พระเครื่อง

วัดเขารูปช้างพุทธคยาแห่ง'ปาดังเบซาร์'

วัดเขารูปช้างพุทธคยาแห่ง'ปาดังเบซาร์'

31 ก.ค. 2558

วัดเขารูปช้างพุทธคยาแห่ง'ปาดังเบซาร์' : ท่องไปในแดนธรรม สุพิชฌาย์ รัตนะ เรื่อง, ภูชิสส์ พิรุณละออง ภาพ

             ครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้หากเอ่ยชื่อ “วัดเขารูปช้าง” ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา อาจฟังคุ้นๆ หูกันอยู่บ้าง ในวันที่เส้นทางมุ่งหน้าสู่วัดกลายเป็นทางผ่านไปยังจุดตั้งแคมป์ของกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญาที่อาศัยเทือกเขาเดียวกันเป็นสถานที่พักพิงจนเป็นข่าวโด่งดังมาแล้ว ท้ายสุดเรื่องค้ามนุษย์ก็เริ่มเงียบหายไป ขณะที่วัดแห่งนี้กลับไม่เงียบเหงา ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปฏิบัติธรรมและท่องเที่ยวไม่ขาดสาย
    
             เจดีย์หินอ่อนตั้งตระหง่านบริเวณเชิงเขาเทือกเขาแก้ว ภายใน “วัดเขารูปช้าง” หมู่ ๖ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ถูกจำลองขึ้นมาจากมหาเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ความสวยงามของหินอ่อนแผ่นใหญ่ถูกเรียงต่อเป็นชั้นๆ กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นดึงดูดให้ผู้คนผ่านไปผ่านมาต้องประหลาดใจและหยุดชื่นชมความสวยงาม ยิ่งเมื่อได้เยื้องกายเข้าไปสัมผัสความเงียบสงบภายในพื้นที่วัด ที่ถูกจัดแบ่งทำเลให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมท่ามกลางธรรมชาติ โดยเฉพาะด้านหลังวัดมีถ้ำขนาดใหญ่เลียบเลาะเป็นทางยาวโค้งไปตามแนวสันแขา บริเวณปากถ้ำเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ห้อมล้อมด้วยหินงอก หินย้อยสร้างความเข้มขลังอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
    
             ยิ่งไปกว่านั้นที่สร้างความแปลกประหลาดใจเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “วัดเขารูปช้าง” ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อพรมแดนไทย-มาเลเซีย ทำให้ “ไกลคนในแต่ใกล้คน” นอกประเทศนั่นเอง
    
             ปัจจุบันวัดเขารูปช้าง มี “พระอธิการโฮชี ฉนฺทโก” เป็นเจ้าอาวาสวัด ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะจากประวัติการสร้างและพัฒนาวัดให้มาอยู่ ณ จุดปัจจุบันได้ ล้วนเกิดมาจากแรงศรัทธาของพระสิงคโปร์อย่าง “พระมงคลญาณคุณ” หรือ “จวงเจีย ยสโร” เจ้าอาวาสวัดเขารูปช้างรูปแรก ที่มรณภาพไปเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
    
             เรื่องเล่าและหลักฐานจากป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนระบุที่มาของการพัฒนาวัดเขารูปช้างทำให้พอทราบโดยสังเขปว่า "ผู้พัฒนาวัดเป็นพระชาวสิงคโปร์ที่เดินธุดงธ์มาในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ และเข้ามาวิปัสสนาที่ถ้ำเขารูปช้างตั้งแต่ปี ๒๕๑๑ จากนั้นก็เริ่มพัฒนาวัดขึ้นจนกลายเป็นที่รู้จักเลื่อมใจของชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงมีชาวสิงคโปร์ที่เป็นลูกศิษย์เข้ามาร่วมสร้างและทำบุญสร้างวัดอย่างต่อเนื่อง จึงกลายเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวกลุ่มชาวต่างประเทศทั้งสิงคโปร์และมาเลเซียที่ส่วนใหญ่จะเข้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ โดยเฉพาะช่วงตรุษจีนที่ส่วนใหญ่จะเข้ามาถือศีล กินเจและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด" คำบอกเล่าจาก “อัมพร มาสีปา” เจ้าหน้าที่ประจำวัดเขารูปช้างที่อยู่มานานร่วม ๒๐ปี
    
             ย้อนเวลากลับไป “วัดเขารูปช้าง” แห่งนี้กลายเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น เมื่อมีการก่อสร้างเจดีย์ที่จำลองมาจากพุทธคยาไว้ที่นี่ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็สร้างเจดีย์เสร็จสมบูรณ์ ด้วยงบประมาณที่ตั้งไว้เบื้องต้น ๕๐๐ ล้านบาท ความงดงามของเจดีย์ที่ซ่อนอยู่ในหุบเขากลายเป็นสิ่งดึงดูดใจให้มีนักปฏิบัติธรรมเข้ามามากยิ่งขึ้น
    
             โดยเฉพาะเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหมดเช่นเดียวกับงานศิลป์ภายในฐานเจดีย์ที่โอ่โถงงดงามมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอย่างเด่นสง่าผนังทุกด้านมีการวาดภาพแฝงด้วยหลักธรรมคำสอนและหนังสือธรรมะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดดึงดูดกลุ่มนักทอ่งเที่ยวต่างประเทศที่แวะเวียนเข้ามาเที่ยวแล้วต่างประทับใจและส่วนใหญ่ก็กลับมาอีก
    
             ส่วนคนไทยที่มาเที่ยวน้อย เพราะวัดตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองหาดใหญ่และสงขลา จึงไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงก็เป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีทั้งไทยพุทธและมุสลิม จึงกลายเป็นที่มาของวัดเขารูปช้างแห่งนี้ที่มีชาวต่างชาติเข้ามามากกว่าคนไทยนั่นเอง
     
             ในแง่ของการท่องเที่ยว “ภาณุ วรมิตร” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ (ททท.หาดใหญ่) ระบุว่า วัดเขารูปช้างเป็นวัดที่มีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปด้วยในตัว แต่เนื่องจากตั้งอยู่ห่างจากเขตชุมชนเมือง โดยต้องเดินทางลัดเลาะผ่านชุมชนไปประมาณ ๑๓ กิโลเมตร ทำให้ไม่เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย
     
             เมื่อเทียบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องลักษณะปากต่อปากตั้งแต่อดีตในยุคที่มีการเริ่มสร้างวัด โดยรูปแบบการท่องเที่ยวจะแบ่งเป็น ๒ กลุ่มชัดเจน กลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มหลักจะเป็นการเข้ามาท่องเที่ยวลักษณะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของทางวัดที่อยากให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง
    
             ส่วนกลุ่มสองเป็นกลุ่มที่เข้ามาชมความสวยงาม ซึ่งในส่วนนี้อาจไม่ได้รับความสะดวกในแง่ของการบริการมากนัก ทำให้รูปแบบการท่องเที่ยวกระจุกอยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งได้บรรจุไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสงขลาแล้ว
    
             “วัดเขารูปช้าง” จึงเป็นทั้งสถานที่ปฏิบัติธรรมที่น่าเลื่อมใสศรัทธา ขณะเดียวกับก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้ที่ได้เข้ามาท่องเที่ยวที่ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา

 ศูนย์รวมจิตใจชาวไทย-จีน

             “วัดเขารูปช้าง” ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของภาคใต้ เป็นวัดจีนอยู่บนเชิงเขา นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนนิยมมากราบไหว้ขอพร อีกทั้งเยี่ยมชมหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ อยู่ห่างจากด่านปาดังเบซาร์เพียง ๑๑ กิโลเมตรเท่านั้นเอง
    
             จุดเด่นที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างสำหรับวัดถ้ำเขารูปช้าง คือ บริเวณวัดที่ค่อนข้างกว้างขวาง มีลำธารน้ำไหลผ่านตรงตามหลักฮวงจุ้ยที่ลำน้ำเปรียบเสมือนความชุ่มเย็นทำให้สถานที่แห่งนั้นไม่มีเรื่องใดๆ อยู่อย่างสงบร่มเย็น สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดเป็นศิลปะสมัยใหม่ ทางเดินเข้าไปในถ้ำสร้างเป็นพื้นปูนพร้อมด้วยสะพานข้ามลำธาร ด้านหน้ามีต้นไทรขนาดใหญ่ ปากทางเข้าถ้ำมีการตกแต่งด้วยหินลักษณะคล้ายกับงวงช้างเพื่อให้สมกับชื่อที่มาของถ้ำด้วย
    
             ลักษณะภายในเป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีหลายคูหาทางเดินปูด้วยหินอ่อนสลับกับกระเบื้อง ส่วนแรกที่เห็นคือที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เมื่อเดินขึ้นไปข้างบนจะมีตู้โชว์หยกมีค่าหลายชิ้นที่แกะสลักอย่างงดงาม พร้อมด้วยพระพุทธรูปปางไสยาสน์ หินงอกหินย้อยเสริมด้วยไฟหลากสีเพื่อให้ภายในถ้ำดูมีมิติน่าสนใจ
    
             "แต้ฝ่อ แซ่จอง" นักท่องเที่ยวและนักปฏิบัติธรรมคนไทยเชื้อสายจีน บอกว่า วัดเขารูปช้างเป็นคล้ายวัดจีนที่มีเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ด้วย การปฏิบัติภายในวัดจะเน้นรับประทานอาหารเจเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ปฏิบัติธรรมที่เน้นการปฏิบัติที่เคร่งครัด ด้วยเหตุนี้จึงแวะมาเที่ยวพักผ่อนที่วัดเขารูปช้างอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความชอบที่เงียบสงบและเป็นสถานปฏิบัติที่ดีเหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง
    
             "ส่วนตัวแล้วได้มีโอกาสเห็นวัดแห่งนี้มาตั้งแต่ครั้งที่เริ่มพัฒนาในยุคแรกๆ จากวัดที่ไม่มีอะไรเลยกระทั่งกลายเป็นวัดที่มีความสวยงามและมีผู้คนศรัทธามากมาย แต่ยังคงยึดวิถีการปฏิบัติธรรมไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ประทับใจและแวะเวียนพาครอบครัวมาเที่ยวทุกครั้งที่มีโอกาสซึ่งส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบ"