พระเครื่อง

พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ฝีมือและผลงานของ‘พระเทพประสิทธิมนต์’

พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ฝีมือและผลงานของ‘พระเทพประสิทธิมนต์’

10 เม.ย. 2558

พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ฝีมือและผลงานของ‘พระเทพประสิทธิมนต์’ : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ฝีมือและผลงานของ‘พระเทพประสิทธิมนต์’

             พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ สวนพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี   ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางขึ้นน้ำตกสาริกา บนพื้นที่ ๕๓ ไร่ แวดล้อมด้วยภูเขา มีสายน้ำไหลผ่านเมื่อเข้าไปในสถานที่แห่งนี้เราจะได้เห็นพระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ขนาดใหญ่เด่นเป็นสง่าหน้าตัก ๙ เมตร สูง ๑๓.๕ เมตร เป็นตัวแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

             บริเวณโดยรอบมีการสร้างพุทธสาวกขนาดหน้าตัก ๙๐ ซม. อีกจำนวน ๑,๒๕๐ องค์ เป็นตัวแทนพุทธสาวกแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญเมื่อครั้งพุทธกาล กล่าวคือ เป็นวันจาตุรงคสันนิบาต หรือวันประชุมใหญ่อันประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

             ๑.พระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นพุทธสาวกจำนวน ๑,๒๕๐ องค์ มาชุมนุมพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย

             ๒.พระพุทธสาวกเหล่านี้ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ เป็นผู้ที่พระพุทธองค์ทรงประทานการอุปสมบทด้วยพระองค์เอง

             ๓.พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์

             ๔.วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ คือพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
  
             “ในวันดังกล่าวพระผู้มีพระภาคได้ทรงประกาศหลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนาเหมือนรัฐธรรมนูญที่ใช้เป็นแม่บทสำคัญสูงสุดของประเทศ หลักธรรมสำคัญของพุทธศาสนา คือ การแสดงโอวาทปาติโมกข์ เป็นประกาศหลักธรรมสำคัญอันเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อนำไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประกอบด้วยหลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ และวิธีการ ๖ ที่นี่จึงเหมือนเป็นตำราเรียนประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาเล่มใหญ่สำหรับผู้สนใจ นักเรียน นักศึกษา ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศที่เกิดขึ้นจริงเมื่อครั้งพุทธกาลที่ไม่มีประเทศใดสร้างมาก่อน” นี่เป็นเหตุผลของพระเทพประสิทธิมนต์

             ปัจจุบันพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ ต้นไม้รอบบริเวณดังกล่าวกำลังเติบโตให้ความร่มเงา มีสายน้ำจากน้ำตกสาริกาไหลรินผ่านมาให้ความร่มเย็น มีภูเขายิ่งใหญ่มั่นคงล้อมรอบ จึงได้มีการสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ๑ หลัง ข้างในจะมีพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน และในอนาคตจะสร้างศาลาปฏิบัติธรรมเพิ่ม สร้างโบสถ์ เพื่อยกฐานะป็นวัดในอนาคตอันใกล้นี้

             พุทธศาสนิกชนสามารถใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ สามารถเดินทางมาสักการะหรือเวียนเทียนที่พุทธอุทยานมาฆบูชาได้ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.๐๘-๑๙๐๖-๖๙๗๔ และ ๐๘-๘๔๐๐-๙๐๐๑-๘

ห่มผ้าเจดีย์ตามปีเกิด

             ความเชื่อเรื่องไหว้หรือห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ประจำปีนักษัตร เชื่อกันว่าเป็นมงคลแก่ชีวิต มีอานิสงส์สูงและจะทำให้มีอายุยืนนาน รวมถึงเชื่อว่าหากสิ้นชีพไปดวงวิญญาณจะได้กลับไปยังพระธาตุองค์นั้น ไม่ต้องเร่ร่อนไปในทุคคติภพอื่นๆ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้เองที่แพร่หลายไปสู่หลายๆ พื้นที่ของประเทศ

             การเดินทางไปสักการะพระเจดีย์แต่ละองค์ในสมัยโบราณนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากการเดินทางที่ยากลำบาก จำเป็นต้องใช้ความวิริยะและอุตสาหะอย่างสูง ดังนั้นในการสร้างพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ พระเทพประสิทธิมนต์ จึงได้สร้างพระธาตุเจดีย์จำลองไว้ครบทั้ง ๑๒ ปีนักษัตร ประกอบด้วย

             ปีชวด เป็นปีแรกของปีนักษัตร มีสัญลักษณ์เป็นหนู พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุศรีจอมทอง แห่งวัดพระธาตุศรีจอมทอง ตั้งอยู่ ณ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

             ปีฉลู มีลักษณะทางสัญลักษณ์เป็นรูปวัว พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุลำปางหลวง ตั้งอยู่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง

             ปีขาล มีสัญลักษณ์เป็นรูปเสือ พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุช่อแฮ แห่งวัดพระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่

             ปีเถาะ มีสัญลักษณ์เป็นรูปกระต่าย พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุแช่แห้ง แห่งวัดพระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน

             ปีมะโรง มีสัญลักษณ์เป็นงูใหญ่ พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุพระสิงห์ แห่งวัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

             ปีมะเส็ง มีสัญลักษณ์เป็นงูเล็ก พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระมหาเจดีย์พระพุทธคยา ประเทศอินเดีย

             ปีมะเมีย มีสัญลักษณ์เป็นรูปม้า พระธาตุประจำปีเกิด คือ  พระธาตุชเวดากอง แห่งเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า

             ปีมะแม มีสัญลักษณ์เป็นรูปแพะ พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุดอยสุเทพ แห่งวัดพระธาตุดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

             ปีวอก มีสัญลักษณ์เป็นรูปลิง พระธาตุประจำวันเกิด คือ พระธาตุพนม แห่งวัดพระธาตุพนม อ.นครพนม จ.นครพนม

             ปีระกา มีสัญลักษณ์เป็นรูปไก่ พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุหริภุญชัย แห่งวัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน

             ปีจอ มีสัญลักษณ์เป็นรูปสุนัข พระธาตุประจำปีนี้เดิมเป็นพระธาตุจุฬามณี ซึ่งเชื่อกันว่าจะประดิษฐานอยู่บนสวรรค์

             ปีกุน มีสัญลักษณ์เป็นรูปสุกร พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุดอยตุงแห่งวัดดอยตุง อ.ดอยตุง จ.เชียงราย

             นอกจากนี้แล้วในวันตรุษและวันสงกรานต์ ซึ่งช่วงเทศกาลสำคัญเป็นการเฉลิมฉลองการเปลี่ยนศักราช พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ ได้จัดให้มีประเพณีก่อพระเจดีย์ทราย โดยคนไทยผูกโยงประเพณีนี้เข้ากับคติความเชื่อเรื่องเวรกรรมในพระพุทธศาสนา มีการก่อพระเจดีย์ทรายถวายวัดเพื่อนำเศษดินทรายที่ติดเท้าออกจากวัดไปมาคืนวัดในรูปพระเจดีย์ทราย และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้เป็นกุศลอานิสงส์


เจ้าคุณนักพัฒนา นักสังคมสงเคราะห์

             พระเทพประสิทธิมนต์ เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามราชวรวิหาร บางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. แม้จะเป็นท่านเจ้าคุณแล้ว แต่ลูกศิษย์ก็ยังเรียก "หลวงพ่อเณร" หรือ "เจ้าคุณเณร" โดยตลอดชีวิตที่บวชมา ท่านเป็นพระที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่พุทธศาสนามากมายอย่างต่อเนื่อง โดยท่านได้สร้างวัดไว้หลายแห่ง สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล เป็นผู้นำศรัทธาในการถวายที่ดินสร้างมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างอุทยานพระพิฆเนศ รวมทั้งบริจาคปัจจัยตั้งกองทุนบำรุงรักษาพุทธมณฑล โดยใช้ชื่อว่า “พระราชพิพัฒน์โกศล” ประมาณ ๒๕ ล้านบาท

             ส่วนแนวคิดในการก่อสร้างวัด โรงเรียน โรงหมอ และเทพ นั้น หลวงพ่อเณร บอกว่า การสร้างวัดเป็นการบูชาคุณของพระพุทธ พระธรรม และเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ กล่าวคือ โบสถ์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า การสร้างศาลาการเปรียญเพื่อเป็นที่แสดงธรรมของพระพุทธเจ้า ส่วนกุฏิพระเพื่อเป็นที่อยู่ที่พักของพระสงฆ์สามเณร ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ผู้ที่จะนำพาพระธรรมสู่พุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนา

             ในขณะที่การสร้างโรงเรียน ถือเป็นการให้การศึกษาสงเคราะห์ ซึ่งมีคำโบราณของพระรูปหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า พระเราแย่งข้าวลูกชาวบ้านมาฉัน แทนที่จะหุงข้าวให้ลูกกินเพียงคนเดียว แต่ด้วยจิตสำนึกของความที่เป็นชาวพุทธ ก็ต้องนำข้าวส่วนหนึ่งมาใส่บาตรถวายพระ เพื่อสืบทอดพระศาสนา เมื่อพระมีบารมีสามารถเรียกศรัทธาชาวบ้านได้ ก็ต้องสร้างสาธารณประโยชน์คืนกลับสู่ชาวบ้าน และการให้ที่ถือว่าเป็นทานสูงสุดอย่างหนึ่งคือให้การศึกษา เมื่อลูกชาวบ้านมีการศึกษาสามารถประกอบสัมมาอาชีพได้ เมื่อเติบโตมีกำลังก็กลับมาช่วยเหลือวัดคืนสู่พระพุทธศาสนา

             ส่วนการสร้างโรงพยาบาลนั้น หลวงพ่อเณรบอกว่า การสร้างโรงพยาบาลเป็นมหาทานอย่างหนึ่ง เพราะทุกคนต้องเป็นไปตามโลก คือ มีเกิด แก่ เจ็บป่วย ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก่อนตายนั้นก็ต้องเจ็บป่วย ซึ่งต้องพึ่งหมอพึ่งโรงพยาบาล หากมีสถานที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้ญาติโยมได้รับการรักษาคนให้หายเจ็บไข้ได้ป่วย เท่ากับว่าเป็นการรักษาชีวิตของคน