พระเครื่อง

มีเวลาเหลือไม่มากควรเลือกทำสมาธิหรือสวดมนต์

มีเวลาเหลือไม่มากควรเลือกทำสมาธิหรือสวดมนต์

18 ธ.ค. 2558

มีเวลาเหลือไม่มากในแต่ละวัน ควรเลือกทำสมาธิ หรือสวดมนต์ : ปุจฉา-วิสัชนา โดยพระไพศาล วิสาโล

           อาร์ต สปาย ปุจฉา : กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมมีข้อสงสัยเรียนถามพระอาจารย์ ผมมีเวลาไม่มากในการสวดมนต์และนั่งสมาธิแต่ละครั้ง ผมเคยจับเวลาดู สวดมนต์ประมาณ ๒๐ นาที เวลาที่เหลือก็จะนั่งสมาธิ ๑๐ นาทีบ้าง ๒๐ นาทีบ้าง แล้วแต่เวลาที่มีครับ

           ผมจึงมีเรื่องเรียนถามพระอาจารย์ว่า ตามจริงแล้วผมควรจะให้เวลาการนั่งสมาธิหรือการสวดมนต์มากกว่ากัน ด้วยความรู้สึกของผมเองคือ สวดมนต์ผมก็ไม่รู้คำแปล ถ้าจะอ่านคำแปลด้วยเวลายิ่งนานไปอีก ใจผมอยากจะนั่งสมาธิให้นานมากกว่า เช่นผมมีเวลา ๓๐ นาที อยากสวดมนต์แค่ ๕ นาที นั่งสมาธิ ๒๕ นาที แทน บางทีเวลาเราน้อย ก็สวดเร็ว ทำให้ผมรู้สึกว่าจิตเราไม่นิ่ง เราไปพะวักพะวงกับเวลาที่มีจำกัดของเรา บางทีสวดไปเวลาหมด ก็ไม่ได้นั่งสมาธิอีก

           ในความเห็นของพระอาจารย์ สำหรับฆราวาสยุคใหม่ที่มีเวลาในการทำกิจกรรมนี้ไม่มากนัก พระอาจารย์คิดว่า เราควรให้ความสำคัญกับการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิมากกว่ากัน จึงจะได้ประโยชน์สูงสุดครับ

           วิสัชนา : การนั่งสมาธิ หากทำถูกเป็นการฝึกจิตที่ดีกว่าการสวดมนต์ เพราะมุ่งขจัดกิเลสหรือความหลงโดยตรง เป็นทางตรงสู่การเสริมสร้างสติ สมาธิ และปัญญา หากคุณมีเวลาน้อยควรนั่งสมาธิหรือบำเพ็ญจิตตภาวนา แต่ก็อย่าทิ้งการสวดมนต์ไปเลย เพราะการสวดมนต์นั้นช่วยปลูกและเสริมสร้างศรัทธา

           อย่างไรก็ตามควรตระหนักว่าจิตตภาวนานั้นทำได้หลายวิธี ไม่ใช่แค่นั่งสมาธิเท่านั้น แม้ทำงานหรืออยู่ท่ามกลางผู้คนก็บำเพ็ญจิตตภาวนาได้ โดยเฉพาะการเจริญสติ หมั่นรู้กายและรู้ใจอยู่เนือง ๆ

           ทำไมเราต้องปฏิบัติธรรม

           ปุจฉา : กราบนมัสการพระคุณเจ้า กระผมมีคำถามที่สงสัยที่จะเรียนถามพระคุณเจ้า ทำไมเราต้องปฏิบัติธรรม การภาวนาเป็นอุบายที่เรานำไปใช้ช่วงจิตสุดท้าย กระผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ

           วิสัชนา : การปฏิบัติธรรมนั้น ความหมายกว้างที่สุดคือ ทำดี ไม่ทำชั่ว และทำจิตให้ผ่องใส ทั้งหมดนี้ช่วยให้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีเรื่องที่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ บางทีก็จำแนกเป็น การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา แต่ปัจจุบันการปฏิบัติธรรมมีความหมายแคบลง ผู้คนส่วนใหญ่มักนึกถึงการทำสมาธิภาวนา แต่ประโยชน์ก็ยังเหมือนเดิม นั่นคือ ช่วยให้อยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข นอกจากสงบเย็นแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย กล่าวคือ ช่วยให้จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหวเมื่อมีอะไรมากระทบหรือประสบเหตุร้าย ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความเห็นแก่ตัว เพิ่มพูนเมตตากรุณา ทำให้อยากช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น

           ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยให้ “อยู่ดี” ขณะเดียวกันก็เป็นการเตรียมตัวเพื่อ “ตายดี” ด้วย คือเมื่อจะตาย ใจก็ไม่วิตกหวาดกลัว รู้จักปล่อยวางทั้งผู้คน สิ่งของ และอารมณ์อกุศลทั้งปวง และหากภาวนาถูกทาง ก็จะละวางแม้กระทั่งกายและใจ ช่วยให้ตายสงบ

           สายด่วนให้คำปรึกษาทางจิตใจผู้ป่วยระยะสุดท้าย “เตรียมตัวก่อนสู่วาระสุดท้ายของชีวิต จะทำอย่างไรดี” ปรึกษาได้ที่ โทร.๐๘-๖๐๐๒-๒๓๐๒