
สุนารี ราชสีมา กับ...สัจธรรมในเพลง หัวใจถวายวัด
"หลวงพ่อ เจ้าขา ช่วยแผ่เมตตาลูกหน่อยได้ไหม ลูกนี้อาภัพอับโชคหรือไร มีรักครั้งใด หัวใจเหมือนไฟร้อนรน หลายคนที่พบ พอเขาได้ซบต้องหนีหลบล่องหน ขว้างทิ้งดังเศษดินข้างถนน น้ำตาร่วงหล่น หาคนรักแท้ไม่มี เข้าวัดทุกวัน ใส่บาตรทำทาน บนบานขอให้โชคดี แต่ผียังตามหลอนหล
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเนื้อหาของบทเพลง “หัวใจถวายวัด” ของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ อดีตราชินีลูกทุ่งที่ สุนารี ราชสีมา หรือ ทิม สอนนา ใช้เป็นเพลงในการขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงจนได้รางวัลมาแล้วมากมาย โดยเธอถือว่าเพลงหัวใจถวายวัดเป็นเพลงนำโชค เมื่อมาเป็นนักร้องลูกทุ่งเต็มตัวแล้ว เธอก็ยังร้องเพลงนี้เกือบทุกเวที ทั้งที่ร้องเอง และถูกแฟนเพลงขอให้ร้อง
“เพลงนี้เนื้อหาเด็ดทุกท่อน สุไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเพลงหัวใจถวายวัด ที่เคยเป็นเพลงนำโชค มาในชีวิตจริงวันนี้ ไม่ได้แตกต่างจากเนื้อหาในเพลงหัวใจถวายวัดเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเป็นเพลงที่แต่งเพื่อสะท้อนชีวิตที่แท้จริงของตัวเอง เพลงเพลงนี้เนื้อหาที่เป็นสัจธรรมที่ว่า ถ้าคนเราไม่ทุกข์ ก็ไม่เข้าวัด ไม่เข้าถึงพระ เพลงนี้จะบ่งบอกว่า จะเป็นความทุกข์ที่เกิดจากความรัก รวมทั้งทุกข์อื่นๆ สุดท้ายแล้ววัดก็เป็นที่พึ่งได้เสมอ” นี่คือความรู้สึกของสุนารี ที่มีต่อเพลงหัวใจถวายวัด
พร้อมกันนี้ สุนารี ยอมรับว่า แม้จะเคยเข้าวัดมานับร้อยๆ วัด ทำบุญไหว้พระมานับครั้งไม่ถ้วน แต่สิ่งหนึ่งไม่เคยสนใจคือ การฝึกปฏิบัติธรรม
และมีโอกาสได้การฝึกปฏิบัติธรรมจริงๆ จังๆ ในช่วงชีวิตที่แย่สุดๆ ช่วงแรกก็ทำใจไม่ได้ จนกระทั่งได้ไปบวชเป็นชีพราหมณ์ ๗ วัน และฝึกทำสมาธิกับ หลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ใหม่ๆ ก็เกิดความฟุ้งซ่าน จิตใจไม่เป็นสมาธิ โดยท่านแนะนำว่า ระหว่างการทำสมาธิ ให้นึกถึงสิ่งที่เราศรัทธา ระหว่างนั่งสมาธิจึงนึกถึง หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ เพราะโดยส่วนตัวแล้วมีความผูกพันกับท่านมาก เพราะมีแหวนของท่านอยู่วงหนึ่ง ไม่น่าเชื่อเลยว่า จากที่เคยนั่งสมาธิได้ไม่ถึง ๑๐ นาที ก็เพิ่มเป็นครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็นั่งได้เป็นชั่วโมงๆ
ช่วงที่ลำบาก ช่วงที่ยังไม่มีชื่อเสียง สุนารี เล่าให้ฟังว่า ต้องอาศัยข้าวก้นบาตร นอนพักวัด พึ่งบารมี ครูบาถาวร อดีตเจ้าวัดเวฬุวัน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งท่านได้มรณภาพไปเมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา ช่วงที่ทำวงดนตรีใหม่ๆ ครูบาถาวร ขนข้าวของเครื่องใช้ที่ญาติโยมมาทำบุญ นำมาเลี้ยงลูกน้องภายในวง ใช้ชีวิตราวกับเป็นเด็กวัด พอตกเย็นวันไหนมีงาน ก็ออกไปร้องเพลง เมื่อร้องเพลงเสร็จ ก็กลับมานอนวัด เป็นอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งมีชื่อเสียง จากนั้นก็กลับไปจัดงานแสดงถวายครูบาถาวร ทุกๆ ปี รายได้ทั้งหมด ถวายให้ท่าน จนกระทั่งเลิกทำวง ก็ไม่ได้ไปร้องอีก แต่หากมีเวลาว่างเว้นจากงานร้องเพลง ก็จะขึ้นไปกราบท่าน
ส่วนวัดอีกแห่งหนึ่งที่เคยไปพึ่งพาบารมี คือ พระอาจารย์ถนอม อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านบน หมู่ ๑ ต.ม่วงหัก อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นที่พึ่งของวงดนตรีลูกทุ่งในอดีตทุกวง
“จริงๆ เราหากินกับวัด ลูกทุ่งมีพระและกรรมการวัดเป็นลูกค้าที่สำคัญ ขึ้นชื่อว่างานวัด การเล่นที่ขาดไม่ได้ คือ วงดนตรีลูกทุ่ง ถ้าวัดไหนจัดงานแล้วลูกศิษย์ออกค่าใช้จ่ายให้ จะรู้สึกดี แต่ถ้างานใดหลวงพ่อและหลวงพี่เป็นคนออกตังค์เองจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่ก็จำเป็นต้องรับ เพราะการทำวงดนตรีต้องมีค่าใช้จ่าย โดยคิดในราคาที่ไม่เป็นธุรกิจเต็มที เหมือนงานทั่วๆ ไป ส่วนที่เล่นถวายวัดฟรีก็มีอยู่หลายแห่ง” สุนารี กล่าว
แม้จะเดินทางไหว้พระมาทั่วไทย แต่พระเครื่องที่สุนารีแขวนติดตัวเป็นประจำ คือ พระเครื่องของ พระเทพสังวรญาณ หรือ หลวงตาพวง สุขินทริโย เจ้าอาวาศวันศรีธรรมาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร
นอกจากแขวนพระแล้ว เธอยังสักยันต์ ๕ แถวหนุนดวง และยันต์เสือเหลียว อ.หนู กันภัย เจ้าสำนักสักยันต์ชื่อดังแห่ง จ.ปทุมธานี โดยเธอยอมรับว่า
“หลังจากสักยันต์ ๕ แถวหนุนดวง และยันต์เสือเหลียว ชีวิตดีขึ้นจริงๆ หลังจากสักยันต์งานแสดงต่างๆ ก็เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ นานๆ ครั้งจะมีคนติดต่อมาครั้งหนึ่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ การยึดปฏิบัติตามคำสอนของ อ.หนู”
ส่วนการเดินทางไปร่วม พิธีกรรมการนอนโลง ที่วัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งมี หลวงปู่แย้ม ปิยวัณโณ เป็นเจ้าอาวาสนั้น สุนารี บอกว่า ที่มาร่วมพิธี เพราะเคยได้ยินมาว่าการให้พระเถระสวดนพเคราะห์ เสริมดวงชะตา เปรียบเสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เมื่อผ่านพิธีการนอนโลงศพแล้วจะมีสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เสริมมงคลชีวิต ให้บังเกิดโชคลาภเป็นทวีคูณ เสริมบุญบารมีให้สูงขึ้น ดีขึ้น เด่นขึ้น ศัตรูหมู่มารมลายหายสิ้น กลับเป็นมิตรที่ดีต่อกัน
ในขณะที่หลายคนบอกว่า ทำพิธีไปแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างประหลาด และประสบโชคดี มีชัยกันทั่วหน้าด้วย รวมทั้งมีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าการนอนโลงสะเดาะเคราะห์ เป็นการแก้เคล็ดต่ออายุ และช่วยให้พ้นเคราะห์ได้ พิธีกรรมการนอนโลงดูผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา แต่สิ่งที่แฝงอยู่ในพิธีกรรมนี้ คือ เป็นการเตือนสติให้ระลึกว่าในที่สุดแล้วทุกคนก็หนีไม่พ้นความตาย จะจนติดดิน หรือรวยล้นฟ้าทุกคนต้องตายแน่ๆ การนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ถึงจะเรียกว่าคนมีสติ และสตินี่แหละเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการดำเนินชีวิต
สุนารีพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อยศ เป็นสัจธรรมที่ดารา นักร้อง นักแสดง รวมทั้งอาชีพอื่นมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องธรรมดา ต้องเตรียมใจยอมรับในสัจธรรมข้อนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทุกวันนี้ดังไม่เหมือนเดิมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่คือ บารมี แม้ว่าจะไม่ได้ปรากฏหน้าต่อสื่อสารมวลชน ไม่ถูกโปรโมท ก็ยังเป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะไปไหนคนยังจำได้ มาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น เช่นเดียวกับเมื่อครั้งยังมีชื่อเสียง”
"เข้าวัด ทุกวัน ใส่บาตรทำทานบนบานขอให้โชค แต่ผียังตามหลอนหลอกย่ำยี วันหยุดพักไม่มี บวชชีดีไหม หลวงพ่อ"
เรื่อง... "ไตรเทพ ไกรงู"
ภาพ... "ประเสริฐ เทพศรี"