ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกินตะกรุดเก้ายอดรุ่นแรกบนแผ่นดินอีสาน
ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกินตะกรุดเก้ายอดรุ่นแรกบนแผ่นดินอีสาน
หลวงปู่ญาท่านเขียน มีจิตทะลุเสกจับอะไรเป็นขลังไปหมด เพราะท่านเป็นผู้มีศีลบริบูรณ์ มีจิตดีอุดมธรรมเรื่องอภิญญาจึงเป็นของเล็กน้อยที่ท่านทำได้ พระอื่นอาจเป็นของใหญ่เกินกำลัง ท่านเปรียบกำลังของพระอภิญญาว่า “ทำได้ ดุจช้างยกมด”
เหรียญรุ่นแรก ๙ ยอด ก่ออภินิหารลือลั่น เป็นเหรียญหลักบนแผ่นดินอุบล นี่เป็นอีกครั้งที่ “ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน” หลวงปู่สร้าง “ตะกรุดโทน เก้ายอด” ประมวลมหายันต์ ๙ ยอด สุดวิเศษ ประทับจารึกด้วยคาถาอาคม…ดึงฟ้ามาห่ม (ดึงฟ้ามาเป็นเกราะป้องกันภัย)...ดึงลมมาหา (ดึงลมมาพัดให้อยู่เป็นสุขดับทุกข์ร้อนพิษภัย)…ดึงดินปกอุรา (ดึงแผ่นดินมาเป็นกำลังไขปัญหาที่ใหญ่กว้าง แน่นหนา ได้สำเร็จ)...ดึงน้ำจากฟ้าเป็นทะเลเงิน (น้ำฟ้าน้ำฝน ตกจากฟ้านำพาความร่ำรวย ชุ่มโชคด้วยเงินทองโภคทรัพย์)
ยอดทั้ง ๙ ที่ข้าฯ อธิษฐาน ข้าฯ อัญเชิญ พระพุทธเจ้า เป็นปฐม พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นที่ตั้งให้สัจจังว่า
ยอดที่ ๑ ขอให้ท่านเป็นผู้มีอำนาจบารมีเหนือคนอื่น
ยอดที่ ๒ ขอให้ท่านเป็นผู้มีชัยชนะเหนือผู้อื่นแข่งกับใครก็ต้องชนะ
ยอดที่ ๓ ขอให้เทวดาและมนุษย์รักใคร่ ท่านไม่จืดจาง
ยอดที่ ๔ ขอให้ท่านเป็นผู้มีโภคทรัพย์ไหลมาทั้ง ๘ ทิศ
ยอดที่ ๕ ขอให้ท่านเป็นผู้ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน
ยอดที่ ๖ ขอให้ท่านห่างไกลจากความ วิบัติขัดแย้งพ้นอันตรายทั้ง ๘ ทิศ
ยอดที่ ๗ ขอให้ท่านมีความสุขความเจริญ ตลอดเวลา
ยอดที่ ๘ ปรารถนาอันใดไม่ผิดศีลธรรมแล้ว ขอให้สำเร็จดังใจคิดรวดเร็วดุจลัดนิ้วมือ
ยอดที่ ๙ ขอความดีของข้าฯ ทั้งหมด ที่พึ่งมี ช่วยท่านทุกคนส่งให้ถึงพระนิพพาน พลัน
หลวงปู่ญาท่านเขียน ดำริสร้างตะกรุดเก้ายอดเองตามตำรา ขนาดกว้าง ๓ นิ้ว ยาว ๓ นิ้ว มีกำลังเท่ากับ ๙ ลงตัวอักษรธรรมอีสานชั้นสูง และ ตะกรุดดอกครู ยาว ๙ นิ้วเสกอย่างเข้มขลังฝากตำนานเป็นตะกรุด ๙ ยอดวิเศษของแผ่นดินลงรักน้ำเกลี้ยง ปิดทองคำแท้ มีโค้ดและหมายเลขกำกับทุกดอก
ตะกรุด ๙ ยอด สร้าง ๒,๕๕๘ ดอก เท่า พ.ศ....ตะกรุด ๙ ยอด ดอกครู ยาว ๙ นิ้ว สร้าง ๑๐๘ ดอกติดต่อบูชาเพื่อช่วยสร้างศาลาปฏิบัติธรรมได้ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมตำบลยางขี้นก (ป่าช้าบ้านโพนสิม) ต.ยางขี้นก อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี สอบถามโทร.๐-๒๔๗๗-๙๔๐๐
ประวัติ…หลวงปู่เขียน พระอภิญญา แห่งป่าช้าบ้านโพนสิม จำวัดอยู่ในกลด ปลูกโรงสอนธรรม ในป่าช้า อายุ ๙๓ ปี สมณศักดิ์ที่ “พระครูสถิตปุญญานุวัฒน์” เจ้าอาวาสวัดดอนส้มป่อย ทิ้งตำแหน่งเป็น “หลวงตา”
หลวงปู่ไม่ธรรมดา สืบทอดวิชาสาย “สมเด็จลุน” นครจำปาสัก กับ ญาครูท่านกรรมฐาน เผย (พระครูธรรมบาล) ตั้งแต่ก่อนบวช เป็นนักเลงบางขุนพรหม เขตพระนคร เดินข้ามความตายมานักต่อนัก ได้ครูดี คือ “ครูทองลือ” และ “ครูปลั่ง” สายพราหมณ์เก่าสมัยรัชการที่ ๕ เป็นอาจารย์ของท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม แกร่งกล้าในวิชาอาคม เป็นนักเลงใหญ่ไม่กลัวใคร จนตำรวจขอร้อง ด้วยความกล้าบ้าบิ่น เคยเข้าไปกราบเรียนวิชากับ ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต กลับมาเรียนวิชากับหมอธรรม และออกบำเพ็ญเพียรในป่า เข้าไปในประเทศลาว เขมร พม่า ที่ดินผีที่ป่าโปร่งที่นาอาถรรพณ์ ต้องกราบขอให้หลวงปู่ ไปเหยียบนาฝังลอยเท้าท่านไว้ ผีอาถรรพณ์วิญญาณร้ายหายสิ้น ข้าวกล้าเติบโตงอกงามผลผลิตมากกว่าเขา หลวงปู่เป็นพระดี มีบุญใหญ่ใครทำบุญให้พรใครได้ผลใหญ่ มงคลสูง ทรงวิเวก พระอภิญญาที่ไม่เหลืออะไร องค์จริงที่ตามหามานาน