส่วนตัวอื่นๆ อยากจะขายอีก เขาก็จะโทรมาหา เพื่อให้ไปซื้อของเขาเป็นประจำ
ในกรณีเช่นนี้ ทำให้ชนะได้ของดีๆ มีมูลค่าสูงมาแล้วหลายบ้านด้วยกัน โดยเฉพาะ ประเภทพระเครื่อง พระบูชา และเทวรูปต่างๆ ได้ชิ้นสุดยอดทั้งนั้น
ครั้งหนึ่ง ชนะเคยซื้อของเก่าจากบ้านมหาเศรษฐีท่านหนึ่งของเมืองไทย มีมูลค่ากว่า ๑๐ ล้านบาท โดยเฉพาะ งาช้าง คู่หนึ่ง สมัย ร.๔ มีความยาวถึง ๒.๕ เมตร เรียกว่าเป็นงาช้างคู่แรกๆ ของเมืองไทยก็ว่าได้
นอกจากนี้ยังมี เครื่องลายคราม แจกัน และของสะสมสมัย ร.๕ อีกมากมาย รวมทั้งพระเครื่อง พระบูชา อีกจำนวนมาก สิ่งของเหล่านี้ ชนะบอกว่า สามารถดูได้ด้วยสายตาตัวเอง หากพอใจก็จะซื้อด้วยเงินสดทันที
ในช่วงหลังมานี้ มีของเก่าอีกหลายอย่างที่คนมีเงินเขาหาซื้อกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเศรษฐีชาวจีน สิ่งนั้นคือ กระเพาะปลาโบราณ ที่อาศัยอยู่ในน้ำลึกมากๆ คนจีนถือว่าเป็นปลาที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ทำให้กระเพาะมีคุณค่าทางอาหารสูง ผู้ใดได้รับประทานแล้วจะทำให้ร่างกายแข็งแรง และมีอายุยืนยาว เท่าที่ผ่านมา ชนะเคยซื้อถึงชิ้นละนับล้านบาท
กระเพาะปลาโบราณ เหล่านี้ของมีค่า ที่ชาวจีนสมัยก่อนนำติดตัวเข้ามาเมืองไทย ช่วงที่ลี้ภัยคอมมูนิสต์ ส่วนใหญ่จะพบเห็นตามร้านขายจีนทั่วๆ ไป ในเมืองไทย
ธุรกิจรับซื้อของเก่าตามบ้าน ยังมีอนาคตสดใสอีกนาน ข้อสำคัญคือ คนที่ซื้อนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญการดูของเป็นทุกอย่าง ถ้าทำได้ก็จะย่อมจะยึดถือเป็นอาชีพได้ด้วย
ตรงจุดนี้ ชนะ บอกว่ายินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สนใจโดยทั่วไป ใครที่คิดว่า ยังว่างงานอยู่ หรืออยากจะเปลี่ยนงานใหม่ อยากจะเรียนรู้ หรือร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ก็ลองติดต่อสอบถามได้ที่โทร.๐๘-๖๘๙๘-๙๕๘๙ หรือที่ e-mail : [email protected]
รวมทั้งท่านที่มีพระเครื่อง พระบูชา เหรียญ ของเก่า เหล้าฝรั่ง ตู้โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์มุก ของลายคราม ฯลฯ หากไม่ต้องการเก็บรักษาไว้ต่อไป หรืออยากจะเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ ขอให้ติดต่อไปได้เช่นกัน
ตาล ตันหยง