
ที่สุดแห่ง'ความนิยม-ค่านิยม'พระเครื่องในสมเด็จพระญาณสังวรฯ
ที่สุดแห่ง'ความนิยม-ค่านิยม'พระเครื่องในสมเด็จพระญาณสังวรฯ : พระองค์ครู เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
หนังสือบวรธรรมบพิตร ฉบับพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พิมพ์แจกในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑ แสนเล่ม ณ จุดถวายดอกไม้จันทน์ในเขต กทม. และจังหวัดต่างๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าหนังสือบวรธรรมบพิตร จะมีการพิมพ์มากถึง ๑ แสนเล่ม คาดว่าจะไม่พอเพียงต่อความต้องการของพสกนิกรที่สนใจพระประวัติ โดยเฉพาะในส่วนของ “พระเครื่องและวัตถุมงคล” ทั้งนี้ “คม ชัด ลึก” ได้ขอความอนุเคราะห์จากนายอดุลย์นันท์ทัต กิจไชยพร หรือ “แดน ท่าพระจันทร์” กรรมการตัดสินพระเครื่องชุดพระสมเด็จพระสังฆราช ของสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย ผู้ซึ่งจัดเตรียมภาพและข้อมูลหนังสือบวรธรรมบพิตร มาเผยแผ่
“แดน ท่าพระจันทร์” บอกว่าเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช น่าจะทรงมีความรู้ในการสร้างพระเครื่องมาตั้งแต่ครั้งประทับอยู่วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) แล้ว เพราะพระเทพมงคลรังษี (หลวงพ่อดี พุทฺธโชติ) พระอุปัชฌาย์เมื่อครั้งทรงบรรพชาและอุปสมบท ณ วัดเทวสังฆาราม ของพระองค์นั้น เป็นศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม จนฺทรํสี ซึ่งมีความรู้เรื่องการลบผงพุทธคุณตามสูตรมูลกัจจายน์ซึ่งเป็นพื้นฐานของการศึกษาพระปริยัติธรรมของพระสงฆ์ในสมัยก่อน
การสร้างพระเครื่องครั้งแรกของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ที่ปรากฏหลักฐานเป็นครั้งแรก ณ วัดบวรนิเวศวิหารก็คือ เมื่อครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระสาสนโสภณ” คือ เหรียญพระไพรีพินาศ พิมพ์รูปไข่ เท่าที่พบเห็นส่วนใหญ่เป็นเนื้อเงินลงยา ส่วนเนื้ออื่นๆ เช่น เนื้อทองคำ มีผู้หลักผู้ใหญ่ยืนยันว่ามีหรือเนื้อทองแดงนั้นก็ไม่อาจยืนยันได้ พระเครื่องและวัตถุมงคลส่วนใหญ่ที่ทรงสร้างขึ้นมาด้วยพระประสงค์ตามแบบคตินิยมโบราณ คือการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาและเป็นพุทธานุสสติ มิได้ทรงมีพระประสงค์มากไปกว่าเหตุผล ๒ ข้อนี้
วัตถุมงคลที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ประทานให้จัดสร้างส่วนใหญ่มีทั้งในส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในส่วนของพระองค์เอง ในส่วนของวัดบวรนิเวศวิหาร ในส่วนของพระนวกะ ในส่วนของหน่วยราชการ องค์กร มูลนิธิ และเอกชนต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมาย อันไม่อาจจะนำมากล่าวได้หมด ณ ที่นี้ หากจะประมวลพระเครื่องที่ขึ้นชื่อว่า “ที่สุดแห่งความนิยม-ค่านิยม” โดยสังเขปได้ดังนี้
วัตถุมงคลชุด ภปร ที่ออก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ประกอบด้วย พระพุทธรูป ภปร ขนาด ๙ นิ้ว และขนาด ๕ นิ้ว หล่อด้วยดินไทย (ทั้ง ๒ ขนาดฐานถอดไม่ได้) พระกริ่ง ภปร เนื้อโลหะผสม ผิวรมดำ
วัตถุมงคลชุด ๕ รอบ ประกอบด้วย ๑.สมเด็จพระศาสดารัศมี มี ๒ พิมพ์ คือ ซุ้มกว้างและซุ้มแคบ มวลสารที่จัดสร้างประกอบด้วยผงพิเศษ คือผงจิตรลดาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานมาส่วนหนึ่ง ผงพระสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหมรุ่นแรก ผงพระวัดรังษีสุทธาวาสรุ่นแรก ผงพระวัดพลับ ผงพระเก่าหลวงปู่โต๊ะ และผงพุทธเก่าอีกหลายชนิด
๒.สมเด็จพิมพ์ทรงแบบสี่เหลี่ยมชิ้นฟักแบบพระสมเด็จวัดระฆัง (พิมพ์ทรงเจดีย์) ท่านเจ้าคุณพระสังวรวิมลเถร (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) หรือหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ได้สร้างถวาย
๓.สมเด็จพระศาสดารัศมี เนื้อแร่ฟลูออไรต์ สร้างจากเนื้อแร่ชนิดหนึ่งที่ขุดพบในเหมืองแร่ที่ จ.กาญจนบุรี มีความสวยงาม แต่หากโดนน้ำหรือโดนเหงื่อในมืออาจแปรสภาพได้ ภายในเนื้อพระมีพระเกศาเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ผสมอยู่ด้วย
๔.สมเด็จพิมพ์ทรงสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก เนื้อแร่ฟลูออไรต์ หลังตาชั่ง (ราศีตุล) มี ๓ พิมพ์ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก ๕.พระนางพญา เนื้อแร่ฟลูออไรต์ หลังตาชั่ง ด้านล่าง เป็นลายพระหัตถ์ "ญส"
๖.เหรียญพระพุทธชินสีห์สมโภชพระสมณศักดิ์สมเด็จพระญาณสังวร ๒๒ เมษายน ๒๕๑๖ สร้างด้วยเนื้อทองแดงรม (เหรียญนี้สร้างขึ้นมาก่อนวัตถุมงคลชุด ๕ รอบพระชันษาทั้งหมด)
๗.เหรียญพระศาสดารูปไข่ พิมพ์ทรงเดียวกับสมเด็จพระศาสดารัศมี แต่ในเหรียญไม่มีรัศมีรอบพระเศียรแบบพระสมเด็จพระศาสดา ออกแบบจัดสร้างโดยกองกษาปณ์ (ในขณะนั้น) กรมธนารักษ์ มีเนื้อทองคำ นวโลหะ และทองแดง
๘.เหรียญพระพุทธรูป ภปร จากพิมพ์ดูมีลักษณะคล้ายเหรียญพระพุทธชินสีห์ ตัวเหรียญเป็นรูปใบโพธิ์ มี ๒ ขนาด คือขนาดใหญ่กับขนาดเล็ก
พระ ภปร วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ)
วัดเทวสังฆาราม หรือชาวเมืองกาญจน์เรียกว่า วัดเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นวัดที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงบรรพชาและอุปสมบท ภายในพระอุโบสถมี “พระพุทธสุทธิมงคล” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงเททองเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินต้น เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๖ และได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประดับพระปรมาภิไธย ภปร ที่ฐานผ้าทิพย์ นับเป็นพระพุทธรูป ภปร องค์แรกของประเทศไทย
นอกจากนี้ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จารึกพระปรมาภิไธย “ภปร” ที่หน้าบันมุขหน้าศาลาการเปรียญที่สร้างขึ้นเป็นพลับพลาที่ประทับ เป็นพระบรมราชานุสรณ์ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จารึกพระปรมาภิไธย ภปร เหนือผ้าทิพย์แห่งพระพุทธรูปปางประทานพรที่วัดสร้างขึ้นในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ และมีพระมหากรุณาธิคุณทรงบรรจุแผ่นทองคำ เงิน นาก ในเบ้าพิธีหล่อพระ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาไว้บูชา โดยรายได้เพื่อบำรุงวัด
นับจาก พ.ศ.๒๕๐๖ เป็นต้นมา วัดได้จัดสร้างให้ประชาชนเช่าไปเพื่อบูชาสืบต่อเนื่องมาโดยตลอดตามวัตถุประสงค์ของวัดจนถึงปัจจุบัน โดยมีรูปแบบองค์เหมือนเดิม เพราะประชาชนรุ่นหลังยังคงมีจิตศรัทธามั่นคงเสมือนเช่นเดียวกันกับประชาชนรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ในคราวปี ๒๕๐๖ ที่จัดสร้างพระ ภปร ครั้งแรก
พระกริ่ง-–พระชัยวัฒน์ปวเรศ ปี ๒๔๓๐
เนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบนักษัตร ในปี ๒๔๓๐ วัดบวรนิเวศวิหารได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลองแบบพระกริ่ง–พระชัยวัฒน์ ปวเรศ ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองศุภมงคลสมัยและเทิดพระเกียรติในมหามงคลนี้ พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผงจิตรลดาเพื่อบรรจุในองค์พระกริ่งปวเรศที่สร้างใหม่นี้ทุกองค์ด้วย ดำเนินการสร้างโดยวัดบวรนิเวศวิหาร พร้อมทั้งวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้วยความร่วมมือของกระทรวงมหาดไทย
รูปแบบองค์พระ คณะกรรมการดำเนินงานได้ถอดพิมพ์พระกริ่งปวเรศองค์เดิมของวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อเป็นแม่พิมพ์พระกริ่งปวเรศที่สร้างใหม่ ส่วนพระชัยวัฒน์ปวเรศ ได้มอบให้ปฏิมากร มนตรี พัฒนางกูร เป็นผู้ปั้นหุ่นขี้ผึ้งขึ้นเป็นแม่พิมพ์
พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ วัดบวรนิเวศวิหาร จัดสร้างโดยกรรมวิธีเททองหล่อพระแบบโบราณของไทยที่สืบทอดกันต่อมาจนปัจจุบัน เททองหล่อพระทั้งหมดในกำหนดพิธี ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และตกแต่งองค์พระทั้งหมดที่วัดบวรนิเวศวิหาร ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของคณะกรรมการ อนึ่ง ในเบื้องแรกที่ตกแต่งนั้นมิได้ขัดผิวองค์พระกริ่ง คือ คงสภาพผิวองค์พระไว้ตามสภาพเดิมที่เททองหล่อพระเสร็จแล้ว ดังนั้นผิวองค์พระตามธรรมชาตินี้มีจำนวนหนึ่งที่ผิวไม่เรียบ จึงเห็นสมควรให้ช่างตกแต่งขัดผิวองค์พระใหม่อีกครั้งหนึ่งมิใด้มีการหล่อพระเสริมเพิ่มเติมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
จำนวนพระที่สร้างตามโครงการสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ วัดบวรนิเวศวิหาร กำหนดสร้างพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ปวเรศ จำนวน ๒๕,๐๐๐ ชุด แต่เนื่องจากกำหนดให้ช่างเททองหล่อพระทุกองค์ในพิธี ณ วัดบวรนิเวศวิหาร จึงเททองหล่อพระตามกรรมวิธีแบบโบราณของไทย ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดต่อการเททองหล่อพระในกำหนด