
ที่มาการสร้างพระคง ลำพูน พระเนื้อดินเผาอายุ๑,๒๐๐ปี(๒)
ที่มาการสร้างพระคง ลำพูน พระเนื้อดินเผาอายุ๑,๒๐๐ปี(๒) : ปกิณกะพระเครื่อง โดย...ตาล ตันหยง
ต่อจากตอนที่แล้ว ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า พระคง, พระบาง และพระเปิม ถือว่าเป็นพระเครื่องที่มีรูปแบบทรงพิมพ์, ธรรมชาติเนื้อพระ และสีพระ ที่หลากหลายมากที่สุดพระเครื่องหนึ่งในบรรดาพระเครื่องทั้งหมด กล่าวคือ มีทั้งฟอร์มพิมพ์ตั้งตรงและบิดเบี้ยว มีทั้งฟอร์มพิมพ์อ้วนล่ำและลีบหดเล็ก มีทั้งประเภทติดหน้าตาและไม่ติดหน้าตา (ทั้งที่ไม่ผ่านการใช้มาก่อน) มีทั้งประเภทเนื้อละเอียดและเนื้อออกโซนหยาบ และเป็นพระเครื่องที่มีหลากหลายโทนสี...อาทิ สีขาว สีพิกุล สีเขียว (สีเขียวคราบเหลือง สีเขียวคราบแดง สีเขียวหินครก (หายากมาก) สีแดง (หายากมาก) สีดำ (หายากมาก)...ซึ่งวันนี้ได้โชว์ภาพ พระคง ลำพูน หลากหลายฟอร์มและหลากหลายสีให้ชมพร้อมๆ กัน ๕ องค์ ดังองค์โชว์ที่ ๑ ถึง ๕ เพื่อประกอบเนื้อหาที่นำเสนอเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามง่ายขึ้น
องค์โชว์ที่ ๑ และ ๒ เป็น พระคงดำ ที่หาชมได้ยากที่สุด องค์โชว์ที่ ๓ เป็น พระคงเขียวหินครก ที่หาชมได้ยากที่สุด พอๆ กับ พระคงดำ
องค์โชว์ที่ ๔ และ ๕ เป็น พระคงเขียวเนื้อผ่าน และ พระคงเขียวคราบแดง ทั้งหมดเป็นพระสภาพสวยสมบูรณ์และแท้ดูง่ายเป็น พระองค์ครู ได้เลย
จากที่เกริ่นนำข้างต้น ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช ได้บ่งชี้ถึงความหลากหลายที่ว่านี้เกิดจากหลายสาเหตุ สรุปเป็นประเด็นหลักที่พอสันนิษฐานจากความน่าจะเป็นได้ดังนี้
๑. การที่เอาองค์ต้นแบบที่แกะจากหินไปกดบนแผ่นดินดิบนั้น ทำกันหลายคน ซึ่งแต่ละคนอาจกดแรงหรือกดเบา แม้จะเป็นคนๆ เดียวกัน เมื่อกดพิมพ์ไปนานๆ อาจเมื่อยล้า ส่งผลให้น้ำหนักการกดพิมพ์ต่างกันโดยปริยาย ส่งผลทำให้ขนาดเบ้าพิมพ์มีมิติที่แตกต่างกันตั้งแต่ต้นในชั้นแรก
๒.จากข้อแรก เมื่อได้แม่พิมพ์เว้าหรือเบ้าพิมพ์ซึ่งทำจากดินดิบแล้ว (ซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวนมากพอสมควร) เมื่อนำไปเผาไฟเพื่อเพิ่มความแกร่ง แต่อาจกระทำในสภาวะที่แตกต่างกัน เช่น ปริมาณความร้อนที่ใช้เผาเบ้าพิมพ์แต่ละอันไม่เท่ากัน หรือไม่สม่ำเสมอกัน หรือ การเผาเบ้าพิมพ์แต่ละอันที่ใช้ระยะเวลาที่ต่างกัน ส่งผลต่อการแห้งตัวและหดตัวของเบ้าพิมพ์นี้ นั่นคือ ทำให้ขนาดเบ้าพิมพ์ที่เผาขั้นสุดท้าย มีมิติที่แตกต่างกันอีกคำรบหนึ่ง
๓.จากข้อ ๒ เมื่อได้แม่พิมพ์เว้าหรือเบ้าพิมพ์ที่ผ่านการเผาเพื่อเพิ่มความแกร่งแล้ว จะถูกนำมากดเนื้อดินดิบลงในเบ้าพิมพ์นี้ด้วยมือ ซึ่งทำกันหลายคนเช่นเดียวกับข้อแรก คือ แต่ละคนอาจกดแรงหรือกดเบา แม้จะเป็นคนๆเดียวกัน เมื่อกดพิมพ์ไปนานๆ อาจเมื่อยล้า ส่งผลให้น้ำหนักการกดพิมพ์ต่างกันโดยปริยาย ส่งผลให้ขนาดหรือมิติขององค์พระแตกต่างกันอีกชั้นหนึ่ง
นอกจากนี้ การนำเนื้อดินดิบมาจากคนละแหล่ง ทำให้ความละเอียดหยาบที่ต่างกัน (หรือความหนาแน่นที่ต่างกัน) ตั้งแต่ต้น เมื่อนำมากดพิมพ์ แม้ว่าคนกดพิมพ์คนเดียวกันก็ย่อมทำให้ได้องค์พระที่มีมิติต่างกันได้
๔.กระบวนการสุดท้าย คือ การนำองค์พระดินดิบไปใส่ภาชนะเพื่อเตรียมเผาไล่ความชื้น เพิ่มความแกร่ง ขั้นตอนนี้ มีหลายข้อ สันนิษฐานในเตรียมการ อาทิ การนำเอาองค์พระดินดิบจำนวนมากใส่ในไหภาชนะดินเผาในแต่ละไห แล้วนำเข้าไปอบในเตาอบร้อนที่สุมไฟไว้ หรือนำไหภาชนะดินเผาที่บรรจุองค์พระดินดิบที่ว่านี้ไปวางบนแคร่ไม้แล้วสุมไฟไว้ด้านล่าง
ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม การแห้งตัวของพระแต่ละองค์ในไหภาชนะดินเผาย่อมต่างกัน กลุ่มองค์พระที่อยู่ใกล้แหล่งความร้อนมากสุด ย่อมแห้งและหดตัว (เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสภาพขององค์ประกอบเนื้อวัสดุก็ต้องเป็นไปตาม) มากกว่ากลุ่มองค์พระที่อยู่ตำแหน่งอื่น
นอกจากนี้ ระยะเวลาการเผาไล่ความชื้นนี้ที่ต่างกัน (เนื่องจากอาจมีการทำคนละกลุ่ม) ก็ทำให้เกิดการแห้งตัวและหดตัวขององค์พระได้เช่นกัน
กล่าวโดยสรุปอีกครั้งได้ว่า ความน่าจะเป็นของข้อ ๑-๔ ส่งผลทำให้เราเห็นองค์พระหลากหลายมิติขนาด และหลากหลายสีตามที่กล่าวข้างบน ซึ่งการวิเคราะห์เชิงกายภาพแล้วถือว่า มีความซับซ้อนพอสมควร
อย่างไรก็ตาม สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะเป็น พระคง องค์ไหนก็ตาม ล้วนมาจากองค์ต้นแบบที่แกะจากหินดังที่เคยกล่าวไว้แล้ว ก่อให้เกิดตำหนิจุดสังเกตหลักของ พระคง ทุกองค์เหมือนกัน เช่น ตำแหน่งใบโพธิ์ ๒ ก้าน เป็นต้น
และที่สำคัญเหมือนกันทุกกรุอีกด้วย แต่จุดสังเกตที่ว่านี้อาจติดชัดบ้าง, ติดไม่ชัดบ้าง หรือไม่ติดเลยในบางจุด ก็เป็นไปได้ ด้วยเหตุผลตามที่อธิบายใน ๔ ข้อข้างต้นนี้
และประการสุดท้าย ที่จะละเว้นไม่กล่าวไม่ได้เลย คือ องค์พระที่ผ่านกระบวนการสร้างสำเร็จแล้ว หรือปลุกเสกแล้ว จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมต่าง เช่น บรรจุกรุ หรือการนำไปห้อยแขวนติดตัว รวมทั้งการนำไปสักการบูชาในลักษณะอื่นๆ
กิจกรรมและสิ่งแวดล้อมที่ต่างกันนี้ อีกทั้งกาลเวลาผ่านมาร่วมพันปี ย่อมทำให้องค์พระนับหมื่นๆ องค์นี้ แปรสภาพไปตามธรรมชาติได้ด้วย ก่อให้เกิดสภาพองค์พระที่หลากหลาย ตามที่เราเห็นกันนั่นเอง
ขอขอบพระคุณ ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ที่ให้ข้อมูลประกอบในบทความนี้ และภาพพระคง ทั้งหมด