พระเครื่อง

๔ก.ย.วัดไร่แตงทองหล่อ‘หลวงปู่หลิวยืน’

๔ก.ย.วัดไร่แตงทองหล่อ‘หลวงปู่หลิวยืน’

01 ก.ย. 2558

๔ก.ย.วัดไร่แตงทองหล่อ‘หลวงปู่หลิวยืน’

             “เทพเจ้าพญาเต่าเรือน” เป็นสมญาที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ขนานนามให้ หลวงปู่หลิว ปณฺณโก อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยตำนานถูกปิดลงในค่ำคืนวันจันทร์ที่ ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๓ เวลา ๒๐.๓๕ น. หลวงปู่หลิวได้ละสังขารอย่างสงบท่ามกลางลูกหลานที่คอยมาดูใจเป็นครั้งสุดท้ายที่กุฏิของท่าน ณ วัดหนองอ้อ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี รวมอายุ ๙๕ ปี พรรษา ๗๔ พรรษา

           อย่างไรก็ตาม หลังหลวงปู่หลิวมรณภาพ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีของท่าน พระใบฎีกาสายชล เจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง รูปปัจจุบันและคณะศิษย์จึงได้ร่วมกันสร้างรูปเคารพหลวงปู่หลิวประทับพญาเต่าเรือน องค์ใหญ่ สูง ๘.๕๐ เมตร ปิดทองคำแท้ทั้งองค์ พร้อมกับสร้างวิหารครอบ

           ทุกวันนี้มีลูกศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบไหว้และลอดใต้รูปเหมือนนั่งเต่ากันเป็นจำนวนมาก บางคนให้เหตุผลว่าเพื่อให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้บางคนยังเชื่อว่าลอดแล้วจะอายุยืนเหมือนเต่า ขณะที่คนจำนวนไม่น้อยมาลอดเพื่อขอโชคลาภ เนื่องจากกิตติศัพท์วัตถุมงคลหลวงปู่หลิวมีพุทธคุณเด่นด้านทำมาค้าขายและเมตตามหานิยม

           ในวันคล้ายวันมรณภาพ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้หลวงปู่หลิว รวมทั้งเพื่อเป็นบุญกุศลแก่ญาติโยมที่มาร่วมงานและประเทศชาติ พระใบฎีกาสายชลจะจัดงาน “เลี้ยงพระ ๑,๐๐๐ รูป และหล่อพระอรหันต์อิติสาวกปีละ ๑ องค์” ซึ่งก่อนหน้านี้วัดเคยหล่อพระอรหันต์อิติสาวกไปแล้ว ๓ องค์ ได้แก่ ๑.พระอรหันต์กัสสปะเถระ ปางสังคยานา ขนาดหน้าตักกว้าง ๗๐ นิ้ว ๒.“พระอานนท์” ขนาดหน้าตักกว้าง ๖๐ นิ้ว และ ๓.พระอุปคุต ขนาดหน้าตักกว้าง ๖๐ นิ้ว

           อย่างไรก็ตามวันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๕ วัดจะทำบุญวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๑๖ ปี นอกจากนิมนต์พระ ๑,๐๐๐ รูป จาก ๑๐๐ วัด มาถวายภัตตาหารเพลแล้ว โดยเริ่มเวลา ๐๙.๐๙ น.เป็นต้นไป นอกจากนี้วัดยังจัดให้มีการอัสสชิเถระ ๗๙ นิ้ว หลวงปู่หลิวยืนสูง ๒.๐๘ เมตร วันศุกร์ที่ ๔ กันยายน เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป

           พระอัสสชิ หรือพระอัสสชิเถระ เป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์ และพระอสีติมหาสาวก

           เมื่อตรัสรู้ธรรมแล้วมีบทบาทสำคัญในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาในช่วงต้นพุทธกาล ด้วยความเป็นผู้มีมารยาทน่าเลื่อมใสของท่าน ทำให้ท่านเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่ทำให้อุปติสสะมาณพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ซึ่งต่อมาพราหมณ์คนนี้คือพระสารีบุตร ท่านเป็นผู้กล่าวคาถาสำคัญยิ่งคาถาหนึ่งในพระพุทธศาสนาคือพระคาถา เย ธมฺมา... ท่านดำรงอายุพอสมควรแก่กาลก็ดับขันธปรินิพพาน

           “ทุกวันนี้ทุกวัดสร้างและหล่อพระพุทธรูปไว้มากแล้ว แต่การสร้างพระอรหันต์อิติสาวกนั้นน้อยมาก พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ยังมีความรู้เรื่องพระอหันต์น้อยมาก ทั้งๆ ที่พระอรหันต์แต่ละรูปมีคุณต่อพุทธศาสนาคณานับ โดยอาตมามีความตั้งใจว่าจะหล่อไปจนกว่าจะครบ ๘๐ องค์ ตามในพุทธประวัติ” พระใบฎีกาสายชล