พระเครื่อง

ขณะทำสมาธิหรือฟังธรรมแล้วมีผู้มารบกวน

ขณะทำสมาธิหรือฟังธรรมแล้วมีผู้มารบกวน

18 พ.ย. 2558

ขณะทำสมาธิหรือฟังธรรมแล้วมีผู้มารบกวน เขาเหล่านั้นจะมีบาปหรือไม่ : ปุจฉา-วิสัชนากับพระไพศาล วิสาโล

           วันดี รัตชรักษ์ ปุจฉา : ดิฉันอยากทราบว่าเวลาที่นั่งสมาธิหรือฟังธรรมอยู่

           แล้วมีคนมาแกล้ง หรือลูกกับแฟนมากอดมาหอม ไม่ทราบว่าเขาเหล่านั้นจะบาป หรือมีกรรมหรือไม่คะ กราบขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ

           วิสัชนา : สมมุติว่าคุณกำลังทำกับข้าวให้ลูก แล้วลูกกับแฟนมากอดมาหอม

           คุณคิดว่าคนเหล่านั้นจะบาปหรือมีกรรมหรือไม่  ถ้าคุณคิดว่าไม่บาป คุณก็ได้คำตอบแล้วสำหรับคำถามข้างต้นของคุณ

           ควรมองว่าการนั่งสมาธิหรือฟังธรรม แม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ได้มีความพิเศษมากไปกว่าการทำกิจอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน การกระทำใดๆ จะเป็นบาปหรือไม่อยู่ที่เจตนา

           หากเขาไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งคุณก็ไม่เป็นบาป ไม่ว่าตอนนั้นคุณกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม

           อันที่จริงหากคุณมองว่าการที่ลูกกับแฟนมากอด หรือมีคนมาแกล้ง คือแบบฝึกหัดที่ช่วยให้คุณมีสติและขันติมากขึ้น มันก็เป็นสิ่งดีมิใช่หรือ

           ศีล เปรียบเสมือนอะไร

           ปุจฉา : การสมาทานศีล ๕ ศีล ๘  เปรียบดังมีทหารองค์รักษ์ผู้คอยระวังสร้างปัญหาชีวิตจากความคิดผิด นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนให้เข้าถึงฌานปัญญาอีกด้วย

           ถ้าจะอธิบายให้เห็นจริงโดยการยกตัวอย่างประกอบข้อความข้างต้น ท่านมีความคิดอย่างไรเจ้าคะ ขอบพระคุณนะเจ้าคะ

           วิสัชนา : อาตมาอยากเปรียบศีล ๕ ศีล ๘ หรือการทำความดีว่าเป็นเสมือนกำแพงที่คอยป้องกันไม่ให้ความทุกข์ทั้งหลายเข้ามาทำร้ายเรา เพราะเมื่อทำดีรักษาศีล ไม่เบียดเบียนใคร ก็ยากที่จะมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจตามมา แค่ศีล ๕ ข้อเดียว

           ก็ป้องกันโรคร้ายนานาชนิด ป้องกันอุบัติเหตุและความพิการอันเกิดจากความประมาท

           ป้องกันมิให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน หรือหนี้สินอันเป็นผลจากความเมามาย ฯลฯ

           อย่างไรก็ตามกำแพงแห่งศีลหรือความดีไม่สามารถป้องกันความทุกข์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถึงจะทำความดีแค่ไหน รักษาศีลเคร่งครัดเพียงใด ความเจ็บป่วย

           ความพลัดพรากสูญเสีย และความตาย ก็ยังสามารถข้ามกำแพงนี้มาถึงตัวเราได้

           แต่ถ้าเราฝึกฝนจิตใจให้เกิดปัญญา กำแพงแห่งปัญญานี้แหละที่จะป้องกันมิให้ความทุกข์ทั้งหลายล่วงล้ำมาถึงใจเราได้

           กล่าวคือ ถึงแม้จะเจ็บป่วย พลัดพราก และตาย ใจก็ไม่ทุกข์ เพราะเห็นว่ามันเป็นธรรมดาโลก อีกทั้งสามารถปล่อยวางสิ่งทั้งปวง ไม่ยึดติดถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเราอีกต่อไป จึงเป็นอิสระจากทุกข์ทั้งปวง

           ล้อมกรอบ

           สายด่วนให้คำปรึกษาทางจิตใจผู้ป่วยระยะสุดท้าย ‘เตรียมตัวก่อนสู่วาระสุดท้ายของชีวิต จะทำอย่างไรดี’ ปรึกษาได้ที่ โทร.๐๘-๖๐๐๒-๒๓๐๒