พระเครื่อง

ผู้ต้องขังใฝ่ธรรม!เรือนจำเปิดสอนบาลี-อภิธรรม

ผู้ต้องขังใฝ่ธรรม!เรือนจำเปิดสอนบาลี-อภิธรรม

06 เม.ย. 2558

ผู้ต้องขังใฝ่ธรรม!เรือนจำเปิดสอนบาลี-อภิธรรม : สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาโทสันติศึกษา มจร รายงาน

             ผู้ทำความผิดกฎหมายเมื่อศาลตัดสินจำคุกตามโทษของการกระทำแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมที่ดูแลเรือนจำจะต้องดูแลผู้ต้องขังตามแนวทางที่กฎหมายกำหนด โดยมีเป้าหมายฝึกให้เขากลับตัวกลับใจสำนึกผิด เมื่อหมดโทษแล้วจะได้เป็นพลเมืองดีของสังคมต่อไป

             สำหรับแนวทางของการฝึกนั้นนอกจากจะการเป็นฝึกทางด้านร่างกายฝึกแนวทางการประกอบอาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือจะต้องฝึกทางด้านจิตใจว่าจะอย่างไรจะทำให้เขาสำนึกผิดแล้วไม่กระทำความผิดซ้ำอีก แนวทางหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยในการฝึกจิตนั้นก็คือนำหลักธรรมของศาสนาเข้ามามีส่วนช่วย

             ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ เรือนจำต่างๆก็มีการจัดกิจกรรมนิมนต์พระไปเทศน์อบรมจิตใจให้กับผู้ต้องขัง  ซึ่งก็มีแนวทางแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์เองก็มีเจ้าหน้าที่ด้านการอบรมด้านจิตใจเป็นการเฉพาะนั่นก็คือตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ประจำกรมราชทัณฑ์ซึ่งก็จะมีการรับบุคคลที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง

             นอกจากนั้นกรมราชทัณฑ์ยังมีการเปิดสอนภาษาบาลีในเรือนจำด้วย ทั้งนี้เพื่อให้นักโทษได้เข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับมหาบาลีวิชชาลัยภายใต้การบริหารของพระราชปริยัติโมลี  เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร  เจ้าคณะเขตบางกอกใหญ่, รองเจ้าคณะภาค 9 (ขอนแก่น, มหาสารคาม, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด) ซึ่งเปิดการเรียนการสอนมาหลายปีแล้วและมีการขยายไปตามเรือนจำจังหวัดต่างๆ

             เพื่อเป็นการเพิ่มความเข้มข้นในการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาให้มากยิ่งขึ้น กรมราชทัณฑ์มีนโยบายในการเปิดการเรียนการสอนวิชาการด้านพระพุทธศาสนาให้มากยิ่งขึ้นจึงได้ร่วมมือกับมหาบาลีวิชชาลัยเปิดการเรียนการสอนภาษาบาลี อภิธรรม และมหาสติปัฏฐานขึ้น โดยจะมีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เรื่อง "การเปิดสอนภาษาบาลี อภิธรรม และมหาสติปัฏฐานภาวนาสำหรับผู้ต้องขัง"  ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กับ มหาบาลีวิชชาลัย ในวันพฤหัสบดีที่ 9  เมษายน 2558 เวลา 13.00 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ในการนี้ยังมีหน่วยงานประกอบด้วยมหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย และสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ฯร่วมในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ด้วย

             ทั้งนี้มหาบาลีวิชชาลัย และกรมราชทัณฑ์ มีเจตนาปณิธานแน่วแน่มั่นคงปรารถนาให้พระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแพร่หลายมั่นคงยาวนาน อำนวยประโยชน์สุขแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ จึงมีความเห็นชอบร่วมกันในการเปิดสอนภาษาบาลี อภิธรรมและมหาสติปัฏฐานภาวนา อันเป็นแก่นพุทธธรรมรากฐานสำคัญสูงสุดสำหรับผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ศึกษาอบรม พัฒนา ปรับเปลี่ยนทัศนคติและวิถีชีวิตของตนเองตามหลักวิธีไตรสิกขาทางพระพุทธศาสนา อันจะนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ถูกต้องดีงามสืบไป

             กรมราชทัณฑ์ มีหน้าที่ความรับผิดชอบดังนี้ 1. อำนวยความสะดวกด้านบุคลากร สถานที่ ห้องเรียน และผู้เรียน (ผู้ต้องขัง) เพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาหลักสูตรภาษาบาลี อภิธรรมและมหาสติปัฏฐานภาวนา ให้แก่ผู้ต้องขัง 2. อำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัยให้แก่บุคลากรของมหาบาลีวิชชาลัย ที่เข้าไปดำเนินการจัดการเรียนการสอนในเรือนจำ/ทัณฑสถาน และกำกับดูแลกระบวนการจัดการเรียนรู้ และการพัฒนาผู้เรียน (ผู้ต้องขัง) ให้เหมาะสม  3. ประสานงานการจัดการศึกษา การอบรม การพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง และกิจกรรมความร่วมมืออื่น ๆ ร่วมกับมหาบาลีวิชชาลัย เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

             ทั้งนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสสั่งว่า  "ขอให้ช่วยจัดการเรียนการสอนแบบนี้ต่อ ๆ ไป ถ้าขยายห้องเรียนได้ก็เพิ่มรุ่นใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ขยายไปเรือนจำจังหวัดอื่น ๆ ด้วยยิ่งดี วิธีนี้น่าจะได้ผลดีกว่าเรียนหนังสือเฉย ๆ เพราะอันนี้เป็นแนวบูรณาการ ทำให้เขาเห็นว่า พระพุทธศาสนาช่วยพัฒนาและแก้ไขชีวิตได้จริง ๆ"

             ครั้งเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปิดห้องสมุดพร้อมปัญญา ณ เรือนจำกลางบางขวาง อ.เมือง จ.นนทบุรี วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2557 เมื่อคณาจารย์มหาบาลีวิชชาลัยได้กราบบังคมทูลถวายรายงานเรื่อง "การเปิดสอนภาษาบาลี อภิธรรม และมหาสติปัฏฐานภาวนาสำหรับผู้ต้องขัง"  ณ เรือนจำกลางบางขวาง