พระเครื่อง

หลวงปู่แฉล้ม ฉันทวัณโณวัดกระโดงทอง จ.พระนครศรีอยุธยา

หลวงปู่แฉล้ม ฉันทวัณโณวัดกระโดงทอง จ.พระนครศรีอยุธยา

02 ต.ค. 2558

หลวงปู่แฉล้ม ฉันทวัณโณวัดกระโดงทอง จ.พระนครศรีอยุธยา : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

              “เวลากราบพระ เราต้องกราบ ๓ ครั้ง ครั้งแรกเรากราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งที่สองเรากราบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ครั้งที่สามเรากราบพระอริยสงฆ์ คือผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ไม่ใช่กราบหลวงปู่นะ เรายังไม่ถึงขั้นนั้น ทุกวันนี้อะไรมันก็เปลี่ยนพระสงฆ์องค์เจ้าก็เปลี่ยนไป ดังที่พระพุทธเจ้าท่านเคยทำนายไว้ แต่อย่าไปว่าพระไม่ดีนะ มันจะบาป พระท่านดีอยู่แล้ว ที่ไม่ดีนั้นไม่ใช่พระ”

              นี่คือคติธรรมที่หลวงปู่แฉล้ม ฉันทวัณโณ แห่งวัดกระโดงทอง จ.พระนครศรีอยุธยา

              ปัจจุบันหลวงปู่แฉล้มท่านจำวัดอยู่ที่วิหารข้างพระอุโบสถวัดกระโดงทอง ท่านอยู่รูปเดียว กิจของท่านในแต่ละวันคือในช่วงเช้ามืดประมาณตี ๔ ท่านมักชอบเดินจงกรมรอบพระอุโบสถก่อนที่จะออกบิณฑบาตเป็นประจำ ท่านจะออกบิณฑบาตโปรดญาติโยมในช่วงเวลาประมาณตี ๕.๒๐ ท่านบิณฑบาตเพียงรูปเดียว โดยท่านเดินเข็นรถเข็นบิณฑบาต

              ผู้เขียนเคยพูดกับท่านว่า “หลวงตาตอนเช้าให้ผมมาช่วยหลวงตาเข็นรถบิณฑบาตไหมครับ” ท่านจึงตอบว่า “ไม่ต้องมาหรอก เพราะรถพยุงคน คนพยุงรถ” และยังพูดต่ออีกว่า “เรายังไม่ทันช่วยตัวเองให้เต็มที่เลย จะต้องไปขอความช่วยเหลือจากใครเขา เมื่อใดที่เราพยายามอย่างเต็มที่แล้วมันไม่ได้หรือไม่สำเร็จ จึงค่อยขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเขา”

              ในยามว่างท่านชอบอ่านหนังสือต่างๆ เช่น โลกทิพย์ โลกลี้ลับ เพราะท่านบอกว่าหนังสือเหล่านี้มีแง่คิดทางธรรมดีๆ อยู่มากมาย ในช่วงเวลาก่อนเพล จะมีญาติโยมที่ศรัทธาท่านนำข้าวของอาหารมาถวายท่านอยู่เสมอ หลังจากฉันเพลเสร็จก็จะมีลูกศิษย์มารับเอาอาหารไป บางวันลูกศิษย์ท่านไม่มารับอาหารที่เหลือจากการฉันเพล ท่านก็จะแจกจ่ายให้คนอื่นๆ ไป ท่านมีความเมตตาต่อทุกคนไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

              ทุกๆ วันจะมีสาธุชนที่ศรัทธาท่าน ไปให้ท่านช่วยต่อชะตาบ้าง ไปทำสังฆทานบ้าง หรือนำข้าวของไปถวายท่าน ก่อนที่ท่านจะทำพิธี ยกตัวอย่างเช่น ทำสังฆทาน ท่านมักจะถามว่า “โยมรีบหรือเปล่า ถ้าไม่รีบให้รับศีลก่อนนะ เพราะบุคคลที่มีศีลแล้วทำบุญจะได้บุญมากกว่าบุคคลที่ไม่มีศีล”

              หลวงปู่แฉล้มบอกว่า สมัยก่อนคนจะต้องมาขอศีลจากพระที่วัด แต่สมัยนี้พระต้องถามว่าโยมจะรับศีลหรือไม่รับ เพราะคนเราถ้าไม่มีศีลมันก็ลำบาก ศีลห้าเป็นธรรมดาที่คนจะต้องรักษาเอาไว้ เมื่อมีศีลแล้วจะไม่มีทุกข์ สมัยนี้คนไม่ค่อยรักษาศีลกัน ขโมยขโจรมันถึงเยอะ ถึงแม้เจ้าของอยู่มันยังหยิบฉวยเอาได้ มันไม่กลัวบาป ถ้าเจ้าของไม่อยู่มันคงหยิบฉวยเอาจนหมด เมื่อสมัยก่อนคนชอบรักษาศีลกัน บ้านช่องเรือนชานฝากกันได้ เรื่องข้าวของจะหายไม่มี สมัยนี้ฝากบ้านกับตำรวจขโมยมันยังกล้าเลย ให้จำไว้ว่า “ถ้าเรารักษาศีล ศีลก็จะรักษาเรา”

              เมื่อสอนเสร็จ หลวงปู่ท่านจะพูดว่า “ที่พูดไป ไม่ใช่ว่าพูดให้เชื่อ แต่พูดให้ฟัง เมื่อฟังแล้วให้เอาไปคิด เมื่อคิดและพิจารณาดีแล้วจึงค่อยนำไปปฏิบัติกัน แต่บางคนเขาพูดแล้วต้องการให้คนฟังเชื่อที่เขาพูด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คิดพิจารณาในคำพูดของเขา เขาก็โกรธเราเหตุเพราะเราไม่ยอมเชื่อเขา” ซึ่งหลวงปู่ท่านไม่เคยบอกให้ใครเชื่อท่านง่ายๆ

              พร้อมกันนี้ท่านยังบอกอีกว่า ควรพิจารณาหลักไตรลักษณ์ คือการเกิด เจ็บ ตาย ทุกคนหนีไม่พ้น หลวงตาถามว่ารู้จักคำว่า “อยาก” หรือเปล่า อยากคำเดียวสั้นๆ มันทำให้เราไม่หลุด ถ้าจะให้หลุดต้องไม่อยาก และจำไว้นะว่า “เวรกรรม ไม่มีใครสามารถแก้ได้ ได้แต่ชดใช้กรรมที่ทำกันไว้ อยากให้สร้างกันแต่ความดี ไฟที่เห็นๆ กันอยู่นั้นมันร้อน แต่เขาว่าไฟในนรกมันร้อนกว่านี้มากนะ”

              อย่างไรก็ตามตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๐ จนถึงปัจจุบันหลวงปู่แฉล้มท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดกระโดงทองเป็นระยะเวลา ๒๖ พรรษา และจำพรรษาอยู่ที่วัดทรงเสวยอีก ๘ พรรษา รวมเป็น ๓๔ พรรษา ปัจจุบันหลวงปู่ท่านมีอายุ ๘๘ ปี

บวชเพื่ออรับใช้พระศาสนา

              “แฉล้ม ไวระตา” เป็นชื่อและนามสกุลเดิมของท่าน เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๖ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ณ ตำบลบ้านโพธิ์ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา โยมบิดาชื่อ “ไปล่” โยมมารดาชื่อ “เหรียญ” มีพี่น้องทั้งหมด ๕ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒

              ชีวิตในวัยเด็กท่านได้ศึกษาเล่าเรียนพร้อมทั้งเป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดกระโดงทอง ท่านเป็นคนชอบทำบุญ ในแต่ละปีท่านจะเดินทางไปกับยายฉัตรและเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดกระโดงทอง เพื่อช่วยงานวัดในบริเวณใกล้เคียง เช่น วัดบ้านแพน วัดบางนมโค ยายฉัตรแกเป็นพี่น้องกับพระอธิการเล็ก เกสโร เจ้าอาวาสต่อจากหลวงพ่อปาน ซึ่งยายฉัตรจะเดินทางไปกับเพื่อนบ้านเพื่อไปเป็นแม่ครัวที่วัดบางนมโค ขณะนั้นหลวงพ่อปานท่านยังมีชีวิตอยู่

              เมื่ออายุครบท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดกระโดงทอง โดยมีพระพรหมวิหารคุณ (หลวงพ่อยิ้ม) วัดเจ้าเจ็ดใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สังวาล วัดกระโดงทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โล่ วัดกระโดงทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ในขณะที่อุปสมบทอยู่ก็ได้ศึกษาพระธรรมของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เพียง ๓ พรรษา ท่านก็จำเป็นต้องลาสิกขา เพื่อไปรับใช้ชาติเป็นทหารและมีครอบครัว

              หลังจากการปลดประจำการท่านมีครอบครัวและมีบุตร ๓ คน ท่านทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดี จนครอบครัวของท่านมีความสุขสบายแล้ว ดังที่ท่านได้ปรารถนาไว้ สิ่งที่ท่านปรารถนาได้เกิดขึ้น คือ เมื่อใดที่ครอบครัวท่านสบายแล้วท่านจะขอกลับมารับใช้พระศาสนาจนกว่าชีวิตจะหาไม่

              ท่านได้กลับมาครองผ้าไตรจีวรใหม่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ท่านคิดที่จะตัดทางโลก หลีกพ้นกิเลสตัณหาทั้งปวง ท่านจึงไปบวชอยู่ที่วัดทรงเสวย จ.ชัยนาท โดยมีพระครูวิชัยสาธุกิจ (หลวงพ่อย้อย) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ฉนฺทวณฺโณ” วัดทรงเสวยในสมัยก่อนเป็นวัดป่า หลวงปู่แฉล้มท่านเป็นพระที่มีระเบียบเคร่งครัดในพระวินัย รักสันโดษ และนิ่งเฉยปล่อยวาง ในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดทรงเสวย ท่านจำพรรษาอยู่ที่กุฏิที่ทางวัดได้สร้างไว้เพียงพรรษาเดียว แล้วท่านก็ขออนุญาตหลวงพ่อย้อยไปสร้างกุฏิที่ใช้ไม้และใบจากสร้างและได้จำพรรษาอยู่ที่นั่นตลอด ท่านบอกว่ามันปลีกวิเวกดีทำให้จิตใจเราสงบดี เมื่อมีความเงียบสงบจึงเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม พร้อมทั้งท่านอาศัยหลักกรรมฐานด้วยตนเองอย่างถ่องแท้ อาศัยหลักกรรมฐานที่ว่าสามัญในลักษณะ หมายความว่า ลักษณะที่เสมือนกันในสังขารทั้งหลายทั้งปวงสิ่งนั้นก็คือ อนิจจัง ความไม่แน่นอนในสังขาร ทุกข์ขัง ความวุ่นวาย ความไม่สงบสุขในสังขาร อนัตตา ความตาย ความไม่มีตัวตน

พระปิดตามหาลาภ

              เหรียญพระปิดตามหาลาภจัดสร้างโดยคณะลูกศิษย์และผู้มีจิตศรัทธาหลวงปู่แฉล้ม โดยคณะลูกศิษย์มอบหมายให้คุณหมู เขมกร เป็นผู้ประสานงานดำเนินการจัดสร้างเหรียญพระปิดตามหาลาภขึ้นมา เพื่อมอบให้กับหนังสือเกจิแห่งสยาม เพื่อนำมามอบเป็นของกำนัลให้ลูกค้าสมาชิกที่มีอุปการคุณ ไม่มีให้บูชา

              ทั้งนี้ หลวงปู่แฉล้ม นั่งปรกอธิษฐานจิตภาวนาปลุกเสก เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘ ในกุฏิหลวงปู่ ที่วัดกระโดงทอง เสกในวันจันทร์เป็นมหาเสน่ห์ มีเพียง ๒ เนื้อ คือ เนื้อเงิน จำนวนสร้าง ๙๒ เหรียญ ตอกโค้ด อุณาโลม ๒ ตัว ขวา-ซ้าย แจกกรรมการและผู้ให้การสนับสนุนมอบทุนร่วมจัดสร้าง

              ส่วนเหรียญพระปิดตามหาลาภ เนื้อทองแดงรมมันปู จำนวนสร้าง ๕.๕๐๐ เหรียญ ตอกโค้ด อุณาโลม ๑ ตัว ข้างซ้ายมือองค์พระ มอบให้หนังสือเกจิแห่งสยาม เพื่อนำไปแจกพร้อมกับหนังสือจึงไม่มีให้บูชา

หลวงปู่แฉล้ม ฉันทวัณโณวัดกระโดงทอง จ.พระนครศรีอยุธยา