พระเครื่อง

พระอาจารย์วิรุต ญาณสํวโรที่๑แห่งอาจารย์สักยันต์ จ.เชียงราย

พระอาจารย์วิรุต ญาณสํวโรที่๑แห่งอาจารย์สักยันต์ จ.เชียงราย

27 พ.ย. 2558

พระอาจารย์วิรุต ญาณสํวโรที่๑แห่งอาจารย์สักยันต์ จ.เชียงราย : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

            วัดสันมะเหม้า ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย ไม่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อสมัยอาณาจักรภูกามยาว มีอายุ ๙๐๐ กว่าปี และได้รับการบูรณะขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๒๕ จนต่อมาสมัยนั้นเกิดศึกสงคราม วัดก็เสื่อมโทรมตามกาลเวลา จนมา พ.ศ.๒๔๗๐ ครูบากุย ยาวิชัย ได้จาริกธุดงค์มาจาก จ.ลำพูน และได้บูรณะวัดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และมีเจ้าอาวาสรูปต่อมา อดีตเจ้าอาวาสที่สำคัญที่สุด คือท่านพระครูอินทวรรณวิวัฒน์ (ครูบาจันทร์ตา สุวณฺโณ) ท่านได้บูรณะวัดให้เจริญรุ่งเรืองจนท่านมรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ ปัจจุบันมีพระอาจารย์วิรุต ญาณสํวโร (นรรัตน์) อายุ ๓๙ พรรษา ๑๘ เป็นเจ้าอาวาส

            พระอาจารย์วิรุต เกิดในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่มีอาชีพเกษตรกรรม จำได้ว่าบางวันไม่มีอะไรกิน ก็กินข้าวกับเกลือเป็นต้น ขณะอายุ ๗-๘ ขวบ ตอนเย็นๆ หลังเลิกโรงเรียนก็จะไปที่วัด ขอเรียนคาถาอาคมกับหลวงปู่บุญ ธนปาโล เป็นพระสายปฏิบัติที่จาริกธรรมมาจากภาคอีสาน มาอยู่จำพรรษาที่วัดของท่าน พอไปขอเรียนคาถาหลวงปู่ ท่านก็บอกให้ว่าอยู่ในหนังสือสวดมนต์ทั้งหมด สำหรับคาถาดีๆ บางอย่างท่านก็สอนให้ และครอบครัวของท่านนั้น ปู่ก็เป็นคนมีคาถาอาคมประจำหมู่บ้าน เด็กชายวิรุต ก็ขอเรียนคาถากับปู่ แต่ท่านมีกุศโลบายว่าต้องเหยียบหลังให้ท่านก่อนแล้วจะสอนให้ ๑ บท ท่านก็สอนให้ เช่นคาถา กันผี คาถาเมตตา ฯลฯ ตามที่ท่านจะให้ได้สำหรับเด็กตัวเล็กๆ คนนี้

            อายุ ๑๓ ปี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ก็บอกกับญาติๆ ว่า “ผมจะไปบวชเป็นสามเณรนะ” ตายาย และญาติ ก็บอกว่าเอาเจตนาเราว่าก็แล้วกัน ก็เลยตัดสินใจไปสมัครบวชภาคฤดูร้อนและได้บรรพชาเป็นสามเณร ในวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๓ ณ วัดกลางเวียง อ.เวียงชัย จ.เชียงราย โดยมีพระอุดมปัญญาภรณ์ หรือปัจจุบันคือหลวงพ่อพระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค ๖ เจ้าอาวาสวัดพระแก้ว (พระอารามหลวง) จ.เชียงราย เป็นพระอุปัชฌาย์

            ระหว่างบวชได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์เจริญ ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย โดยมีหลวงพ่อพระครูสุวรรณถิรคุณ (ครูบาคำปัน ถิรญาโญ) พระผู้มีจริยาวัตรงดงาม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่งของ จ.เชียงราย สามเณรวิรุต ได้อยู่จำพรรษาและได้ศึกษาเรียนรู้อักขระล้านนาและสามารถอ่านออกเขียนได้ภายในไม่ถึงเดือน และได้เรียนนักธรรมชั้นตรี จนสามารถสอบได้ในปีนั้นเอง ด้วยจริตนิสัยชอบเรียนรู้เรื่องคาถาอาคม ขณะเป็นสามเณรก็ได้ไปขอเรียนคาถา กับพ่อหนานปั๋น ถือได้ว่าท่านเป็นผู้ที่เคยบวชเรียนและมีวิชาอาคม จำได้ว่าไปขอเรียนกับท่าน ต้องเสียค่าครู ๒๙ บาท ท่านจึงยอมสอนคาถาให้ เช่น คาถาเป่ารักษาโรคภัยต่างๆ คาถาห้ามเลือด คาถาป้องกันภัย ฯลฯ

            พ.ศ.๒๕๓๔ ได้ย้ายมาจำพรรษาเข้าสู่อำเภอพาน จำพรรษาอยู่วัดป่าซาง ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย เพื่อมาเรียนหนังสือตามความต้องการของญาติเพื่อวันข้างหน้าจะได้มีความรู้และไม่ต้องลำบากเหมือนกับครอบครัวอย่างทุกวันนี้ จากนั้น พ.ศ.๒๕๓๕ ได้ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดสันมะเหม้า ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย โดยมีหลวงพ่อพระครูอินทวรรณวิวัฒน์ (ครูบาจันทร์ตา สุวณฺโณ) เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น สามเณรวิรุต ชอบศึกษาเรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ คาถาอาคมต่างๆ จากปั๊มกระดาษสา หรือคัมภีร์ต่างๆ ที่จารึกอักษรเป็นภาษาล้านนา เช่น การเขียนยันต์ ตะกรุด หรือคาถาอาคมต่างๆ

            เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยมีพระครูชยาภิวัฒนคุณ เจ้าคณะอำเภอพาน เจ้าอาวาสวัดป่าซาง เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยได้ฉายาว่า ญาณสํวโรภิกขุ ในขณะที่เป็นพระภิกษุก็ตั้งใจเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมและชอบปฏิบัติกรรมฐานอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ

            พ.ศ.๒๕๔๔ รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตหลายๆ อย่าง เบื่อไปทุกอย่าง อยู่วัดก็ไม่มีความสุข รู้สึกมันวุ่นวายไปหมด ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร โดยในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันได้ตัดสินใจไปกราบหลวงพ่อครูบาจันทร์ตา เจ้าอาวาส บอกท่านว่า อีกไม่กี่วันผมขออนุญาตไปอยู่แม่ฮ่องสอน ท่านก็ตกใจเหมือนกันไม่อยากให้ไป แต่ท่านก็ไม่ห้าม เพราะรู้ว่าถึงห้ามก็คงไปอยู่ดี เลยตัดสินใจเตรียมอัฐบริขาร บาตร กลด เดินทางไปอยู่จำพรรษา ณ อาศรมพระธรรมจาริก บ้านห้วยปูลิง จ.แม่ฮ่องสอน

            ในปีนั้นเองได้ไปขอเรียนวิชาสักยันต์จากผู้เฒ่าชาวไทยใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านมอบเข็มสักและวิชาการปลุกเสกเลขยันต์ให้ ในช่วงจำพรรษานั้นเองตั้งใจฝึกฝนจิต นั่งกรรมฐานอย่างเอาเป็นเอาตาย เริ่มจากนั่งไม่นาน ค่อยๆ เพิ่มเวลา สูงสุดนั่งได้ ๔ ชั่วโมง ปวดขาเหมือนจะระเบิด มันร้อนไปทั้งตัว มีวันหนึ่งตัดสินใจว่า ตายเป็นตาย ลองสู้กับมัน ผลสุดท้ายความสงบก็เกิดขึ้น ความปวดหายไปหมด

            พระอาจารย์วิรุต จึงตั้งคำถามตัวเองว่า “ความปวด มันเกิดจากกาย หรือใจ ยิ่งเราสนใจมันยิ่งปวด แต่เมื่อเราปล่อยวาง ความปวดหายปลิดทิ้ง กลายเป็นความสงบมาแทน นั่งพิจารณาว่า การแสวงหาที่สงบนั้นมันอยู่ที่เรา คนเราแม้จะอยู่ในป่า ถ้าหากใจวุ่นวายก็ไม่สงบ อยู่ในเมือง ถ้าใจสงบ ชีวิตก็สงบ”


ธรรมะจากพระสักยันต์

            พระอาจารย์วิรุต บอกว่า การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นบุญลาภอันยิ่งใหญ่ เราก็ต้องใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าชีวิตมนุษย์เรามันน้อยนัก เกิดมาไม่ถึงร้อยปีก็ต้องตาย บางคนก็อาจจะอยู่ไม่ถึงร้อยปีก็ตาย และชีวิตระหว่างร้อยปีนี้มีสภาวะธรรมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งดีทั้งร้าย ทั้งสุขทั้งทุกข์ บางทีเราก็ไม่เคยสนใจ และใส่ใจที่จะหาคำตอบให้กับชีวิตตน ว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร คำตอบอยู่ในพระพุทธศาสนานั่นคือ เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี..

            เพราะอะไรที่ว่าต้องสร้างบารมี นั่นเพราะกายสังขารคนเราเกิดมาเหมือนกันหมด ไม่ต่างกัน อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็ไม่ต่างกัน ต่างกันก็เพียงรูปกายภายนอก พอตายไปก็ไม่ต่างกัน กลายเป็นธุลีดินไป แต่สิ่งที่เรามีแตกต่างกัน คือบุญวาสนา จิตใจดีหรือชั่ว นั้นเพราะอำนาจของบุญบาป หรือกรรมที่เราเคยกระทำมาเมื่ออดีตชาติ มันให้ผลในชาติปัจจุบัน สมบัติเราใช้ชาตินี้ก็หมด แต่บุญบาปติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ ดังนั้นอย่างพึงประมาท สั่งสมบารมีกันไว้จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา

            ทุกวันนี้ก็มีคนมาขอเป็นลูกศิษย์ทุกวัน พระอาจารย์วิรุต บอกว่าศาสตร์ทุกศาสตร์มันมีประโยชน์หมด มันอยู่ที่เราว่าจะนำไปประยุกต์และสอดแทรกหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนาอย่างไร จริตและอุปนิสัยคนเรามีไม่เท่ากัน ถ้าคนเรามีบารมีเท่ากัน ก็คงสำเร็จเป็นพระอรหันต์หมด นั้นเพราะว่าการทำความดีของคนเรา ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่างน้อยคนที่สักยันต์ก็ต้องมีความดีระดับหนึ่ง คือไม่ดูหมิ่นผู้มีพระคุณ เคารพพ่อแม่ครูบาอาจารย์ และหมั่นรักษาศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิ


กลับมาเพื่อสร้างวัดสันมะเหม้า

            เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๕ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะครบปีที่จำพรรษา ณ บ้านห้วยปูลิง ก็เลยตัดสินใจออกจากป่ากลับสู่วัดสันมะเหม้าอีกครั้ง ตอนจำพรรษาอยู่วัดสันมะเหม้า พระอาจารย์วิรุตก็ได้ศึกษาเรียนรู้ในสิ่งที่ตนชอบ และทำตะกรุดแจกชาวบ้าน หลายคนนำไปใช้มีประสบการณ์มากมายและติดต่อสอบถามมาขออยู่เรื่อยๆ แต่ต้องมาขอจองไว้ก่อน เพราะว่าไม่เคยทำไว้ ถ้าอยากทำก็ทำ ถ้าไม่อยากทำก็บางทีเป็นปีๆ ก็ไม่ทำ

            พ.ศ.๒๕๔๖ เริ่มรื้อฟื้นวิชาที่เรียนมาคือการสักยันต์ แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆ จังๆ ใครอยากให้ลงของก็ลงให้ บางปีก็ทำเฉพาะวันมหาสงกรานต์ ๑ ปี ทำ ๑ ครั้ง หลังจากนั้นก็เลิกทำไปหลายปี และกลับมาจับเข็มอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๗ ก็มีลูกศิษย์ลูกหามาทั่วสารทิศ แต่ก็ไม่เคยติดป้ายโฆษณา อาศัยการบอกต่อของผู้สนใจมาหากันเอง

            ปัจจุบันพระอาจารย์วิรุตกำลังสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม สำหรับผู้ที่อยากร่วมสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ติดต่อได้ที่วัดสันมะเหม้า หรือโทร.๐๘-๙๕๕๘-๓๒๙๙

 


  พระอาจารย์วิรุต ญาณสํวโรที่๑แห่งอาจารย์สักยันต์ จ.เชียงราย