พระเครื่อง

ยันต์หลังเหรียญเมตตาหลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ วัดวังกระแจะ

ยันต์หลังเหรียญเมตตาหลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ วัดวังกระแจะ

06 ต.ค. 2558

ยันต์หลังเหรียญเมตตาหลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ วัดวังกระแจะ: ชม.เซียน อ.โสภณ

             วัตถุมงคลของพระครูอดุลพิริยานุวัตร หรือหลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรีนั้น เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้เคารพศรัทธา โดยเฉพาะชาว อ.ไทรโยค ว่าท่านมีชื่อเสียงในด้านการสักยันต์ การทำตะกรุด และเครื่องรางของขลัง ที่ทรงพุทธาคมเข้มขลัง ทั้ง เมตตามหาอุด แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี พ.ศ.๒๕๕๘ นี้ หลวงพ่อชุบ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น “เมตตา” เพื่อหารายได้จัดสร้างศาลาอเนกประสงค์หลังใหม่ โดยมีพิธีบวงสรวงเททองนำฤกษ์ไปเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ กันยายน ซึ่งเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ท้องฟ้าโปร่งใส ในขณะประกอบพิธี เป็นที่อัศจรรย์และปลื้มปีติแก่บรรดาผู้ร่วมพิธีกรรมทุกคน

             เหรียญหลวงพ่อชุบรุ่น “เมตตา” มียันต์ อยู่ ๓ ตัว คือ ยันต์พระรัตนตรัย ประกอบด้วย อักขระหัวใจ ๓ ชุด คือ หัวใจแก้วสามดวง หัวใจพระเจ้าห้าพระองค์ และหัวใจพระไตรปิฎก

             ยันต์หัวใจพระรัตนตรัย หรือหัวใจแก้วสามดวงที่ว่า “อิ สวา สุ” ซึ่งย่อมาจาก พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ก็ใช้ยันต์ตัวนี้ในการบริกรรมเสกวัตถุมงคล โดยบริกรรมควงกัน ๓ บท คือ “อิ สวา สุ สุ สวา อิ สวา สุ อิ” กลายเป็นพระคาถาคุ้มกันภัย

             อิ มาจากบทพระพุทธคุณ ๕๖ คือ อิติปิโส....

             สวา มาจากบทพระธรรมคุณ ๓๘ คือ สวาขาโต....

             สุ มาจาก บทพระสังฆคุณ ๑๔ คือ สุปะฏิปันโน....

             รวมกันคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์แห่งพระรัตนตรัย และรวมคุณแห่งเลข ก็จะได้ ๑๐๘ เท่ากับบทอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘

             หมายถึง อักขระอิสวาสุ นี้ได้มาจากตัวต้นของบทสรรเสริญพระพุทธคุณ (อิติปิโสฯ) พระธรรมคุณ (สวากขาโตฯ) พระสังฆคุณ (สุปะฏิบันโนฯ) นั่นเอง นับถือกันว่ามีคุณวิเศษทางคุ้มครองป้องกันภัยเป็นสิริมงคลยิ่ง

             คาถา หัวใจพระเจ้าห้าพระองค์ นะ โม พุท ธา ยะ

             หมายถึง พระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในกัปนี้ มีตำนานโบราณอยู่ว่า ครั้งที่ท่านท้าวสหบดีพรหมาสร้างโลกนั้น ได้ทอดพระเนตรเห็นมีดอกบัวผุดขึ้นมา ๕ ดอก แต่ละดอกมีอักขระหนึ่งตัว ทรงเห็นอักขระ นะ ขึ้นมาก่อน แล้วจึงเห็นอักขระขึ้นมาครบ ๕ ตัว เป็น นะ โม พุท ธา ยะ

             ท่านท้าวสหบดีพรหมา (โบราณเรียกท้าวสหัมบดี อ่าน สะหัมบอดี) ทรงพยากรณ์ว่า โลกยุคนี้เรียกว่า ภัทรกัป แปลว่า ยุคอันดียิ่งประเสริฐยิ่ง เพราะมี พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากถึง ๕ พระองค์

             นะ คือ พระกุกกุสันโธพุทธเจ้า เป็นอาโปธาตุ (น้ำ) มีกำลัง ๑๒

             โม คือ พระโกนาคมพุทธเจ้า เป็นปถวีธาตุ (ดิน) มีกำลัง ๒๑

             พุท คือ พระกัสสปพุทธเจ้า เป็นเตโชธาตุ (ไฟ) มีกำลัง ๖

             ธา คือ พระโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) เป็นวาโยธาตุ (ลม) มีกำลัง ๗

             ยะ คือ พระอริยเมตไตรยพุทธเจ้า เป็นอากาศธาตุ มีกำลัง ๑๐

             ประโยคว่า นะโม พุทธายะ ซึ่งแปลเป็นใจความว่า ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าซึ่งก็หมายถึงพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ข้างต้นดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่า นะโน พุทธายะ หนึ่งจบจึงเท่ากับว่าได้กล่าวคำบูชาพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ในคราวเดียวกัน ซึ่งถือเป็นอุดมมงคลสูงสุดแก่ผู้กล่าว

             คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ นะโม พุทธายะ นี้จะมีปรากฏอยู่ใจคาถาต่างๆมากมายหลายคาถาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคาถาประเภทคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มหาอุด มหาลาภ โดยมากก็จะมี นะโม พุทธายะ นี้ปรากฏอยู่แทบทั้งสิ้น ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมนต์คาถานี้ถือเป็นต้นธาตุ หรือเป็นต้นกำเนิดของคาถาและทุกสรรพสิ่งทั้งปวง


ยันต์หัวใจตรีเพชร

             ยันต์หัวใจตรีเพชร ที่ว่า “มะ อะ อุ” เรียกอีกชื่อว่า จะพบในรูปแบบอักขระขอม อยู่ในพระเครื่องเสมอๆ และบ่อยครั้งจะพบว่า นะ ร่วมอยู่ในกลุ่มด้วย เป็น นะมะอะอุ โดยแต่ละตัวมีความหมายดังนี้

             มะ เป็นตัวแทน พระพุทธ มาจาก มนุสสานํ พุธ์โธ ภควาติ

             อะ เป็นตัวแทน พระธรรม มาจาก อกาลิโก เอหิปัส์สิโก โอปะนะยิโก

             อุ เป็นตัวแทน พระสงฆ์ มาจาก อุชุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ

             อย่างไรก็ตามในบทสวดมนต์ของเทพทุกองค์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจะขึ้นต้นด้วยคำว่า “โอม...” และในรูปวาดมหาเทพเกือบทุกรูป จะปรากฏเครื่องหมาย “โอม” อยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งในภาพ ซึ่งคำว่า โอม นี้เป็นหัวใจหลักเป็นคำที่ถูกเอ่ยถี่ที่สุดในการสวดมนต์ทุกบทของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

             อักขระ โอม เกิดจากการเรียกพระนามของพระตรีมูรติทั้ง 3 รวมกันเป็นคำเดียว ซึ่งแยกได้ดังนี้
            
             อะ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระศิวะ (อะ)

             อุ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระวิษณุ (อุ)

             มะ - มาจากเสียงสุดท้ายของคำว่า พระพรหมมะ (มะ)

             อะ อุ มะ เมื่ออ่านออกเสียงให้ต่อเนื่องกัน จึงเกิดเป็นคำว่า “โอม” หมายถึงการเรียกขานพระนามของ ๓ มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่

             มีคาถาเมตตาบทหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ามีเมตตา คือ “นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ นะมะอะอุ” อุปเท่ห์กรใช้คาถาบทนี้ คือ ใช้ภาวนาคาถาก่อน ออกจากบ้าน จะทำให้คนที่พบเจอมีความรู้สึกที่ดี การติดต่อใดๆ ก็จะราบรื่นไม่ติดขัด)

วัตถุมงคล รุ่น “เมตตา”

             วัดวังกระแจะ เดิมเป็นที่พักสงฆ์ชั่วคราวของพระธุดงค์ พ.ศ.๒๕๐๕ พระธุดงค์รูปหนึ่งได้เดินธุดงค์มาปฏิบัติธรรม ณ ถ้ำละว้า ท่านมีวัตรปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน จึงพร้อมใจกันนิมนต์มาช่วยสร้างวัดที่หมู่บ้าน พระธุดงค์รูปนั้นก็คือ ‘หลวงพ่อชุบ ปัญญาวุโธ’

             หลังจากรับนิมนต์จากชาวบ้าน หลวงพ่อชุบก็เริ่มพัฒนาปรับพื้นที่สร้างกุฏิสงฆ์ สร้างเสนาสนะต่างๆ เรื่อยมา จนได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาและเป็นวัดที่ถูกต้องสมบูรณ์ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกายในที่สุด

             วัตถุมงคลรุ่น “เมตตา” กำหนดประกอบพิธีพุทธาภิเษก ในวันเสาร์ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ มณฑลพิธีวัดวังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมี พระครูอดุลพิริยานุวัตร (หลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ เป็น ประธานจัดสร้างฝ่ายสงฆ์ นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานอุปถัมภ์ และนายธนน เวชกรกานนท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ประธานจัดสร้างฝ่ายฆราวาส

             วัตถุมงคลรุ่น “เมตตา” หลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ ประกอบด้วย “เหรียญเมตตา” เนื้อทองคำ, เนื้อเงิน หน้ากากทองคำ, เนื้อเงิน หลังแบบ, เนื้อเงิน ไม่ตัดปีก, เนื้อเงิน ลงยาสีน้ำเงิน, เนื้อเงิน, เนื้อนวโลหะ, เนื้ออัลปาก้า, เนื้อทองทิพย์ และเนื้อทองแดง “พระปิดตามหาลาภ” ชุดเนื้อทองคำ (๑ ชุด มี ๓ องค์), เนื้อเงิน และเนื้อนวโลหะ “พระปรกใบมะขาม” เนื้อเงิน, เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดง คฅ

             ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดบางกระแจะ โทร.๐๘-๑๙๐๙-๘๘๘๔ และ ๐๘-๕๔๔๔-๒๐๙๙

ยันต์หลังเหรียญเมตตาหลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ วัดวังกระแจะ