
หลวงปู่ผิว อภิชาโตวัดประดู่ทรงธรรมตักศิลาแห่งกรุงศรีอยุธยา
หลวงปู่ผิว อภิชาโตวัดประดู่ทรงธรรมตักศิลาแห่งกรุงศรีอยุธยา : เรื่อง/รูป ไตรเทภ ไกรงู
วัดประดู่ทรงธรรม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา แต่ไม่พบหลักฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยใด และใครเป็นผู้สร้าง เพียงถูกกล่าวในพงศาวดาร พ.ศ.๒๑๖๓ ความว่า ในคราวที่พระภิกษุสงฆ์ของวัดประดู่แปดรูป ได้ช่วยเหลือพระเจ้าทรงธรรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาหลบหนีจากการก่อกบฏของพวกญี่ปุ่นที่หมายปลงพระชนม์ชีพ ครั้งฝ่ายมหาอำมาตย์พอคุมพลได้ก็ไล่รบญี่ปุ่นล้มตายและแตกไปจากพระราชวัง ต่อมาพระมหาอำมาตย์มีความชอบดังนี้จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ซึ่งต่อมาได้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าปราสาททอง
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงในคราวที่พระเจ้าอยู่หัวอุทุมพร หรือที่เรียกกันว่า “ขุนหลวงหาวัด” ทรงผนวชและพำนักที่วัดประดู่ทรงธรรมนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนถูกกวาดต้อนไปอังวะภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ.๒๓๑๐ จากผลสงครามได้ส่งผลให้วัดประดู่เป็นวัดร้างจนกระทั่งหลวงพ่อรอดเสือได้มาปฏิสังขรณ์ให้มีสภาพเป็นวัดและมีพระสงฆ์จำพรรษาเจริญมาเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน
ชื่อหลวงพ่อรอด (เสือ) มีที่มาหลากหลาย สำหรับกระแสแรกนั้นเล่ากันทำนองว่าสาเหตุที่เรียกหลวงพ่อรอด ก็เพราะท่านมีชื่อเดิมว่ารอด แต่ดุอย่างเสือ อีกกระแสหนึ่งพอสรุปได้ว่าสาเหตุที่ได้ชื่ออย่างนั้นก็เพราะท่านรอด ชีวิตจากเสือ แต่เดิมนั้นหลวงพ่อรอด พำนักอยู่วัดบางหว้าใหญ่ หรือวัดระฆัง ฝั่งธนบุรี ในเวลาต่อมา ก่อนที่ท่านจะมาปฏิสังขรณ์วัดประดู่ (และวัดโรงธรรม) นั้น
หลวงพ่อรอดได้จอดเรือเพื่อแวะพักค้างคืนที่บ้านเสือข้าม ชาวบ้านในละแวกนั้นมาขอให้ย้ายไปจอดที่อื่นเพราะเกรงว่าหากถึงเวลาเสือข้ามฟากตอนดึกๆ อาจไม่ปลอดภัย แต่หลวงพ่อรอดไม่ยอมย้าย เมื่อท่านไม่ยอมทำตามคำขอร้องชาวบ้านที่ว่าจึงลากลับ โดยในระหว่างทางต่างพูดกันทำนองว่าหากย้อนมาในตอนเช้า หลวงพ่อรอดยังอยู่ก็แสดงว่าเป็นพระดีมีวิชา แต่ถ้าถูกเสือกินก็ต้องเก็บซากศพเผาเอาบุญแล้วกัน ครั้นถึงตอนเช้าของวัน ต่อมากลับพบว่าท่านนั่งหัวร่ออยู่ในเรืออย่างอารมณ์ดี เมื่อเป็นเช่นนี้จึงได้เรียกขานกันว่า หลวงพ่อรอด (เสือ) แต่นั้นมา
บางท่านก็ว่าหลวงพ่อรอด ท่านสำเร็จวิชาเสือสมิง สันนิษฐานว่าหลังจาก กรุงศรีอยุธยาถึงคราวต้องล่มสลาย วัดส่วนใหญ่ทั้งในและนอกเกาะเมืองล้วนไม่มีพระเณรพำนักพักพา เนื่องจากว่าต้องหลบหนีข้าศึกเช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วไป ถึงจะไม่ถูกพม่าฆ่าฟันแต่ก็อาจอดตายอยู่ดี เพราะหาคนที่จะใส่บาตรหรือถวายอาหารไม่ได้ ด้วยว่าส่วนใหญ่ต่างหนีภัยสงครามเอาตัวรอดกันทุกหมู่บ้าน หลวงพ่อรอดก็เช่นกัน
กล่าวคือท่านได้หลบหนีจากวัดประดู่ไปอยู่วัดระฆัง หรือวัดบางหว้าใหญ่สมัยนั้นอยู่ระยะหนึ่ง กระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์ จึงย้อนกลับมาปฏิสังขรณ์วัดประดู่ และวัดโรงธรรม (ซึ่งอยู่ใกล้กัน) ขึ้นใหม่ และได้ใช้ชื่อวัดประดู่โรงธรรม เรื่อยมาตั้งแต่บัดนั้น โดยมีท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกตั้งแต่ต้นรัชกาลที่ ๑ จากหลักฐานทั้งหลายอันได้แก่ พระนิพนธ์เรื่องความทรงจำของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ทรงธรรมแต่ละรูปล้วนเชี่ยวชาญในพระกรรมฐานและพุทธาคมอย่างหาตัวจับยาก ปัจจุบันมีหลวงพ่อผิว อภิชาโต เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยเมตาผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงปู่นาค รวมทั้งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช เป็นพระที่สมถะรักสันโดษ เก็บตัวเงียบในวัดประดู่ทรงธรรม แต่ก็เป็นพระประเภทคมในฝัก ชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยาก ทุกงานพิธีใหญ่ในอยุธยา ทุกครั้งต้องมีท่านไปนั่งปรกทุกครั้ง เช่น
งานพิธีปลุกเสกหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติรุ่น ๙ เฮ, ชาตรี, ฟ้าลั่น แต่กระนั้นหลวงพ่อท่านเป็นพระผู้ทรงสมณะ ไม่โอ้อวดวิชา กิจวัตรของท่าน ตื่นตี ๔ มานั่งทำน้ำมนต์หน้าหลวงพ่อรอด เพื่อประพรมน้ำมนต์แก่ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่มาทำบุญ นับได้ว่าหายากในปัจจุบัน จึงเป็นพระเถระที่น่าเลื่อมใสมากๆ ในยุคปัจจุบัน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันวัตถุมงคลของสายวัดประดู่ทรงธรรม เป็นของที่น่าหามาห้อยคอ ติดตัว ไม่ว่าจะของหลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม หลวงพ่อนาค วัดประดู่ทรงธรรม หรือเหรียญรวมเจ้าอาวาสวัดประดู่ทรงธรรม (ปลุกเสกโดยหลวงพ่อสละ หลวงพ่อนาค หลวงพ่อเทียม หลวงพ่อแทน หลวงพ่อกี๋ ร่วมกันปลุกเสก) ล้วนเป็นเหรียญที่น่าใช้
ตักศิลาพระเวทย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
วัดประดู่ทรงธรรมเปรียบเสมือนสำนักเขาอ้อ เป็นตักศิลาใช้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางด้านปริยัติธรรมและด้านปฏิบัติสมถกรรมฐาน การเล่นฤทธิ์ต่างๆ พร้อมทั้งเรียนวิธีการลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ และวิชาศิลปะ ๒๐ ประการ เช่น ตำราพิชัยสงคราม มวยโบราณ กระบี่กระบอง การต่อสู้ ตำรายาสมุนไพร ตำราพระคาถา และอักขระเลขยันต์และหลักธรรมคำสอนตามพระไตรปิฎก อีกทั้งสำนักวัดประคู่ทรงธรรมเป็นสถานที่ประสาทวิชาแก่พระเกจิคณาจารย์เมืองกรุงเก่า
วิชาที่ขึ้นชื่อของสำนักนี้คือ วิชาการทำตะกรุดเป็นที่โด่งดังมาก ซึ่งต่อมาหลังจากเป็นที่รู้จักที่อื่นมีการสร้างตามมา อาทิ ตะกรุดมหาระงับ ตะกรุดมหารูด ตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ตราธิราช ตะกรุดมหาพิชัยสงคราม ตะกรุดมหาละลวย ตะกรุดมหาอำนาจ ตะกรุดมหาปราบ เป็นต้น
มีพระคณาจารย์ผู้เรืองวิชามากมายที่เรียนจากที่นี่ อาทิ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ (เหรียญท่านเป็นอันดับ ๑ ของเบญจภาคีพระเหรียญไทย) หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี (หนึ่งในพระที่จารตะกรุด แล้วหลอมไม่ละลายที่วัดปราสาท พ.ศ.๒๕๐๖ )
หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน จ.ราชบุรี (หนึ่งในพระที่จารตะกรุด แล้วหลอมไม่ละลายที่วัดปราสาท พ.ศ.๒๕๐๖) หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช (หนึ่งในพระที่จารตะกรุด แล้วหลอมไม่ละลายที่วัดปราสาท พ.ศ.๒๕๐๖) หลวงปู่ปลื้ม วัดสวนหงส์ จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง จ.ชลบุรี หลวงพ่อใหญ่ วัดสะแก หลวงปู่ดู่ หลวงปู่สีห์ วัดสะแก อ.เฮง ไพรวัลย์
หลวงพ่อนาค วัดประดู่ทรงธรรม หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม เป็นต้น
เหรียญเสมา “มงคลบารมี” หลวงพ่อผิว
“บูรณะและจัดสร้างลานอเนกประสงค์วัดประดู่ทรงธรรมเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ท่านสาธุชนผู้ศรัทธาที่เดินทางมากราบไหว้ขอพร” เป็นวัตถุประสงค์ ในการสร้างเหรียญเสมา “มงคลบารมี” หลวงพ่อผิว อภิชาโต เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ทั้งนี้มีการนำสุดยอดมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมจากพระเถระทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีมวลสารเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อร่วมสร้างตำนานบทใหม่ แห่งสำนักตักศิลาวัดประดู่ทรงธรรม มวลสาร ทองคำแท่ง ที่ผ่านการจารอักขระและอธิษฐานจิตด้วยความเข้มขลัง โดยเกจิและคณาจารย์ชั้นแนวหน้าทั่วฟ้าเมืองไทย เช่น ก๋งเตื่อง พระมหาสุรศักดิ์ ผู้สำเร็จวิชานะปัดตลอด, หลวงปู่แขก เจ้ากสิณไฟ แห่งบางระกำ, หลวงพ่อนัส ศิษย์ก้นกุฏิ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส, หลวงพ่อแถม ลูกศิษย์หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ฯลฯ
เหรียญเสมา “มงคลบารมี” หลวงพ่อผิว อภิชาโต ออกแบบโดยนายช่างภิ แห่งธนศรีโลหะกิจ ช่างที่ฝากฝีไม้ลายมือรังสรรค์เหรียญรุ่นดังนับร้อยรุ่น ด้านหลังเป็นยันต์ตรีนิสิงเหของสำนักวัดประดู่ทรงธรรม ประกอบด้วยหมายเลข “๓ ๗ ๕ ๔ ๖ ๕ ๑ ๙ ๕ ๖ ๒ ๘ ๕” แต่ละตัวมีความหมายดังนี้ ๓ หมายถึง ตรีนิสิงเห ๗ หมายถึง สัตตะนาเค ๕ หมายถึง ปัญจะเพชรฉลูกันเจวะ ๔ หมายถึง จตุเทวา ๖ หมายถึง ฉะวัชชะราชา ๕ หมายถึง ปัญจะอินทรานะเมวะจะ ๑ หมายถึง เอกะยักขา ๙ หมายถึง นะวะเทวา ๕ หมายถึง ปัญจะพรหมมาสหบดี ๖ หมายถึง ฉะวัชชะราชา ๒ หมายถึง ทะเวราชา ๘ หมายถึง อัฏฐะอะระหันตา และ ๕ หมายถึง ปัญจะพุทธานะมามิหัง
ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่ โทร.๐๘-๙๑๕๑-๘๘๗๗ ติดตามข่าวสารได้ที่ เฟซบุ๊ก “วัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา”