
ทัวร์ย้อนรอยเยี่ยมบ้านจตุคามฯการประทับทรงจตุคามรามเทพ
ทัวร์ย้อนรอยเยี่ยมบ้านจตุคามฯการประทับทรงจตุคามรามเทพรอบหลายๆ ปี : ท่องไปในแดนธรรม เรื่องและภาพไตรเทพ ไกรงู
โครงการจัดสร้างเทวาลัยจตุคามรามเทพนาคปรก ๙ เศียร องค์ใหญ่ที่สุดในโลกและงดงามที่สุดในโลก ดำเนินการโดย พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล หนึ่งเดียวในแผ่นดินที่อัญเชิญองค์จตุคามรามเทพประทับทรงได้ ผู้สร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช ณ ริมฝั่งแม่น้ำกุยบุรี ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสถานสถิตของเจ้าแม่นางพญา องค์จตุคามรามเทพ และทวยเทพทั้งหลาย เหนือผืนแผ่นดินเมืองกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือผู้มีความทุกข์ดังคำพูดที่ว่า “ขอได้ ไหว้รับ เข้าถึง พึ่งได้”
หลักการของเทวาลัยจตุคามรามเทพ ที่ พล.ต.ท.สรรเพชญ ตั้งไว้ คือ ทำหน้าที่เปิดเผยความจริงทั้งหลายให้ทุกคนรับรู้ ไม่โกหกมดเท็จ ไม่หลอกลวงต้มตุ๋น ไม่เรียกรับผลประโยชน์ โดยกิจกรรมหนึ่งที่เทวาลัยจตุคามรามเทพจัดมาอย่างต่อเนื่อง คือ งานบรรยายพิเศษ "ความรู้สู่ความจริงแท้จตุคามรามเทพ จากหลักเมืองนครศรีธรรมราชสู่เทวาลัยจตุคามรามเทพ" ทั้งนี้ระหว่างวันที่ ๓-๖ เมษายน ๒๕๕๘ ได้มีการจัด "ทัวร์ย้อนรอยเยี่ยมบ้านจตุคามฯ (นครศรีธรรมราช)" โดยเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๘ พล.ต.ท.สรรเพชญ ได้ประกอบพิธีอัญเชิญองค์เจ้าแม่นางพญา องค์จตุคามรามเทพ ณ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช
การประทับทรงองค์จตุคามรามเทพครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของปี และน่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่จตุคามฯ สู่ยุคที่เรียกว่า "ขาลง" ไม่ปรากฏว่ามีการประทับทรงและมีการสร้างจตุคามฯ เว้นแต่ศิษย์เทวาลัยจตุคามรามเทพที่ยังมีพลังศรัทธาที่ยังคงมั่น
ศาลหลักเมืองนครฯ ถือเป็น ๑ ใน ๒ สถานที่สำคัญที่บรรดาเกจิเชื่อกันว่าถ้าองค์จตุคามฯ ได้ผ่านพิธีกรรมที่นี่ก็จะสร้างความเข้มแข็งศักดิ์สิทธิ์ให้แก่วัตถุมงคลมากขึ้น ส่วนอีกหนึ่งสถานที่จะเป็นที่ใดนั้นเราขออุบไว้ก่อน
ศาลหลักเมืองนครฯ แห่งนี้ดูสวยงามทั้งข้างนอกและข้างใน ด้านนอกประกอบไปด้วยอาคาร ๕ หลัง มีอาคารประธานเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมือง ออกแบบเป็นทรงเหมราชลีลาในศิลปะศรีวิชัย มีอาคารเล็กทั้งสี่หลัง เป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยศาลพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระพรหมเมือง และศาลพรบันดาลเมือง
ด้านในอาคารประธานเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมืองทำจากไม้ตะเคียนทอง มีการแกะสลักลวดลายต่างๆ อย่างสวยงามไล่ตั้งแต่ส่วนฐานขึ้นไปเป็นวงรอบเก้าชั้น จำนวน ๙ ลาย ส่วนยอดหลักเมือง แกะสลักเป็นรูปพรหมสี่หน้าใหญ่และเล็กชาวนครต่างเชื่อกันว่าพรหมสี่หน้านี้ก็คือ องค์จตุคามรามเทพผู้ปกปักรักษาเมืองนครศรีธรรมราชนั่นเอง และไม่ว่าชาวนครจะอยู่ทิศไหนก็ต้องเกรงกลัวต่อการทำบาป เพราะเทวดาท่านมองเราอยู่ ส่วนเหนือสุดของเสาหลักเมืองเป็นเปลวเพลิงยอดพระเกตุที่เปรียบยอดหลักชัยของเมืองนคร
ทั้งนี้ในวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจิมยอดหลักชัยเมืองนครฯ (พร้อมด้วยหลักเมืองชัยนาทและศรีสะเกษ) อันถือเป็นมหามงคลสูงสุดที่ยังความปลื้มปีติให้กับชาวนครเป็นอย่างมาก
สำหรับความสำคัญของวัดมหาธาตุที่เกี่ยวข้องกับองค์จตุคามฯ ก็คือ นี่คือสถานที่ที่มีรูปปั้นขององค์จตุคามรามเทพประดิษฐานอยู่ในวิหารทรงม้า บริเวณหน้าประตูบันไดทางขึ้นสู่องค์พระมหาธาตุเจดีย์ ที่แบ่งเป็น ๒ องค์ด้วยกันคือ องค์ซ้าย (มองจากทางขึ้น) คือท้าวจตุคามที่หินจารึกเขียนว่า “เท้าขัตตุคาม”
ส่วนองค์ขวาคือท้าวรามเทพหรือที่หินจารึกเขียนว่า “เท้ารามเทพ” ทั้ง ๒ องค์ ถือเป็นเทพผู้คอยปกปักรักษาองค์พระมหาธาตุเจดีย์และพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเดิมนั้นดูเหมือนว่าเวลาคนไปสักการะองค์พระมหาธาตุเจดีย์จะไม่ค่อยสนใจเทพทั้งคู่เท่าไหร่ แต่เมื่อเกิดปรากฏการณ์จตุคามขึ้น เทพทั้ง ๒ องค์ก็มีผู้คนเดินทางไปสักการะบูชา ขอพรกันไม่ได้ขาด
อย่างไรก็ตามในวันเสาร์ที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๔๙ น.เป็นต้นไป พล.ต.ท.สรรเพชญ จะทำพิธีอัญเชิญองค์จตุคามรามเทพ ประทับร่างทรงทำพิธีไหว้ครู เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ต่อองค์จตุคามรามเทพเพื่อได้รับความคุ้มครอง ในฐานะลูกหลานดุจเครือญาติขององค์จตุคามรามเทพ สำหรับผู้ที่มาร่วมในงานพิธีครั้งนี้ทุกท่านจะได้รับแจกวัตถุมงคล จากร่างทรงองค์จตุคามรามเทพ และร่วมจับแจกรางวัลวัตถุมงคลหลักเมืองตั้งแต่รุ่นแรกปี ๒๕๓๐ ถึงรุ่นปัจจุบัน ทางเทวาลัยจตุคามรามเทพ มีบริการอาหารและน้ำดื่มฟรีสำหรับผู้มาร่วมงานทุกท่าน ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่คุณโจ โทร.๐๘-๑๔๓๔-๗๓๒๘
ร่วมบุญสร้างพระสีวลีองค์ใหญ่วัดเทพประสิทธิ์
วัดเทพประสิทธิ์ หมู่ ๘ เขื่อนปราณบุรี ต.หนองตาแต้ม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีพระอาจารย์พริ้ง ยติโก เป็นเจ้าอาวาส โดยขณะนี้ท่านกำลังก่อสร้าง "พระสีวลีองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย" สูงถึง ๑๙ เมตร ซึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าอาวาสวัดและฆราวาสที่ต้องการให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนกับศาสนา
พระสีวลีเถระ หรือ พระสีวลี เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัคคะของพระพุทธเจ้า นับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก ๘๐ องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล เป็นพระโอรสของพระนางสุปปวาส ผู้เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงโกลิยะ อยู่ในพระครรภ์ถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน เมื่อทรงพระครรภ์ทำให้พระมารดาสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะมาก เมื่อประสูติก็ประสูติง่าย ด้ายพุทธานุภาพที่พระราชทานพรว่า "ขอพระนางสุปปวาสาจงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชบุตรผู้ไม่มีโรคเถิด"
เมื่อประสูติและพระประยูรญาติขนานถวายพระนามว่า สีวลีกุมาร ในวันที่นิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหารตลอด ๗ วัน สีวลีกุมารก็ได้ถือธมกรกรองน้ำถวายพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ตลอด ๗ วัน เมื่อเจริญวัย ท่านได้ออกผนวชในสำนักพระสารีบุตร ได้บรรลุอรหันตผลในเวลาปลงเกศาเสร็จ จากนั้นมาท่านสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะไม่ขาดด้วยปัจจัย ๔ ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ให้เป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทาง ผู้มีลาภมาก
ทั้งนี้คนไทยมีคติความเชื่อว่าผู้ใดได้บูชาพระสีวลีเถระแล้ว จะได้รับโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา โดยในสมัยพุทธกาลก็คือ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเกิดในตระกูลพ่อค้ามีนามว่า สุภาวดี นางได้เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา และนับถือพระสีวลีเถระเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากแม่นางได้ฟังธรรมจนลึกซึ้ง พระสีวลีก็ให้ศีลและให้พรว่า "จงเจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์สิน เงินทองจากการค้าขาย เงินทองไหลมาเทมาสมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเถิด" หลังจากที่นางสุภาวดีได้รับพรจากพระสีวลีเถระแล้ว ไม่ว่านางและผู้เป็นบิดามารดาจะไปค้าขายที่ใด ก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีแต่กำไรหลั่งไหลเข้ามาทุกครั้งไป ซึ่งนางสุภาวดีนั้นได้เป็นที่รู้จักของคนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือนางกวักนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ พระอาจารย์พริ้ง ได้จัดพิธีเททองหล่อพระอุระ (ช่วงอก ) หลังจากที่ได้ทำพิธีเททองหล่อเศียรพระไปแล้วก่อนหน้านี้ และในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายนนี้ทางวัดได้จัดให้มีพิธีทอดกฐินสามัคคีและบูชาครู จึงขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อองค์ประกอบส่วนอื่นๆ อีก ๑๙ ชิ้น ได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชื่อบัญชี วัดเทพประสิทธิ์ เลขที่บัญชี ๖๑๒-๒๓๐๖๗๗-๘ ติดต่อทำบุญได้ที่พระอาจารย์ พริ้ง โทร.๐๘-๙๖๘๕-๔๔๒๘