พระเครื่อง

อ.พัฒนา พัฒนศิริ 
กับ...มหัศจรรย์แห่งคำทำนายของพ่อค้า

อ.พัฒนา พัฒนศิริ กับ...มหัศจรรย์แห่งคำทำนายของพ่อค้า

25 ก.ค. 2552

"ในปี ๒๕๕๒ ตรงกับปีนักษัตรรูปวัว เป็นปีที่ดวงดาวโคจรในราศีเชิงมุม ที่จะทำให้เกิดเภทภัยแก่บ้านเมืองและสาธารณชน การที่เราพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต เป็นเสมือนการเตือนภัยล่วงหน้า แม้คำเตือนที่เราได้ฟังจะดูเป็นเรื่องร้าย แต่ถ้าเราได้ลองทบทวนทำความเข้าใจ เราก็สาม

  ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์ของ อ.พัฒนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เจ้าของฉายา "ผู้เชี่ยวชาญการวางฤกษ์"

 ซึ่งก่อนหน้านี้ อ.พัฒนา เคยมีคำพยากรณ์ที่แม่นยำ เช่น จะเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียปี ๒๕๔๓  นายกฯ ชาติชาย ถอนเสาเรือนหนีในปีเดียวกัน หัวหน้าพรรคชาติไทยเป็นนายกรัฐมนตรี น้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๓๘ และตลาดหุ้นย่อยยับปี ๒๕๓๙

 นอกจากนี้แล้วยังเคยวางฤกษ์ให้กิจการขนาดใหญ่มาแล้ว เช่น โรงงานกระเบื้องคัมพานา ปทุมวันรีสอร์ท โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ และบริษัทไทยออยล์ เป็นต้น

 อย่างไรก็ตาม ในปีวัว ๒๕๕๒ นี้ อ.พัฒนา ได้พยากรณ์ไว้ว่า ไม่น่าจะมีเภทภัยร้ายแรงเกิดขึ้นในบ้านเมืองบ่อยครั้ง แต่หากเกิดขึ้นให้ระวังเภทภัยร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ ๕ กรกฎาคมที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ เป็นช่วงที่บาปเคราะห์ ดาวอังคารย้ายจากราศีเมษไปที่ราศีพฤกษภ จะเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนความรุนแรงต่างๆ แม้จะไม่รุนแรงมากกว่าช่วงอื่น แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายได้ และระหว่างวันที่ ๓ ตุลาคม ถึงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เป็นช่วงที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ด้วยจะเป็นช่วงที่เกิดเภทภัยร้ายแรง คาดว่าจะเกิดพายุใหญ่ในทะเลมหาสมุทร ถึงขั้นน้องๆ สึนามิ ทั้งนี้ใน วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๒ ดาวเสาร์โคจรย้ายมาจากราศีกรกฎ มาอยู่ในราศีสิงห์ ก่อนย้ายไปโคจรที่ราศีกันย์ อันเป็นอริกับดวงเมือง ส่งผลให้เกิดมีปัญหาทางการเมือง และเศรษฐกิจเข้ารุมเร้ารัฐบาลมากมาย รัฐบาลทำงานไม่เข้าตาชาวบ้าน ผลงานไม่ออกมา รวมทั้งปัญหาข้าวยากหมากแพง พืชผลเกษตรราคาตกต่ำทำให้ชาวบ้านขาดศรัทธา

 ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเข้าวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ดาวราหูบาปเคราะห์เข้าไปโคจรที่ราศีธนูทับดาวพฤหัสฯ กับดาวเสาร์ในพื้นดวงเมือง ดาวราหูมีอิทธิพลก่อกวนความสงบเรียบร้อย ทำให้การทำงานของรัฐบาล ตลอดจนภาพลักษณ์เป็นไปในทางลบ ที่สำคัญยังเกิดความไม่ลงรอยในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เกิดปัญหาคลื่นใต้น้ำ เกิดความไม่วางใจ จนอาจถึงขั้นยุบสภา เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเราควรจะได้เริ่มต้นนับถอยหลังเลือกตั้งกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง

 นอกจากนี้แล้วในปี ๒๕๕๒ ประเทศไทยจะมีน้ำฝนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา คือเป็นปีแล้งน้ำ มีน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก สมควรที่ผู้มีหน้าที่จัดสรรปันน้ำให้ราษฎร ต้องพยายามดูแลเรื่องของน้ำ ยังอาจลุกลามบานปลายข้ามปีไปถึงปี ๒๕๕๓ ด้วย

 สำหรับเหตุแห่งปาฏิหาริย์ อ.พัฒนา เล่าว่า เหตุปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นน่าจะเรียกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากกว่า เมื่อตอนอายุ ๑๒ ขวบ เข้าไปตลาดบางลำพู เจอพ่อค้าขายข้าวเกรียบปากหม้อท่านหนึ่งกำลังดูลายมือให้ลูกค้า

 ด้วยความอยากรู้จึงขอดูบ้าง พร้อมกับยื่นมือไป พ่อค้าขายข้าวเกรียบปากหม้อเห็นลายมือก็ตอบสวนมาทันทีว่า “มืออย่างนี้เป็นครูแน่นอน”

 เมื่อได้ยินคำทำนายถึงกับสะดุ้ง ด้วยเหตุที่ว่าไม่อยากเป็นครู เพราะครูส่วนใหญ่มีฐานะความเป็นอยู่อยากจน

 นับแต่นั้นเป็นต้นมาจึงตั้งใจไว้ว่าต้องหนีอาชีพความเป็นครูให้ได้ หลังเรียนจบ ม.๘ ก็สอบเข้าเรียนต่อคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 เมื่อเข้าเรียนได้แล้วในใจก็คิดว่า เรียนรัฐศาสตร์อย่างไรเสียก็ต้องหนีอาชีพความเป็นครูได้อย่างแน่นอน โดยหลังเรียนจบได้ไปเป็นข้าราชการกรมพัฒนาชุมชน กระทวงมหาดไทย เมื่อได้ทำงานก็คิดอยู่ในใจเสมอว่าพ่อค้าขายข้าวเกรียบปากหม้อดูไม่แม่น เชื่อไม่ได้

 แต่ที่ไหนได้เมื่อเข้ามาสมาคมโหราศาสตร์แห่งประเทศไทย เมื่อตอนอายุ ๔๐ ปี ให้หลังจากนั้นอีก ๘ ปี กลับหนีความเป็นครูไม่พ้น ต้องเป็นอาจารย์สอนวิชาวางฤกษ์ของสมาคม และเป็นครูมาถึงปัจจุบัน รวมแล้ว ๒๔ ปี
ส่วนอีกเหตุมหัศจรรย์คือ เมื่อปี ๒๕๔๘ กรมธนารักษ์ได้ออก เหรียญ ร.๕ โดยมีความตั้งใจว่า ต้องเช่าเหรียญเนื้อทองคำให้ได้ โชคร้ายระหว่างที่เปิดให้จองนั้นป่วยถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล แต่ในใจก็คิดอยู่เสมอว่าหากออกจากโรงพยาบาลเมื่อไรต้องหาเช่ามาบูชาให้ได้

 ยังไม่ทันออกจากโรงพยาบาล ได้มีที่ปรึกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังท่านหนึ่งไปเยี่ยม ไม่น่าเชื่อว่าแรงอธิษฐานดังกล่าวจะเป็นจริง หลังจากได้เหรียญ ร.๕ มาก็ใส่ติดคอมาจนถึงทุกวันนี้

 และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำทุกๆ เช้า ก่อนออกจากบ้าน นอกจากไหว้พระแล้วยังต้องไหว้เทพประจำวันเกิดทุกวัน รวมทั้งไหว้เทพประจำวันนั้นๆ อีกด้วย โดยมีความเชื่อว่าเทพจะช่วยดลบันดาลในสิ่งที่อธิษฐานขอได้
แม้ว่า อ.พัฒนา จะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางฤกษ์ แต่ในการวางฤกษ์ให้ได้ผลที่เรียกว่าเต็ม ๑๐๐% นั้น อ.พัฒนา บอกว่า ต้องขึ้นอยู่กับบุพกรรมที่ทำทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติด้วย

 ต่อให้วางดวงฤกษ์ดีอย่างไร หากผู้ให้วางดวงฤกษ์และบริวารนั้นไม่สร้างกรรมดี หรือที่เรียกว่าบุญนั้น ห้างร้าน บริษัท รวมทั้งธุรกิจต่างๆ ไม่มีวันที่เจริญรุ่งเรืองได้ อย่างคำพระที่ว่า “ไม่มีใครใหญ่กว่ากรรม”
บุญที่ทำนั้นควรเป็นบุญที่ทำตามอัธยาศัย เป็นไปตามความสามารถและกำลังศรัทธาไม่เกินตัว เมื่อไรที่ทำเกินตัว บุญที่ทำนั้นไม่ถือว่าเป็นบุญ ทำเท่าไรก็ไม่ได้บุญ
 
 นอกจากนี้แล้วในฐานะที่เป็นครูสอนการวางฤกษ์ อ.พัฒนา แนะนำว่า หมอดูที่ดีควรส่งเสริมกำลังใจผู้ที่กำลังมีความทุกข์ โดยไม่ฉกฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ หรือบั่นทอนกำลังใจ
 
 หมอดูที่ดีจะไม่ทำพิธีกรรม และไม่มีสิทธิเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของมนุษย์ เพราะดวงชะตาเป็นของส่วนบุคคลที่เขาจะต้องทำด้วยตัวเอง

 จรรยาบรรณของหมอดูมี ๓ ข้อด้วยกันคือ ๑.การทายเรื่องผัวเมีย อันใดที่เกิดการร้าวฉานในครอบครัว ควรงดเว้น เช่น คนสองคนมาดูดวงด้วยกัน ไม่ควรบอกว่าเขาไม่ใช่เนื้อคู่กัน
 ๒.การทายบุตร ไม่ควรบอกว่าบุตรคนไหนดี หรือไม่ดี จะทำให้เกิดเลือกที่รักมักที่ชังได้
 และ ๓.การทายอายุขัย เช่น ไม่ควรบอกว่าคุณจะมีอายุขัยเหลืออยู่แค่ ๑ ปี หรือ ๓ เดือน เป็นต้น

  "การพยากรณ์เสมือนการเตือนภัยล่วงหน้า แม้คำเตือนจะเป็นเรื่องร้าย แต่เราก็สามารถระมัดระวังมิให้เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นได้ "

เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"