
บงกชธร บำรุงพืชผู้ชำนาญพระพุทธรูปยุคเก่า
ในวงการนักสะสมพระเครื่อง พระบูชา มีคำพูดอยู่วลีหนึ่งที่ถือเป็นอมตะวาจา หรือสัจธรรมอันแท้จริง ก็คือ "สมบัติผลัดกันชม" อันหมายถึง พระเครื่องพระบูชาก็ดี ของเก่าเครื่องลายครามก็ดี ย่อมมีการหมุนเวียนเปลี่ยนมือ จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง หรือจากคนรุ่นเก่ามาสู่ค
มีนักสะสมพระเครื่องพระบูชาหลายคน บอกว่า การสะสมของเขานั้น เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลาน ของที่ซื้อไว้จะไม่มีการแบ่งปันให้คนอื่นเช่าต่ออย่างเด็ดขาด
คนที่พูดเช่นนี้ อาจจะเป็นจริงอยู่ระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อวันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเอาของเหล่านั้นออกมาขายต่อจนได้ จะด้วยเหตุผลเพราะเกิดความอิ่มตัว ความเบื่อ หรือวิกฤตทางการเงิน ก็สุดแล้วแต่
ตัวอย่างมีมาแล้วมากมาย ความจีรังยั้งยืน แท้จริงแล้วก็คือ ความไม่จีรัง นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่า ทำไมพระเครื่องพระบูชา ในทุกวันนี้มีการเปลี่ยนมืออยู่เสมอ จนทำให้ธุรกิจวงการพระมีการซื้อขายอยู่เป็นประจำ และนับวันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้ว่า ในทุกวันนี้ มีคนหนุ่มจำนวนไม่น้อย หันมาทำธุรกิจด้านนี้
และด้วยความรู้ความสามารถสูง มีการพัฒนาอยู่เสมอ จึงทำให้คนหนุ่มสายเลือดใหม่ ในวงการพระทุกวันนี้ ประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้อย่างน่าภาคภูมิใจ
และหนึ่งในจำนวนนั้น ก็คือ บงกชธร บำรุงพืช คนรุ่นใหม่ผู้ชำนาญพระพุทธรูปยุคเก่า รวมทั้งพระชุดเบญจภาคี และพระหลักยอดนิยมทุกประเภท
ด้วยวัยที่ยังไม่ถึงเลข ๔ แต่มีโอกาสเป็นเจ้าของพระพุทธรูปองค์ดังๆ ชนิดหนึ่งเดียวของวงการพระเมืองไทย มาแล้วมากมาย ด้วยมูลค่ารวมกันแล้วหลาย (ๆ) ล้านบาทขึ้นไป
บงกชธร หรือที่เพื่อนฝูงวงการพระเรียกกันว่า "นวณ" (คำนวณ) เป็นชาวตลิ่งชัน ฝั่งธนบุรี โดยกำเนิด เติบโตขึ้นมาก็รู้จัก พระเครื่อง แล้วตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเด็ก เพราะมี คุณลุง เป็นนักสะสมพระมาก่อน รุ่นเดียวกับ สำราญ บางแค เซียนพระอาวุโส ที่คนรุ่นเก่ารู้จักกันดี
"สมัยที่ผมยังเรียนหนังสือ ก็มีโอกาสเห็นพระของคุณลุงแล้ว ส่วนมากคุณลุงจะเช่าหาพระสมเด็จ วัดระฆัง บางขุนพรหม รวมทั้งพระหลักๆ ทั่วไป ทำให้ผมมีโอกาสได้ศึกษาส่องดูองค์พระเหล่านั้นอย่างใกล้ชิดเสมอๆ โดยคุณลุงได้แนะนำสั่งสอนให้ด้วย ก็จำได้บ้าง บางครั้งได้ติดตามคุณลุงไปสนามพระ ก็ได้ดูพระของเซียนคนอื่นๆ ด้วย ตรงนี้ทำให้ผมเกิดความสนใจขึ้นมามากทีเดียว ในบางครั้งถึงกับกล้าซื้อพระด้วยตนเอง พอเอามาให้คุณลุงดู ก็มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง คุณลุงก็สอนสั่งให้ในสิ่งที่ได้พลาดผิดมาก่อน จนจดจำไว้เป็นบทเรียน ต่อมาเวลาไปพบเห็นพระองค์ไหนที่ผิดหูผิดตา พอจะอนุมานได้ว่า เป็นพระปลอมแน่นอน ก็ไม่ซื้อเอาไว้" บงกชธร เล่าถึงความเป็นมาในอดีต
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาโดยตลอด ประกอบกับการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้บงกชธรมีความเชี่ยวชาญชำนาญขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นว่า การสะสมพระเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถทำเป็นอาชีพได้ ประกอบกับมีพรรคพวกเพื่อนฝูง และรุ่นพี่ๆ ในวงการพระมากมาย บงกชธรจึงไปเปิดร้านพระขึ้นที่ห้างเดอะมอลล์ท่าพระอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนย้ายไปอยู่ที่มณเฑียรพลาซา สุรวงศ์ โดยร่วมกับ อี๊ด เมืองโบราณ ดำเนินกิจการธุรกิจพระเครื่องพระบูชาอย่างเต็มตัว ทำอยู่ได้ ๒-๓ ปี ก็ย้ายมาอยู่ที่ร้าน พรปู่ศุข บนชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ในชมรมพระเครื่องมรดกไทย จนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีธุรกิจอื่นทำอยู่ด้วย บงกชธรจึงไม่ค่อยปรากฏตัวที่ร้านพระบ่อยนัก และบางคนก็ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงกันมากนัก นอกจากคนที่สนิทสนมกันจริงๆ เท่านั้น
"ส่วนใหญ่ผมจะเช่าหาพระพุทธรูป หรือพระบูชาเป็นหลัก ส่วนพระเครื่องก็มีพระสมเด็จ พระชุดเบญจภาคี พระหลวงปู่บุญ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพราะใจชอบทางนี้มากกว่า โดยเฉพาะพระพุทธรูป องค์ดังๆ ในอดีตของท่านเป้า () ผมเฝ้าติดตามเช่ามาโดยตลอด ล่าสุดได้พระบูชาชุด ๓ เศียร (เชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง) ที่ได้ชื่อว่าเป็นชิ้นเอกของวงการพระบูชาเมืองไทย ที่เคยโชว์ในงานประกวดพระ ธนาคารศรีนคร สำนักงานใหญ่ สวนมะลิ เมื่อปี ๒๕๑๙ หลังจากท่านเป้ามรณภาพ พระ ๓ องค์นี้ไปตกอยู่ที่เซียนใหญ่ท่านหนึ่ง แล้วผมก็เพิ่งไปได้มาเมื่อไม่มานานนี้เอง ในราคาหลายสิบล้านบาท ในงานประกวดพระที่ศูนย์ไบเทค บางนา เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พี่ต้อย เมืองนนท์ ได้ขอให้เอาพระชุดนี้ไปโชว์ในงานวันนั้นด้วย" บงกชธร กล่าวด้วยภูมิใจ
การสะสมพระพุทธรูปยุคเก่าๆ บงกชธร กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะพระแต่ละองค์มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น พระพุทธรูปรุ่นเก่าปั้นแบบพิมพ์ทรงทีละองค์ ไม่มีแม่พิมพ์ที่จะหล่อได้เหมือนกันคราวละหลายๆ องค์ ผิดกับพระเครื่อง ที่มีแม่พิมพ์เป็นหลัก จะปั๊มออกมาเท่าไรก็ได้
ความภูมิใจของนักสะสมพระพุทธรูป คือ พระแต่ละองค์มีเพียง ๑ เดียวเท่านั้น ฉะนั้น หากสามารถจดจำพุทธศิลป์ของช่างแต่ละสมัย แต่ละเมือง หรือฝีมือช่างแต่ละท่านได้ ก็สามารถพิจารณาได้ถึงความแท้แน่นอน โอกาสพลาดมีน้อย
ในส่วนของพระเครื่อง เป็นการสร้างขึ้นด้วยแม่พิมพ์ พระแต่ละพิมพ์จึงมีจำนวนมากกว่า ๑ องค์ การพิจารณาจึงอาจจะง่ายว่าพระพุทธรูป ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
การพิจารณาพระเครื่อง จึงต้องดูที่ พิมพ์ทรงองค์พระ เป็นหลัก หากพิมพ์ผิดก็ต้องไม่ต้องดูอย่างอื่น หากพิมพ์ถูกจึงค่อยพิจารณาในเรื่องเนื้อหามวลสาร เพราะเนื้อพระแต่ละสภาพที่ย่อมแตกต่างกัน โดยเฉพาะพระฝังกรุในแต่ละแห่งที่มีสภาพไม่เหมือนกัน เนื้อพระจะไม่เหมือนกัน ถ้าหากสามารถจดจำเนื้อพระได้ ผิดถูกต้อง ก็โอเค เป็นพระแท้แน่นอน
คนส่วนใหญ่ พอหันมาเข้าวงการพระก็จะหาพระสมเด็จ วัดระฆัง ทันที โดยไม่ศึกษามาก่อนว่า พระสมเด็จ วัดระฆัง มีกี่พิมพ์ มีกี่เนื้อ แตกต่างกันอย่างไร ก็เช่าหากันโดยไม่มีความรู้ โอกาสจะได้พระแท้ย่อมยากมาก โดยเฉพาะพระราคาไม่แพง หรือพระให้กันฟรีๆ จะเป็นพระสมเด็จ วัดระฆัง หรือกรุบางขุนพรหม พระสมเด็จเกศไชโย ไปได้อย่างไร...เป็นข้อคิดที่คนชอบพระสมเด็จ ต้องศึกษาพิจารณาไว้ก่อน
นอกจากนี้ บงกชธร ยังแนะนำว่า การศึกษาเรื่องพระ ควรจะเริ่มจากพระที่มีราคาถูกๆ ไปก่อน เมื่อมีความรู้ดีขึ้น แม่นขึ้น จึงค่อยขยับพระที่แพงกว่าขึ้นไปทีละก้าว พร้อมกับศึกษาหาความรู้เพิ่มขึ้นด้วย ก็ย่อมจะได้พระหลักยอดนิยมที่มีราคาแพงขึ้นด้วย
บงกชธร ยังกล่าวด้วยว่า วงการพระยังก้าวไกลไปอีกมาก เพราะมีคนรุ่นใหม่หันมาสนใจสะสมพระกันมากขึ้น ในขณะที่พระหลักพระเก่ามีน้อยลง เพราะพระมีจำนวนจำกัด แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่คนรุ่นเก่าถึงจุดอิ่มตัว เกิดความเบื่อ ก็ย่อมมีการถ่ายเทพระเก่าเก็บออกมาหมุนเวียนเปลี่ยนมือกันไป ตามวัฏจักรของสังคม คือ สมบัติผลัดกันชม
คนรุ่นใหม่ ใจถึงกว่า พัฒนาได้รวดเร็วกว่า ก็เข้ามาแทนที่ ด้วยเหตุนี้ วงการพระจึงสามารถยืนอยู่อย่างยั้งยืนไปอีกนานเท่านาน
หากผู้ศรัทธาสนใจจริง และมีความจริงใจต่อกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน ย่อมยืนอยู่ในวงการนี้ได้ตราบเท่านิรันดร์กาล