
'หน้าพราน'เครื่องรางแดนใต้สีสันยอดนิยมของวงการพระในขณะนี้
'หน้าพราน'เครื่องรางแดนใต้สีสันยอดนิยมของวงการพระในขณะนี้ : เครื่องรางสายใต้ โดย..........ตาล ตันหยง
“ตาเอยตาหลวง ลูกบวงสรวงราชครูถ้วนหน้า
ครูกลอนของข้า แม่ศรีมาลาเป็นครูต้น
ลูกจะข้ามก็ไม่รอด ครั้นลูกจะลอดก็ไม่พ้น
แม่ศรีมาลาเป็นครูต้นมารดาพ่อขุนศรัทธา”
เชื่อได้ว่า “คนใต้” โดยกำเนิด ย่อมจะรู้จักและคุ้นเคยกับ “มโนราห์” เป็นอย่างดี
“มโนราห์” หรือ “โนรา” นอกจากจะเป็นการแสดงประจำถิ่นของภาคใต้ที่มีมานานแล้ว จุดเด่นของมโนราห์ที่คนใต้ทราบกันดี คือ การใช้ไสยศาสตร์เข้ามาช่วยในการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการเสกแป้ง การเสกเครื่องแต่งตัว รวมไปถึงการกันและแก้ของจากฝ่ายตรงข้าม
ว่ากันว่า วิชาไสยศาสตร์ของมโนราห์ เป็นวิชาเฉพาะกลุ่ม ที่มีความขลังและรุนแรงมาก โดยเฉพาะในเรื่องของ “แรงครู” ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถแสดงผลทั้งคุณและโทษได้อย่างทันตาเห็น
ในส่วนประเด็นที่มาของ “มโนราห์” นั้น นอกจากจะเชื่อกันว่า การแสดงมโนราห์เดินทางเข้าสู่เมืองไทยทางภาคใต้แล้ว ยังมีความเชื่อต่อเนื่องว่า ผู้แสดงมโนราห์ในยุคกำเนิด น่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ ที่มีความสนิทสนมและใกล้ชิดกับพระราชาผู้ครองเมืองและด้วยเหตุที่พระราชาได้พระราชทานให้มโนราห์สามารถทรงเครื่องได้อย่างกษัตริย์ แต่ให้แต่งเครื่องแต่งกายน้อยกว่ากษัตริย์ลงมาชั้นหนึ่งนั้น ทำให้บรรดานักแสดงมโนราห์ทุกคนมีความภาคภูมิใจว่า บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นชนชั้นสูงดังเช่นที่มีการผูกกลอนมโนราห์ไว้ว่า
“ก่อเกื้อเหนิด คราเกิดชาตรีบิดาของเจ้าชื่อท้าวโกสินทร์มารดายุพินชื่อนางอินกรณีครองเมืองพัทลุงเป็นกรุงธานี”
ดังนั้น เพื่อเป็นการระลึกถึงบรรพบุรุษของ “มโนราห์” ตามความเชื่อ เราจะสังเกตได้ว่า ทุกครั้งก่อนที่จะมีการแสดง มโนราห์ทุกคณะจะต้องไหว้ครูก่อนเสมอ โดยภายในประรำพิธีจะมีการวาง “เทริด” อันเป็นสัญลักษณ์แทนบรรดาศักดิ์ไว้บนชั้นสูงสุดและมี “หน้าพรานมโนราห์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนบรรพบุรุษของเหล่ามโนราห์ ที่เรียกกันว่า “ครูหมอโนรา” วางอยู่ข้างๆ แต่ให้อยู่ในลำดับที่ต่ำถัดลงมา
“ครูหมอโนรา” หรือบางสถานที่อาจเรียกว่า “ครูหมอตายาย” คือ บรรพบุรุษของมโนราห์ที่ล่วงลับไปแล้ว แต่วิญญาณยังคงวนเวียนคอยปกป้องคุ้มครองภัยให้ลูกหลาน
สังคมชาวใต้ทั่วไปเชื่อถือว่า “ครูหมอโนรา” มีความศักดิ์สิทธิ์ ใครทำผิดจารีต หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่เหมาะ ไม่ควร ก็จะถูกครูหมอกระทำให้มีอันเป็นไปต่างๆ นานา ซึ่งวิธีแก้ไขการผิดครู คือ การเชิญครูหมอโนราเข้าประทับทรง เพื่อถามถึงสาเหตุ และวิธีการแก้หลังจากได้แก้ไขจนหายเป็นปกติแล้ว จะต้อง “แก้บน” ด้วยการเล่นโนรา ฯลฯ
ในการ “แก้บน” เป็นการเชิญครูหมอโนราเข้าประทับทรง เพื่อรับของแก้บนอีกครั้งหนึ่ง
จะว่าไปแล้ว เรื่องของ “ความเชื่อ” ในศาสตร์แห่งมโนราห์ยังคงมีอีกมากมายหลายเรื่อง
ในที่นี้ขอกล่าวถึงกรณีของ “หน้าพราน” เครื่องรางแดนใต้ ที่กำลังเป็นสีสันอันร้อนแรงและยอดนิยมของวงการพระเครื่องในขณะนี้ ด้วยความเชื่อที่ว่า “หน้าพราน” มีความศักดิ์สิทธิ์ และสำคัญไม่น้อยไปกว่า “เทริด” ทางใต้จึงนิยมทำหน้าพรานอันเล็กๆ สำหรับใช้พกติดตัว เพราะเชื่อมั่นในพุทธคุณที่โดดเด่นทางด้านเมตตา ค้าขาย และเรียกลูกค้า อีกทั้งหากเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ถูกกระทำ ลมเพ ลมพัด หน้าพรานก็สามารถช่วยป้องกันอันตรายจากเรื่องเหล่านั้นได้
วิธีการสร้างหน้าพราน ของแต่ละแห่งแต่ละสำนัก อาจจะมีแตกต่างกันไปบ้างในส่วนของสาระ แต่โดยเนื้อหาแล้ว จะคล้ายคลึงกัน ตามแนวคิดและธรรมเนียมปฏิบัติ ว่าด้วยการทำ “โนรา” ให้เป็น “โนรา” ซึ่งเรียกพิธีกรรมนี้ว่า “โนราโรงครู” หรือ “โนราเข้าครู” ซึ่งก็คือ การเชิญครู หรือบรรพบุรุษของโนรามายังโรงพิธี เพื่อทำพิธีประจุความขลัง เพิ่มพลังอิทธิฤทธิ์ ตามความเชื่อที่ว่า “ของมโนราห์ก็ต้องให้มโนราห์เสก จึงจะเป็นของมโนราห์อย่างแท้จริง”
ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีดังกล่าว จึงจะเป็นบทบาทของพระเกจิอาจารย์ หรือครูบาอาจารย์ในสายของมโนราห์ปลุกเสกเพิ่มพุทธคุณอีกคำรบหนึ่ง
คาถาที่นำมาใช้ในการบูชา หน้าพราน จะเป็นในครรลองเดียวกัน ดังเช่น
“สิทธิ สิทธิ นะ ออ ยอ ลือ มหาสิทธิ นะยอ ยอ ลือ นะ ออ ยอ ออ ออ อา ออ แอ นะยอ ลือ ยก”
เรื่องราวของมโนราห์ หรือโนรา ในแง่ของความเป็นศาสตร์แห่งการร่ายรำ ความเป็นไสยศาสตร์ที่ควบคู่ไปกับวิถีชีวิตของผู้คน ความเป็น “หมอกลางบ้าน” ผู้มีบทบาทสำคัญในชุมชน รวมไปถึงเรื่องของความลึกลับ ความศักดิ์สิทธิ์ อาถรรพณ์และอภินิหารที่ไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้อย่างวิทยาศาสตร์ ได้ถูกหยั่งรากจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนใต้มานานนับพันปี
จนกระทั่งการปรากฏตัวของ “หน้าพราน” (หรือ หน้าพรานบุญ) เครื่องรางมหัศจรรย์สายมโนราห์ ไม่ว่าจะเป็นของอดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เช่น พ่อท่านเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก จ.พัทลุง, พ่อท่านล้อม วัดต้นปึก จ.ตรัง ฯลฯ หรือจะเป็นของพระเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบัน เช่น พ่อแก่เจ้าแสง วัดประเวศน์ภูผา (บ้านตรัง) จ.ปัตตานี, พ่อท่านผอม วัดไทรขาม จ.นครศรีธรรมราช, พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี ฯลฯ
ซึ่งท่านเหล่านี้มีความรู้จริงในศาสตร์ และได้มีการประกอบพิธีกรรมอย่างถูกต้อง ตามหลักการทั้งในด้านพุทธคุณแห่งองค์พระ และอานุภาพของจิตวิญญาณครูหมอ จึงไม่แปลกที่ หน้าพราน ของท่านจะส่งผลให้เกิดประสบการณ์ที่ชัดเจนขึ้นอย่างมากมาย
อย่างไรก็ตาม สัจธรรมที่ว่า เหรียญมี ๒ ด้าน ย่อมมีทั้งบวกและลบ “หน้าพราน” ก็ไม่ต่างกัน บางคนได้รับคุณวิเศษแบบสุดๆ ในขณะที่อีกหลายคนได้รับการลงโทษต้องทุกข์อย่างมหันต์
ดังนั้น ในเรื่องของขั้นตอนการทำ ข้อห้าม และวิธีปฏิบัติ เพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นมโนราห์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ควรตระหนักให้ถ่องแท้เสียก่อนในเบื้องต้น
จริงอยู่ถึง ทุกวันนี้ “หน้าพราน” จะเป็นเครื่องรางที่กำลังได้รับความนิยมจนเกิดการเสาะหากันแบบกว้างขวาง ทั้งในประเทศและนอกประเทศ มิได้เป็นเพียงเครื่องรางที่ถูกจำกัดเฉพาะกลุ่ม หรือ เฉพาะถิ่น เฉกเช่นอดีต
แต่สำหรับคนใต้แล้ว “หน้าพราน” มีคุณค่ามากกว่านั้น เพราะ “หน้าพราน” คือจิตวิญญาณ คือลมหายใจที่ไม่เคยจางหายไปจากความศรัทธาของพวกเขา ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแสนนานเพียงใดก็ตาม
(ขอขอบคุณ ข้อมูลและภาพประกอบจาก สิทธิ สุทธิอัมพร)