อาจารย์อุ้ย เก้ายอดสำนักสักยันต์อาจารย์อุ้ยเก้ายอดจ.อุบลฯ | คมชัดลึก

          “นายสุทธิโรจน์ พร้อมเพียงฤา” หรือ “อาจารย์อุ้ย เก้ายอด” แห่งสำนักสักยันต์อาจารย์อุ้ยเก้ายอด จ.อุบลราชธานี ชื่อและสำนักสักยันต์แห่งนี้อาจจะไม่คุ้นหูของคนทั่วๆ ไป แต่สำหรับคนใน จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะที่สนใจอักขระ เส้นสายลายยันต์แล้ว ย่อมเป็นรู้จักเป็นอย่างดี

            แม้อาจารย์อุ้ยจะเป็นอาจารย์ฆราวาสที่ขึ้นชื่อว่ามีอายุน้อย แต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันอาจารย์อุ้ยอายุเพียง ๒๘ ปีเท่านั้น มีลูกศิษย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย เพราะเกิดประสบการณ์กันถ้วนหน้า ทั้งแคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ค้าขายดี

            อาจารย์อุ้ย เก้ายอด ถือเป็นทายาทฆราวาสจอมขมังเวทคน โดยตาของอาจารย์อุ้ย (นายประชา ทวีทรัพย์) เป็นเพื่อนรุ่นน้องของหลวงปู่เกลี้ยง เตชธมฺโม วัดบ้านโนนแกด จ.ศรีสะเกษ สมัยที่ท่านยังมีชีวิตเป็นที่เลื่องลือในด้านวิชาอาคมท่านหนึ่ง จนเป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้านหนองอะลางและหมู่บ้านใกล้เคียงในแถบนั้น ทั้งทางคงกระพัน ปราบผี สมัยหลวงปู่เกลี้ยงเป็นฆราวาสนั้น ต่างไปมาหาสู่กับตาของอาจารย์อุ้ยเป็นประจำ

            ส่วนพ่อของอาจารย์อุ้ยก็เป็นคนปทุมธานี มีเชื้อสายรามัญ (มอญ) พ่อของอาจารย์อุ้ยก็ไม่น้อยหน้า ท่านเป็นอาจารย์และหมอยาเช่นกัน ท่านมีความชำนาญด้านอักขระเลขยันต์มาก และยังสามารถรักษาคนขาหัก แขนหัก งูสวัด ด้วยยาสมุนไพรอีก เป็นที่เลื่องลือใน ต.ซำ และต.โพน

            ด้วยความสนใจในตัวขอมอีสาน และขอมโบราณ ขณะที่อาจารย์อุ้ยมีอายุเพียง ๘ ขวบเท่านั้น ในปีนั้นเองคุณตาเสียชีวิตด้วยโรคชรา แต่อาจารย์อุ้ยก็ไม่ละความพยายาม พออายุได้ ๙ ขวบ ก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น จึงตัดสินใจขโมยตำราอักขระของพ่อมาหัดอ่าน หัดเขียน จนขึ้นใจ แต่ยังไม่มีความเข้าในการผสมคำ ก็ฝึกเขียนอยู่อย่างนั้นมาตลอด จนเขียนได้สวยงาม

            อาจารย์อุ้ยได้ฝากตัวเป็นศิษย์ เช่น ปู่สิงห์ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ (ตอนนั้นท่านอายุ ๘๒ ปี) ซึ่งเป็นอาจารย์ท่านแรก ในขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ร.ร.ศรีสะเกษวิทยาลัย หลังอาจารย์อุ้ยได้รับการครอบครูจากอาจารย์ลายแล้ว ก็ได้สักให้เพื่อน กับรุ่นพี่ที่รู้จัก จนเกิดประสบการณ์เป็นที่โจษขานเลยทีเดียว จนมีลูกศิษย์ตั้งแต่อาจารย์อุ้ยอายุ ๑๘ ปี เกือบ ๕๐ คน ที่ จ.ศรีสะเกษ

            นอกจากนี้ยังเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อีกหลายท่าน เช่น พ่อจาน ศิษย์เอกหลวงปู่บุญมี โชติปาโล พระเกจิชื่อดังของเมืองอุบล หลวงปู่จอม นาคเสโน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งท่านเก่งมากในวิชาโชคลาภ หลวงปู่เกลี้ยง เตชธมฺโม

            พ.ศ.๒๕๕๓ อาจารย์อุ้ยมาได้พบพระอาจารย์สวัสดิ์ ภูมิสาโร และเกิดศรัทธายิ่งต่อพระอาจารย์ อยากฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านก็เมตตาสอนเคล็ดวิชาคาถามหาเสน่ห์ให้ในบางส่วน

            อย่างไรก็ตาม ตั้ง พ.ศ.๒๕๕๒ เป็นต้นมา อาจารย์อุ้ยได้ตั้งสำนักสักยันต์อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันมีลูกศิษย์ลูกหามากมายหลายอาชีพ ทั้งข้าราชการ พ่อค้า แม่ค้า เข้ามาสักยันต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างมีประสบการณ์ดีทั้งนั้น ทั้งแคล้วคลาด ทั้งโชคลาภค้าขายก็มีอยู่ไม่น้อย และยังเดินทางไปประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เพื่อสักยันต์ให้ลูกศิษย์ที่นั่นอยู่บ่อยๆ

            อาจารย์อุ้ย บอกว่า เมื่อเขามาฝากตัวเป็นลูกศิษย์เราแล้ว เราก็ต้องนั่งสมาธิแผ่กุศลให้ลูกศิษย์ทุกคนให้มีความสุข ความเจริญ โดยทั่วกัน ลูกศิษย์เหล่านั้นจะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตเสมอ อีกทั้งยังสามารถรักษาตนให้พ้นจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้อีก และต้องนั่งแผ่ให้ลูกศิษย์ทั้งหลายทุกวัน ทุกลมหายใจ

            เมื่อถามถึงเงินที่ได้จากค่าครูสักยันต์ และการให้เช่าบูชาวัตถุมงคล อาจารย์อุ้ย บอกว่า จะแบ่งเป็น ๓ ส่วน คือ ส่วนแรกจะใช้ยังชีพ เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน อีก ๒ ส่วนเป็นทุนสำหรับจัดสร้างวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่จะหมดไปกับการเดินทางนำวัตถุมงคลไปให้อาจารย์ปลุกเสกรูปละหลายๆ วาระ อีกส่วนหนึ่งใช้สำหรับงานกุศลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด หรือสถานศึกษา

            ทั้งนี้ อาจารย์อุ้ย ได้พูดถึงการตระเวนนำวัตถุมงคลไปให้พระเกจิอาจารย์หลายรูปปลุกเสกซ้ำหลายๆ ครั้งว่า "ขึ้นชื่อว่าวัตถุมงคลต้องเป็นมงคลและมีพุทธคุณจริงๆ เมื่อเราสร้างเราต้องทำจริง จะทำแบบสุกเอาเผากินไม่ได้ โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า การปลุกเสกซ้ำหลายๆ ครั้ง กับพระเกจิอาจารย์หลายๆ รูป อย่างน้อยก็ดีกว่าปลุกเสกครั้งเดียวกับพระเกจิรูปเดียว ด้วยเหตุนี้ผมจึงกล้าแขวนวัตถุมงคลที่ผมสร้างขึ้นเอง"

            สำหรับผู้สนใจเรื่องอักขระเลขยันต์ รวมทั้งอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับ พระเกจิอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมฆราวาสจอมขมังเวทแห่งภาคอีสานทั้งในอดีต และปัจจุบัน สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.๐๘-๗๓๗๗-๙๕๗๒ และ ๐๘-๗๕๗๕-๖๙๗๕ รวมทั้งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ "www.mettamahaniyom.com"

เหรียญมหาพุทธาบารมีเก้ายอดรุ่นแรก

            สำหรับการออกวัตถุมงคลของสำนักสักยันต์อาจารย์อุ้ยเก้ายอดนั้น “เหรียญมหาพุทธาบารมีเก้ายอด” ถือว่าเป็นเหรียญรุ่นแรก โดยได้รวบรวมทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว อีกทั้งบารมีเกจิคณาจารย์ทรงคุณวุฒิ อธิษฐานจิตปลุกเสกอย่างเข้มขลัง หลายวาระ เช่น

            หลวงปู่อ่อง ฐิตธมฺโม วัดสิงหาญ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี  ปลุกเสก ๖ วาระ

            หลวงปู่เร็ว ฉนฺทโก วัดบ้านหนองโน อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี ปลุกเสก ๕ วาระ

            หลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตฺโต วัดกุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี  ปลุกเสก ๔ วาระ

            หลวงปู่เก่ง ธนวโร วัดบ้านนาแก อ.พิบูลมังสารหาร จ.อุบลราชธานี  ปลุกเสก ๓ วาระ

            หลวงปู่เขียน ปุญฺญกาโม ที่พักสงฆ์ป่าช้าบ้านโพนสิม อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ปลุกเสก ๑๘ วาระ เป็นต้น

            ด้านหน้าเหรียญ ประกอบด้วย ยันต์เก้ายอดสิบหกพระองค์ (ยันต์ครูสำนักฯ) ยันต์กันสะกด ยันต์สะกดมิลง ยันต์นะครอบจักรวาล ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า ยันต์กั้งปัง(มหากระดอน) ยันต์พุทธซ้อน ยันต์พุทธม้วนโลก ยันต์กันภัย ยันต์พระเจ้าห้ามอาวุธ 

            ด้านหลังเหรียญ ประกอบด้วย ยันต์เก้ายอดพญาไก่เถื่อน ยันต์ตะกร้อ ยันต์โสฬสมหาพรหม ยันต์นะโมตาบอด(ผู้-เมีย) ยันต์เพชรหลีก ยันต์มหาราช ยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์ไตรสรณคมน์ ยันต์ดอกบัวแก้ว

เหรียญพระพรหมประธานพรรุ่นแรก

            เหรียญพระพรหมประธานพรรุ่นแรก ด้านหน้าเหรียญ ประกอบด้วย เทวลักษณะพระพรหมปาฏิหาริย์ ๘ กรยืนประทับทรงพญาหงษ์ทอง(พญาหงษ์ชาวมอญนับถือว่าเป็นของสูง ของมงคล) พาหนะของพระองค์ ทั้ง ๘ กร ๘ อิริยาบถ คือ ถือคัมภีร์พระเวท ถือคทา ถือคนโท ประทับพระอุระ ประทานพรแก่มวลมนุษย์ ถือประคำ ถือคันฉ่อง ถือช้อนทอง แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์คอยดูความเป็นไปของมนุษย์และสรรพสัตว์ คอยประทานพรแก่ผู้นับถือบูชา

            บนรัศมีเศียรพระพรหม มีคาถา พรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา (ธรรมะคุ้มครองโลก) ล้อมด้วยพระคาถาถาปิโยฯ (เทวดาใจอ่อน) ด้านล่างพญาหงส์ทอง เป็นพระคาถาหัวใจพระพรหม ล้อมขอบเหรียญด้วย พระคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ (คุ้มครองทั้ง ๘ ทิศ ได้ลาภทั้ง ๘ ทิศ ได้กัลยาณิมิตรทั้ง ๘ ด้าน) พระคาถาหัวใจอิทธิเจ และพระคาถานวโลกุตรธรรม อีกทั้งยังมีนะปถมังต่างๆ ดังต่อไปนี้ นะพรหม ๔ หน้า (ทั้งด้านซ้าย-ขวา) นะพระปรมัตต์ นะตวาดหิมพาน นะปถมังบังเกิด นะห้ามใจ นะสะอึกใจ นะดำเนินนาฏ นะเมตตา นะกรุณา ฯ เป็นต้น