พระเครื่อง

พระพิฆเนศ-พระคเณศเทพเจ้าแห่'ความสำเร็จ สมหวัง'

พระพิฆเนศ-พระคเณศเทพเจ้าแห่'ความสำเร็จ สมหวัง'

14 ก.ย. 2558

พระพิฆเนศ-พระคเณศเทพเจ้าแห่ง “ความสำเร็จ สมหวัง” : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

              ในประเทศไทยจะเห็นได้ว่ามีการบูชาเทพองค์ต่างๆ ในศาสนาพราหมณ์อยู่มากมาย รวมทั้งองค์พระพิฆเนศ ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ดูได้จากการพบรูปสลักพระพิฆเนศในเทวสถานตามเมืองต่างๆ ทั่วทั้งประเทศไทย โดยมีหลักฐานการค้นพบองค์เทวรูปบูชาพระพิฆเนศที่เก่าแก่ในสมัยที่ขอมเรืองอำนาจในดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นต้นว่าองค์เทวรูปบูชานั้นสลักจากหิน ค้นพบทางแถบจ.ปราจีนบุรี ซึ่งจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ

              คนไทยถือว่าองค์พระพิฆเนศเป็นที่เคารพสักการะในฐานะองค์บรมครูแห่งศิลปวิทยาการ ๑๘ ประการ โดยคนไทยยอมรับในองค์พระพิฆเนศให้เป็นเทพแห่งศิลปะทั้งมวล และเป็นเทพองค์สำคัญในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งทางศาสนาพราหมณ์ได้สถาปนาพระพิฆเนศ เป็นเทพพระองค์แรกที่ต้องบูชาก่อนเริ่มพิธีใดๆ เป็นการคารวะในฐานะบรมครูผู้ประสาทปัญญาและความสำเร็จ สามารถขจัดอุปสรรคทั้งปวงให้หมดสิ้นไป กิจการทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี หน่วยงานราชการกรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้ถือเอาพระพิฆเนศเป็นสัญลักษณ์

              พระคเณศ ชาวไทยนิยมเรียกว่า พระพิฆเนศ พระพิฆเณศวร พระพิฆเณศ หรือ พระคณปติ เป็นเทพในศาสนาฮินดู โดยเฉพาะในอินเดียเองก็มีแนวความเชื่อในเรื่องพระพิฆเนศในทุกลัทธิศาสนาไม่ว่าลัทธิที่ถือองค์พระศิวะเป็นใหญ่ นับถือพระพรหมเป็นใหญ่หรือพระนารายณ์เป็นใหญ่ ทุกลัทธิล้วนให้ความสำคัญต่อพระพิฆเนศ ทั้งสิ้น

              พระพิฆเนศ เป็นเทพแห่งปราชญ์ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ มีความรอบรู้ในศิลปวิทยาทุกแขนง เป็นเทพแห่งขจัดอุปสรรคความขัดข้อง ด้วยทุกตำราได้กล่าวถึงที่มาของพระพิฆเนศ ไว้สูง สำคัญและฤทธิ์มาก มีความเฉลียวฉลาด มีคุณธรรม คอยช่วยเหลือปกป้องปราบปรามสิ่งชั่วร้ายและเป็นยอดกตัญญูแม้พระพิฆเนศ จะเป็นเทพที่มีความเก่งกาจสามารถยิ่งแต่ก็เป็นเทพที่สงบนิ่งไม่เย่อหยิ่งทรนงอันเป็นคุณสมบัติอันประเสริฐอีกประการหนึ่งของผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

              จึงกล่าวได้ว่า พระพิฆเนศเป็นมหาเทพที่ดีพร้อมครบถ้วนด้วยความดีงามสมควรแก่การยกย่องบูชาเป็นนิจ แม้แต่องค์พระศิวะมหาเทพผู้สร้างและพระบิดาแห่งองค์พระพิฆเนศยังกล่าวว่า ไม่ว่าจะกระทำการสิ่งใดหรือทำพิธีบูชาใด ให้ทำการบูชาพระพิฆเนศ ก่อนกระทำการทั้งปวงผู้ใด ต้องการความสำเร็จ ให้บูชาพระพิฆเนศผู้ใด ต้องการพ้นจากความขัดข้องทั้งปวง ให้บูชาพระพิฆเนศ

              พระพิฆเนศนั้นเป็นเทพที่มีลักษณะโดดเด่นกว่าเทพพระองค์อื่น นอกเหนือจากเรื่องมีพระเศียรเป็นช้างแล้ว นั่นคือ การนิยมการนำศัตรูเอามาเป็นพวก พระคเณศนั้นไม่นิยมที่จะล้างผลาญศัตรูให้ตายไปเหมือนเทพพระองค์อื่น แต่มักจะใช้ปัญญาที่มีอยู่เป็นทุนเดิมในการดำเนินการ เพื่อให้ศัตรูมีโอกาสกลับใจมาเป็นคนดี หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ เมื่อยอมสวามิภักดิ์แล้วก็จะให้เป็นเทพบริวารไล่เรียงกันไป

              พระพิฆเนศเป็นโอรสของพระศิวะและพระแม่ปารวตี มีรูปกายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง ทุกคนเคารพนับถือท่านในฐานะที่ท่านเป็น “วิฆเนศ” นั่นคือ เจ้า (อิศ) แห่งอุปสรรค (วิฆณ) เพราะเจ้าแห่งอุปสรรค ที่สามารถปลดปล่อยอุปสรรคได้ และอีกความหมายถึงท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จในทุกศาสตร์สรรพสิ่งหรือเทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่ทั้งปวง

              ส่วนการบูชาพระคเณศนั้น มีหลายแบบ แต่ที่คนไทยคุ้นเคย เช่น "โอม พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ ทุติยัมปิ พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ ตะติยัมปิ พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ ในขณะที่บทสวดของศิลปากรจะใช้ว่า "โอม นะโม พระคเณศายะ / นะโมนะมะ คันธะมาละ สิทธาหะนัง กะพะมะนะ / สัมมาอะระหัง วันทามิ" ทั้งนี้มีคติความเชื่อว่า ถ้าผู้ใด ได้หมั่นสวดท่องบูชาเป็นประจำ ผู้นั้นจะประสบความสำเร็จ ตามความประสงค์ทุกประการ บทสวดนี้อันที่จริงเป็นภาษาบาลี แต่เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน จะใช้ภาษาไทยสวดทดแทนกัน

              ขอบคุณภาพ พระพิฆเนศ ลอยองค์ เนื้อทองคำ (น้ำหนักประมาณ ๑๐๘ บาท) อายุหลายร้อยปี จาก www.soonpraratchada.com ของนายสุขธรรม ปานศรี หรือ “เฮียกุ่ย” นักสะสมพระหลวงพ่อทวดเนื้อทองคำมานานกว่า ๑๐ ปี ส่วนผู้ที่สนใจศึกษาพระเนื้อทองคำ รวมทั้งพระองค์ที่ขึ้นชื้อว่าสวยแชมป์ สามารถเข้าชมความงามของพุทธศิลป์ของพระที่อยู่ในความครอบครองในรังพระของเฮียกุ่ยได้ ที่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง

ความหมายในเชิงปรัชญาของพระพิฆเนศ

              พระพิฆเนศ มีพระเศียรเป็นช้าง มีพระกรรณกว้างใหญ่ มีงวงยาว แต่ทรงมีร่างกายเป็นมนุษย์ มี ๔, ๖ หรือ ๘ กร แล้วแต่พระภาคที่จะเสด็จมา รูปร่างของพระองค์แสดงถึงสิ่งเป็นมงคลดีเยี่ยม ซึ่งทรงสั่งสอนถึงความดีและความสำเร็จพระคเณศทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรู้และปัญญายิ่งใหญ่ แต่ละส่วนของท่านให้ความหมายในเชิงปรัชญาได้ดังนี้

              พระเศียร - ทรงใช้เศียรอันใหญ่ที่เต็มด้วยปัญญาความรู้ เป็นที่รวมแห่งปัญญาทั้งหมด

              พระกรรณ - ทรงใช้รับฟังคำสวดจากพระคัมภีร์และความรู้ในรูปอย่างอื่นๆ อันเป็นสิ่งแรกแห่งการศึกษา

              งวง - เราได้นำเอาความรู้ต่างๆ ที่ได้รับจากการเลือกเฟ้นระหว่างทวิลักษณะ ความผิด-ถูก ความดี-ความชั่ว อันมีงวงช้างที่ยาวและใหญ่ใช้ชั่งน้ำหนักต่อการกระทำหรือการค้นหาสิ่งที่ดีงามต่างๆ อันปัญญานั้นเกิดขึ้นเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาของชีวิตให้หลุดพ้นจากอุปสรรค และพบกับความสำเร็จสมดั่งความมุ่งหมาย

              งา - งาข้างเดียวโดยอีกข้างหักนั้น เพื่อแสดงให้รู้ว่าจะต้องอยู่ในเหตุระหว่างความดี-ความชั่ว ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้ดีถึงความแตกต่างกัน ดั่งเช่น ความเย็น-ความร้อน การเคารพ-การดูหมิ่นเหยียดหยาม ความซื่อสัตย์-ความคดโกง

              หนู - แสดงถึงความปรารถนาของมนุษย์

              บ่วงบาศ - ทรงถือโดยทรงลากจูงคนทั้งหลายให้เดินตามรอยพระบาทของพระองค์

              ขวาน - เป็นอาวุธทรงใช้ปกป้องความชั่วร้ายและคอยขับไล่อุปสรรคทั้งหลายที่มาก่อกวนต่อบริวารของพระองค์

              ขนมโมทกะ - ข้าวสุกผสมน้ำตาลปั้นเป็นลูก เพื่อประทานให้เราเป็นรางวัลต่อการที่เราปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระองค์

              ท่าประทานพร - หมายถึงความยิ่งใหญ่แห่งความผาสุกและความสำเร็จให้กับสาวกของพระองค์

              เมื่อพิจารณาความหมายในทางสัญญะ รูปกายที่อ้วนพีนั้นมีความหมายว่า ความอุดมสมบูรณ์ เศียรที่เป็นช้างมีความหมาย หมายถึงผู้มีปัญญามาก ตาที่เล็กคือ สามารถมอง แยกแยะสิ่งถูกผิด หูและจมูกที่ใหญ่หมายถึง มีสัมผัสพิจารณาที่ดีเลิศ พระพิฆเณศวรมี หนู เป็นสหาย (บางท่านเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพาหนะ) ซึ่งอาจเปรียบได้กับความคิด ที่พลุ่งพล่าน รวดเร็ว ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีปัญญากำกับเป็นดั่งเจ้านายในใจตน

              ตำนานแห่งการเสีย “งา”

              ตำนานแรก ปรศุรามใช้ขวานจาม ปรศุรามนั้นเป็นอวตารของวิษณุเทพ กล่าวว่า ปรศุรามได้ยืมขวานจากพระศิวะไปทำลายเหล่ากษัตริย์ เมื่อเสร็จภารกิจจะเข้าเฝ้าที่เขาไกรลาส ระหว่างนั้นบริเวณพระที่นั่งชั้นใน พระศิวะมหาเทพกำลังสนทนาอยู่กับนางปราวตี พระคเณศไม่ยอมให้ปรศุรามเข้าพบ ปรศุรามโมโหเลยใช้ขวานของพระศิวะขว้างไปยังพระคเณศ พระองค์จำใจต้องใช้ใช้งาข้างซ้ายรับขวานนั้น ด้วยเหตุที่ท่านทรงมีความกตัญญูเป็นอย่างยิ่งในบิดา ครั้นจะต่อสู้กันไปก็อาจทำได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรกับการทำลายฤทธิ์เดชของอาวุธซึ่งเป็นของบิดาตนเอง

              ตำนานที่ ๒ ได้เศียรช้างงาเดียว เมื่อคราวที่พระศิวะได้ทำพิธีโสกันต์และพระวิษณุเทพพลั้งเผลอเปล่งวาจา ยังผลให้เศียรของกุมารหายไปนั้น ได้มีเทวโองการให้หาเศียรของมนุษย์ที่เสียชีวิตมาต่อให้ แต่ปรากฏว่าในวันอังคารนั้นไม่มีมนุษย์ผู้ใดถึงฆาต มีเพียงช้างงาเดียวที่นอนตายอยู่ทางทิศเหนือ จึงตัดเศียรมาต่อให้

              ตำนานที่ ๓ โดนพระศิวะใช้ขวานจาม เมื่อคราวที่กุมารน้อยถือกำเนิดใหม่ๆ และเฝ้าปากทวารห้องสรงน้ำของพระแม่ปราวตีนั้นพระศิวะไม่ทราบว่าเป็นลูก เลยเกิดการต่อสู้กันพระศิวะโมโหจึงใช้ขวานขว้างไปโดนงาของพระคเณศหัก

              และตำนานที่ ๔ งาถอดได้เองตามธรรมชาติ เมื่อคราวที่พระคเณศต่อสู้กับอสูรอสุรภัค พระคเณศแสดงเดชโดยการถอดงาของตัวเองขว้างไปที่อสูร