
กุมารทองตำรับอ.คมไตรเวทย์ฆราวาสผู้เรืองเวทย์แห่งเมืองสุพรรณ
กุมารทองตำรับอ.คม ไตรเวทย์ฆราวาสผู้เรืองเวทย์แห่งเมืองสุพรรณบุรี : พระองค์ครู เรื่อง/รูป ไตรเทภ ไกรงู
แรกเริ่มเดิมทีการสร้าง “กุมารทอง” มาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่หรือที่เรียกว่าตายทั้งกลม ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำพาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูก จากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่า ต้องหาศพที่ตายทั้งกลมแล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกในท้องมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ แล้วจึงลงรักปิดทองให้ทั่ว ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่ากุมารทอง
อย่างไรก็ตามด้วยสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้นทำให้ไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริงๆ ได้ จึงมีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างกุมารทองขึ้นโดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้รักซ้อนหรือไม้มะยมบ้าง ไปจนถึงโลหะ มาสร้างเป็นรูปกุมาร แล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้ง ๔ และเรียกอาการ ๓๒ ให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา
กุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างเป็นรูปเด็ก ลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณ กลายเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่าเสมือนมีวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตน ต้องให้ข้าวน้ำเซ่นสรวงและต้องเรียกให้กินข้าวด้วย
ทั้งนี้มีคติความเชื่อว่าหากปฏิบัติดูแลดีกุมารทองก็จะช่วยค้ำคูณ อาทิ ช่วยคุ้มครองป้องกันเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายช่วยให้ทำมาค้าขึ้น ไปจนถึงเตือนภัยล่วงหน้าอีกด้วย และจะคอยติดตามเฝ้าระวังบ้านเรือนจากโจรผู้ร้ายและศัตรูไม่ให้มากล้ำกราย ปัจจุบันผู้บูชานิยมไหว้ด้วยน้ำแดง
การจัดสร้างกุมารทองในปัจจุบันมีหลายวัดหลายสำนัก อย่างกรณีของ “อ.คม ไตรเวทย์” ที่ลูกศิษย์ขนานนามให้ “ฆราวาสผู้เรืองวิทยาอาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี” โดยวัตถุมงคลทุกชิ้น อ.คม จะเป็นผู้ออกแบบและปลุกเสกเดี่ยวด้วยตนเองซึ่งมีประสบการณ์แพร่หลายจากผู้ที่รับไปบูชาทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งเอเชียและยุโรปโดยเฉพาะที่จีน สิงคโปร์ และฮ่องกง อ.คม มีลูกศิษย์ที่ให้ความเคารพนับถือมากมายจนมีสำนักอยู่ที่ต่างประเทศอีกด้วย ว่ากันว่าจำนวนการจัดสร้างน่าจะเกินหลัก ๑๐,๐๐๐ ตน
โดยที่มาของชื่อกุมารทองนั้น อ.คม บอกว่าขณะที่ปั้นกุมารทองนั้นเกิดนิมิตขึ้นเองว่ากุมารทองแต่ละตนเกิดขึ้นมาเอง ขณะเดียวกันบางครั้งชื่อได้มาจากช่างที่นำไปหล่อ หล่อถอดแบบ ซึ่งเป็นเช่นนี้มาทุกรุ่น เช่น สามสหาย ประกาบฟ้า แดงน้อย เทียนชัย ประกายมุข ประกายมาศ ปิ่นทอง ปิ่นเพชร ปิ่นมาณี พรายดำ เป็นต้น
วัสดุที่นำมาทำเป็นกุมารทองส่วนใหญ่เป็นเนื้อเรซิ่น มีเป็นบางรุ่นที่ใช้ดินอาถรรพณ์จากสถานที่ศักดิ์ศิทธิ์ต่างๆ ที่ดีดูมีความขลัง ซึ่งไม่สามารถปั้นให้สวยงามได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือกุมารเนื้อเรซิ่น มีประสบการณ์ทุกด้านเป็นที่เลื่องลือในหมู่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกกุมารทองเนื้อโลหะจะไม่ค่อยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ ตามความเข้าใจวิญญาณที่สถิตอยู่ในองค์กุมารไม่ต้องการอยู่เกินควร ต้องย่อยสลายไปตามกาลเวลาที่หุ่นนั้นๆ ชำรุด เป็นการเข้ามาช่วยแบบชั่วคราว
ทั้งนี้ อ.คม มักบอกผู้ที่ไปเช่าวัตถุมงคลเสมอๆ ว่า “ผมไม่ใช่เป็นผู้วิเศษ เป็นเพียงสะพานและสื่อวิญญาณให้ครูบาอาจารย์ที่จะรับความศักดิ์สิทธิ์จากครูบาอาจารย์ให้ประดิษฐานในสิ่งหนึ่งสิ่งใดในพิธีกรรมที่กระทำเท่านั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้นเกิดจากบารมีของครูบาอาจารย์ บวกกับเวทมนตร์คาถา และบารมีที่เราปฏิบัติโดยการอธิษฐานบุญเข้าไปในวัตถุมงคล”
ขอบคุณข้อมูลภาพจาก “www.ahchankhom.com ”