
เสี่ยกล้า เกษสุรินทร์ชัยกับปาฏิหาริย์พระสมเด็จที่เป็นของปลอม
เสี่ยกล้า เกษสุรินทร์ชัยกับปาฏิหาริย์'พระสมเด็จที่เป็นของปลอม!' : พระเครื่องสรณะคนดัง เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
"ถ้าพระสมเด็จที่ผมใช้อยู่เป็นของปลอมแล้วปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่าง ถึงจะปลอมในสายตาคนอื่นแต่ปาฏิหาริย์นั้นเป็นของจริง แล้วจะบอกว่าพระสมเด็จที่แขวนอยู่นั้นเป็นของปลอมได้อย่างไร” นี่คือปาฏิหาริย์พระสมเด็จที่ นายกล้า เกษสุรินทร์ชัย หรือ “เสี่ยกล้า” เป็นประธานชมรมนักอนุรักษ์สะสมพระเครื่องสยาม ได้สัมผัสมาด้วยตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน
บอกว่าปัจจุบันนี้พระแท้ไม่แท้อยู่ที่องค์พระ ไม่ได้อยู่ที่คนดู ผู้ที่ได้รับพระเครื่องที่เป็นมรดกตกทอดจากปู่ ยา ตา ยาย รวมทั้งผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หากนำพระที่ห้อยอยู่ไปให้เซียนพระดูแล้วบอกว่าเป็นพระไม่ถึงยุค ก็อย่าคิดถอดพระหรือไม่แขวนพระองค์นั้นเลย ให้คิดเสียว่าเซียนตาไม่ถึง หรือมีความรู้ไม่มากพอ และให้คิดเสียว่าพระองค์นั้นๆ เป็นของที่ระลึก ผู้ให้มีเจตนาดี พระทุกองค์สามารถใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้เสมอ
สำหรับความเป็นมาของ “ชมรมนักอนุรักษ์สะสมพระเครื่องสยาม” นั้น เสี่ยกล้า บอกว่า ตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๘ สมัยนั้นพระสมเด็จมีราคาอยู่ไม่ถึงแสนบาท คนเล่นหากันน้อยมาก มีการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการดูพระเช่นเดียวกับชมรมและสมาคมพระเครื่องกลุ่มอื่นๆ
ส่วนการจัดพิมพ์หนังสือนั้นวงการพระเครื่องจะยอมรับหรือไม่ยอมรับนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต้องยอมรับว่าพระเครื่ององค์เดียวกันแท้ๆ ตาเซียนพระเครื่องแต่ละตาแต่ละคนยังมีมุมมองที่ต่างกัน เซียนกลุ่มหนึ่งที่เสียงดังกว่าอาจจะมองว่าปลอม แต่เซียนอีกกลุ่มหนึ่งมองว่าแท้ แต่เผอิญว่า เซียนกลุ่มแรกเสียงดังกว่า พระที่แท้ก็กลายเป็นพระปลอมได้ ขณะเดียวกันพระที่ปลอมก็กลายเป็นพระแท้ได้เช่นกัน" เสี่ยกล้ากล่าว
พร้อมกันนี้ เสี่ยกล้า ยังพูดไว้อย่างน่าคิดว่าว่า “ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้เล่นพระมีมาอย่างต่อเนื่อง ข้อเท็จจริงในการจัดสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าท่านลงมือสร้างเมื่อใด แต่ก็มีผู้สันนิษฐานว่ามี ๔ พิมพ์ทรง แต่ละพิมพ์ทรงมีเพียง ๔-๕ แบบบล็อกแม่พิมพ์เท่านั้น ซึ่งมีปัญหาว่าทั้งๆ ที่ผู้แอบอ้างว่ารู้ดีนั้นก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน ทำไมจึงไม่คิดว่าแนวการเล่นของกลุ่มตนเป็นการเล่นในแนวที่คับแคบ หลงผิด หรือเล่นเพื่อผูกขาดตัดตอน เคยคิดบ้างไหมว่าแนวทางที่เล่นนั้นผิด ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการทำลายบล็อกแม่พิมพ์อื่นๆ ที่สมเด็จโตสร้างขึ้นมา”
หนังสือ “พระสมเด็จฯ” ๓ ภาษา เล่มแรก
“พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม จักรพรรดิแห่งพระเครื่องไทย” เป็นหนังสือที่จัดพิมพ์โดย “ชมรมนักอนุรักษ์สะสมพระเครื่องสยาม” ซึ่งมีนายกล้า เกษสุรินทร์ชัย หรือ “เสี่ยกล้า” เป็นประธานชมรม โดยมีความหนากว่า ๔๐๐ หน้า สี่สีทั้งเล่ม เข้าเล่มเย็บกี่อย่างดี วางจำหน่ายตามแผงหนังสือชั้นนำ
ทั้งนี้เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ เสี่ยกล้าได้พิมพ์หนังสือออกมาจำนวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม ซึ่งเป็นเล่มแรก จำหน่ายในราคาเล่มละ ๑,๔๐๐ บาท ปัจจุบันขายหมดแล้ว กลายเป็นหนังสือหายากเล่มหนึ่ง และราคาขยับขึ้นในราคาเล่มละ ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ บาท ส่วนเล่มที่ ๒ พิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒ จำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม ออกจำหน่ายเล่มละ ๒,๕๐๐ บาท โดยได้รับความนิยมไม่แพ้เล่มแรก และเล่มที่ ๓ พิมพ์จำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม จำหน่ายเล่มละ ๒,๕๐๐ บาท
ล่าสุด “เสี่ยกล้า” จัดพิมพ์หนังสือ “ทำเนียบพระสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี” เล่ม ๔ โดยมีความพิเศษกว่า ๓ เล่มที่ผ่านมา คือ มีการพิมพ์ ๓ ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และภาษาจีน ทั้งนี้ “เสี่ยกล้า” ได้ให้เหตุผลว่า “พระสมเด็จวัดระฆัง เป็นพระอินเตอร์ มีการเล่นหากันหลายประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน ดังนั้นจึงให้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาจีน เขียนคำว่า พระสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี ด้วยภาษาจีนแต่อ่านออกเสียงเป็นภาษาไทย”