
อาหารทิพย์
อาหารทิพย์ : บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร
จะปาตี กับ ดาล เป็นอาหารที่ชาวอินเดียรับประทานทุกวัน วันนี้ชายหนุ่มคนขับรถเชิญทุกคนมารับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน ทางเข้าบ้านเป็นซอยเล็กๆ มีมูลโค มูลควายเป็นระยะๆ เดินเข้าไปประมาณ ๓๐๐ เมตรจากถนนหลัก เมื่อไปถึงได้พบควายสองตัวยืนต้อนรับอยู่หน้าบ้าน เป็นบ้านหลังเล็กๆ มีห้องนอนพ่อ แม่ของเขา ๑ ห้อง มีห้องนอนสำหรับเขา ภรรยาลูกอีก ๒ คนหนึ่งห้อง เขาต้องนอนกับพื้น โดยภรรยาและลูกน้อยนอนบนเตียง
ห้องสำหรับควายนอนอยู่ตรงกลาง ระหว่างห้องนอนของเขาและพ่อแม่ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าห้องทั้งสองเล็กน้อย เขาเชื้อเชิญให้พวกเรานั่งรับประทานอาหารบนเตียงนอนพ่อแม่ของเขา เพราะนั่นถือว่าเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา แต่พวกเรามี ๖ ชีวิตทำให้ห้องแคบมากๆ เราจึงขออนุญาตรับประทานบนดาดฟ้าซึ่งเป็นที่ทำกับข้าว เก็บฟาง ตากข้าวเปลือก อากาศด้านบนโปร่ง โล่ง สบาย เมื่อได้เวลา จานที่ทำด้วยใบไม้ ดาล (ถั่วซีกต้มกับผงกะหรี่) จาวัล (ข้าวสุก) ถูกยกมาถวายแบบร้อนๆ ด้วยหม้ออะลูมิเนียมสไตล์อินเดีย
ส่วนจะปาตีหอมกรุ่นอุ่นๆ ค่อยๆ ทยอยมา (ย่างสดๆ บนกระทะ ด้วยเชื้อเพลิงมูลโคผสมฟางแผ่นบางๆ ตากแห้ง) เมื่อทุกคนได้รับอาหารเรียบร้อยแล้ว เราจึงพิจารณาอาหารร่วมกัน ตลอดระยะเวลาการเดินทางครั้งนี้ที่อินเดีย เราพิจารณาอาหารทุกครั้งก่อนรับประทาน ขอบคุณทุกเงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้อาหารได้ปรากฏอยู่ ณ ตรงหน้า ได้หล่อเลี้ยงชีวิต ร่างกายและจิตใจของเราได้มาปฏิบัติบูชา ณ ดินแดนพุทธภูมิ
เราปฏิบัติอย่างผู้แสวงบุญที่ไม่พยายามเลือกอาหาร เพื่อได้สัมผัสสิ่งที่พระองค์ได้เป็นแบบอย่าง แม้หลายคนรู้สึกเป็นทุกข์บ้างเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ไม่คุ้นชิน เพราะเรารับประทานอาหารพื้นเมืองเกือบทุกมื้อ ในระหว่างพิจารณาอาหารอยู่นั้น ผู้ร่วมรับประทานที่หลายคนไม่อยากเชื้อเชิญได้มาจำนวนมาก แมลงวันมาตอมอาหารในจาน ทำให้หลายคนสูญเสียสมาธิกับการพิจารณาอาหาร ต้องนั่งปัดไล่แมลงวันในจานอาหารออกไป แต่เขาก็กลับมาอีกเป็นระยะๆ
ขณะพิจารณาอาหารและมองอาหารในจานที่มีแมลงวันเกาะอยู่จำนวนมาก ในใจได้พิจารณาว่าขอให้เธอมีความสุขที่รับอาหารนี้ และเราจะรับอาหารร่วมกัน ถ้าเราไม่มีเหตุที่ไม่ดีต่อกัน ขอให้ร่างกายนี้ได้รับอาหารนี้เป็นดั่งยาทิพย์รักษา หล่อเลี้ยงร่างกายให้ทำหน้าได้อย่างสมบูรณ์เต็มที่ อย่าได้ปรากฏโรคภัยไข้เจ็บ
สุดท้ายขอยอมรับในทุกสิ่งที่ปรากฏอย่างใจสงบสุข เมื่อคิดเช่นนั้นจึงไม่รู้สึกรังเกียจ แบ่งแยก แต่กลับเป็นสุข สงบ ไร้กังวล สัมผัสความเมตตากรุณาทั้งแก่ตนเองและสรรพชีวิต เราต่างเพียงทำหน้าที่และต้องการอาหารเพื่อประทังชีวิตเหมือนกัน หามีใครดีกว่า สูงกว่าใคร เราต่างมีความเท่าเทียมในสิทธิ์ที่รับอาหารนี้ร่วมกัน
รู้สึกขอบคุณแมลงวันที่ให้โอกาสให้เราได้แบ่งปัน และเราก็รับอาหารมากกว่าเขาหลายเท่านัก แม้ขณะรับประทาน สัญญา (ความจำ) เก่าๆ ปรากฏมาหลายครั้งว่าแมลงวันเป็นพาหะนำโรค แต่ก็ยิ้มให้ตัวเอง มองเขาดั่งญาติสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานและวางใจปกติ กลับมาสัมผัสน้ำใจของผู้ให้ จักรวาลที่ประกอบหลายเงื่อนไขที่หยิบยื่นอาหารจานนี้ อาหารที่เรียบง่ายมื้อนี้ จึงวิเศษมหัศจรรย์ที่สุด
เราส่วนใหญ่ที่เป็นทุกข์ ไม่ใช่เพราะสิ่งของ บุคคลที่ปรากฏอยู่ ณ ตรงหน้าไม่ดีเสมอไป แต่ที่เราทุกข์เพราะเรายึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เคยรับรู้ ไม่สามารถปล่อยวางสิ่งที่เคยรับรู้ก่อน เปรียบเทียบกับสิ่งใหม่และไม่เคยฝึกที่จะอยู่อย่างต่ำ จิตใจของเราไม่เป็นกลาง กับการปรากฏของสิ่งของ บุคคลเหล่านั้น ทำให้เราสูญเสียอิสรภาพที่จะดำรงอยู่อย่างมีความสงบสุข
ขอให้เราทุกคน... สัมผัสความมหัศจรรย์ ณ ปัจจุบันขณะในตัวเองและสิ่งรอบข้าง ที่มาพร้อมกับความเรียบง่าย ในทุกๆ ลมหายใจเข้า ออกของเราเอง หากเรามีสติน้อยเกินไป เราจะไม่เห็นคุณค่าในตัวเองและสิ่งรอบข้าง ทั้งที่เรามีเงื่อนไข ปัจจัยเพียงพออยู่แล้ว ที่จะพบกับความมหัศจรรย์อันเรียบง่ายในทุกขณะ
อาหารทิพย์ มาจากใจปกติสุขในทุกคำข้าว