พระเครื่อง

เหรียญหลวงปู่เผือกสร้างตั้งแต่ปี๒๕๐๗ปลุกเสกนานถึง๓ปีเต็ม

เหรียญหลวงปู่เผือกสร้างตั้งแต่ปี๒๕๐๗ปลุกเสกนานถึง๓ปีเต็ม

06 ส.ค. 2558

เหรียญหลวงปู่เผือก วัดสาลีโข จ.นนทบุรี สร้างตั้งแต่ปี ๒๕๐๗ ปลุกเสกนานถึง ๓ ปีเต็ม : ปกิณกะพระเครื่อง โดยบุญนำพา

            เหรียญหลวงปู่เผือก วัดสาลีโข จ.นนทบุรี สร้างตั้งแต่ปี ๒๕๐๗ ปลุกเสกนานถึง ๓ ปีเต็ม จำนวนสร้าง เนื้อทองคำมากกว่า ๓ เหรียญ เนื้อเงิน ๑๐๘ เหรียญ เนื้อทองแดงชุบทอง ๒,๕๑๐ เหรียญ (เท่ากับปี พ.ศ.)

             พระอาจารย์สมภพ ผู้สร้างเหรียญรุ่นนี้ได้นำไปปลุกเสกที่ถ้ำแก่งละว้า จ.กาญจนบุรี เป็นการปลุกเสกเดี่ยวตลอดไตรมาส เมื่อออกพรรษาแล้ว จึงแจกแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ไปจำนวนหนึ่งในปีนั้น ส่วนที่เหลือได้ประกอบพิธีปลุกเสกอีกครั้งที่วัดสาลีโข เมื่อวันเสาร์ห้า ปี ๒๕๑๒ และปลุกเสกต่ออีก ๓ เดือน

             พระอาจารย์สมภพบอกว่า ได้ลงทุนลงแรงและตั้งใจมากกับการสร้าง เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นนี้ เมื่อทราบว่าลูกศิษย์นำไปใช้ได้ผลดีในทุกด้านก็รู้สึกดีใจ

             ในอดีตชุมชนย่านวัดสาลีโขขึ้นชื่อว่าเป็นดงนักเลง ถึงกับมีคำพูดกันติดปากว่า “หนังไม่เหนียว ห้ามเที่ยวสาลีโข” ทุกวันนี้หากเซียนพระพูดถึงวัตถุมงคลวัดสาลีโข ก็จะนึกถึงคำพูดประโยคนี้ด้วย

             ลักษณะของเหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญปั๊มใหญ่ รูปสี่เหลี่ยม มีการเขียนอักขระเลขยันต์ไว้จำนวนมากจนเต็มเนื้อที่บนหน้าเหรียญ

             จากการอ่านเรียงแถวของยันต์ที่ปรากฏบนหน้าเหรียญหลวงปู่เผือก พอคาดคะเนได้ว่า “น่าจะเป็นยันต์เฉพาะของหลวงปู่เผือก”

             เหรียญหลวงปู่เผือก วัดสาลีโข รุ่นแรก พิมพ์นิยม ออกจากวัด ปี ๒๕๑๐ เป็นเหรียญที่สวยงาม ทรงคุณค่า และศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นมหาอำนาจแก่ผู้ครอบครอง เป็นที่ยำเกรงแก่คนทั้งหลาย ดังพญาราชสีห์ ไม่รู้จบ อีกทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุด และอยู่ยงคงกระพันเป็นเลิศ เพิ่มพูนอำนาจทั้งบารมีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทุกประการดีเยี่ยม รวมทั้งหมดในเหรียญเดียวอย่างยิ่ง เป็นที่มหัศจรรย์มาก จนมีผู้อยากครอบครองมากมาย

             ด้านหน้าและด้านหลังเหรียญ เป็นอักขระเลขพระมหายันต์เฉพาะของหลวงปู่เผือกอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

             หลวงปู่เผือกนั่งบนหลังสิงห์ อันกึกก้อง รวมทั้งด้านหลังพระยันต์วงเดือนอันวิเศษ เหนือฟ้า เหนือดิน เป็นที่เกรงขามแก่ผู้พบเห็น

             เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นนี้ ปลุกเสกโดยพระอาจารย์สมภพ จากการประทับทรง หลวงปู่เผือกนับเป็นเหรียญดีและขลังมากเหรียญหนึ่งของเมืองนนท์ ประสบการณ์มีมากจนสุดจะบรรยายจนกลายเป็นเหรียญยอดนิยมมานานไม่น้อยกว่า ๔๐ ปี

             สำหรับประวัติของท่านพระครูธรรมโกศล หรือหลวงปู่เผือกนั้น หลวงพ่อสมภพ ท่านได้เมตตาเล่าประวัติว่า

             หลวงปู่เผือก ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือนอ้าย ปีชวด พ.ศ.๒๒๙๙ เป็นชาวกรุงศรีอยุธยา บิดาเป็นชาวจีนที่เดินทางเข้ามาประกอบอาชีพค้าขายในประเทศไทย ส่วนมารดาเป็นคนไทย

             หลวงปู่เผือก บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดพุทไธศวรรย์ สมัยนั้นความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนไทยมีมาก หลวงปู่เผือกจึงได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนแตกฉานตั้งแต่เป็นสามเณร

             ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก โยมบิดามารดาของท่านได้อพยพหลบภัยสงครามจากรุงศรีอยุธยา หลวงปู่เผือกซึ่งขณะนั้นยังเป็นสามเณร ได้ติดตามคอยดูแลโยมบิดามารดา พร้อมกับกลุ่มผู้อพยพจนมาถึงบริเวณสุดแนวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับเกาะเกร็ด

             กลุ่มผู้อพยพจึงตั้งหลักแหล่งพักอาศัยทำมาหากินในบริเวณดังกล่าว มีสำนักสงฆ์เก่าแก่อยู่แห่งหนึ่ง สามเณรเผือกจึงได้จำพรรษาในสำนักสงฆ์นั้น ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น “วัดสาลีโข” ในปัจจุบัน

             ต่อมา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงขับไล่พม่าออกไปจากประเทศไทยได้สำเร็จ และทรงตั้งกรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง

             สามเณรเผือกจึงเดินทางย้อนกลับไปกรุงศรีอยุธยาเพื่อศึกษาวิชาการต่อ พออายุครบบวชท่านจึงเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะแม จ.ศ.๑๑๓๘ (พ.ศ.๒๓๑๙) ได้รับฉายาว่า “ธัมมะโกศล”

             เวลาออกพรรษา หลวงปู่เผือกท่านชอบออกธุดงควัตรเสมอ จนทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านกรรมฐาน และมีวิชาอาคมแก่กล้า เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ถึงแม้ท่านจะมีอายุไม่มากนัก (สหธรรมมิกของท่านที่มีชื่อเสียง คือ สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน)

             สมัยรัชกาลที่ ๑ หลวงปู่เผือกท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากจนเข้าไปถึงหูของบรรดาขุนนาง เจ้านายในวัง ต่างมาหาท่าน เพื่อขอวัตถุมงคล หรือขอให้ท่านลงอักขระเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือต้องการหนังเหนียว ว่ากันว่าท่านทำได้ขลังนัก ทำให้มีลูกศิษย์มาขึ้นกับท่านมาก เรียกได้ว่าในช่วงนั้นวัดสาลีโขเจริญรุ่งเรืองสุดขีด

             สมัยรัชกาลที่ ๔ หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานพระราชทินนามว่า “พระครูธรรมโกศล” ตำแหน่งสังฆปาโมกข์ฝ่ายอรัญวาสี แขวงนนทบุรี และเป็นเจ้าคณะเมืองนนทบุรี

             หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานเรือกันยาหลังคาแดง มีฝีพายเต็มอัตรา เป็นเรือประจำตำแหน่ง สำหรับออกตรวจคณะสงฆ์ในเขตปกครอง

             หลวงปู่เผือก ละสังขารในสมัยรัชกาลที่ ๔ พ.ศ.๒๔๐๕ สิริอายุรวม ๑๐๖ ปี

             (ขอขอบคุณ ข้อมูลและภาพจาก คุณเลิศ สุพรรณ)