
พระมหาบุญเผื่อน สุจิตฺโตพระปธ.๗ ในบทเจ้าอาวาสวัดบ้านนอก
พระมหาบุญเผื่อน สุจิตฺโต พระปธ.๗ ในบทเจ้าอาวาสวัดบ้านนอก : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกงู
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ มาตรา ๓๗ บัญญัติหน้าที่ของ “เจ้าอาวาส” ไว้ดังนี้ ๑.บำรุงรักษา จัดกิจการ และศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี ๒.ปกครองและสอดส่องให้บรรพชิต และคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพำนักอาศัยอยู่ในวัดนั้นปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบหรือคำสั่งของมหาเถรสมาคม ๓.เป็นธุระในการศึกษาอบรม และสั่งสอนพระธรรมวินัยแก่บรรพชิตและคฤหัสถ์ และ ๔.ให้ความสะดวกตามสมควรในการบำเพ็ญกุศล
การศึกษาทางธรรมของเจ้าอาวาส ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับนักธรรมตรี ถึงเอก ส่วนระดับเปรียญธรรมนั้นน้อยนัก นานๆ จะเป็นสักรูปหนึ่ง ยิ่งเปรียญธรรมสูงๆ เกือบจะไม่เห็นเลย เพราะถ้าอยู่ในวัดหลวงก็ได้รบการสถาปนาสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ
สำหรับพระมหาบุญเผื่อน สุจิตฺโต หรือพระมหาเผื่อน แม้ว่าท่านจะมีความรู้ทางธรรมถึงเปรียญประโยค ๗ แต่ท่านเป็นเพียงเจ้าอาวาสวัดสระสี่มุม ต.สระพัฒนา อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่มุ่งเน้นทำงานด้านการเผยแผ่ พัฒนา โดยมุ่งหวังที่จะนำธรรมของพระพุทธองค์ให้เข้าถึงพุทธศาสนิกชน ส่วนเรื่องสมณศักดิ์นั้นตำแหน่งพระครูยังเป็นไม่ได้ เพราะตามระเบียบมหาเถรสมาคม (มส.) พระที่ได้ ปธ.๖ ขึ้นไปต้องเป็นเจ้าคุณเท่านั้น
เมื่อครั้งมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ งานแรกที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับพระมหาเผื่อน คือ สร้างอาคารเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ อาคารเรียน ๓ ชั้น ๑๔ ห้องเรียน มูลค่ากว่า ๑๑ ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นวัดมีเงินฝากแสนบาทเศษๆ เท่านั้น แต่ด้วยบารมีของหลวงพ่ออินทร์ และความสามัคคีของชาวบ้านสระสี่มุม ทำให้การก่อสร้างอาคารหลังดังกล่าวแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว พระมหาเผื่อน บอกว่า อาตมาบวชพระที่วัดแห่งนี้เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ ปี ตอนนั้นตั้งใจบวชเพียง ๗ วัน ๕ พรรษา อยู่กับการเรียนปริยัติธรรมและบาลี กว่าจะผ่าน ปธ.๔ ตกอยู่หลายปี จากนั้นก็สอบได้ ปธ.๗ เผลอแผลบเดียวเวลาก็ผ่านไป ๓๐ ปี ที่สำคัญคือ เดิมทีไม่มีความคิดที่จะเป็นเจ้าอาวาสเลย เพลิดเพลินกับงานสอน งานอบรมมากกว่า
อย่างไรก็ตามแต่ด้วยเหตุที่อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ ได้สั่งกรรมการวัดไว้ก่อนมรณภาพว่า ให้นิมนต์พระมหาเผื่อนให้มาเป็นเจ้าอาวาส ครั้งแรกปฏิเสธเพราะเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนปริยัติธรรมอยู่ที่เพชรบุรี ในที่สุดต้องตอบรับเพราะวัดแห่งนี้เกือบกลายเป็นวัดร้างมีพระจำพรรษาเพียง ๒ รูปเท่านั้น
เมื่อถามถึงที่มาของการเป็นพระนักโหราศาสตร์ พระมหาเผื่อน บอกว่า เดิมทีไม่ได้มีความสนใจเรื่องโหราศาสตร์ เมื่อครั้งที่อยู่วัดอรุณฯ กทม. คณะ ๖ ท่านเจ้าคุณขวัญท่านเก่งเรื่องโหราศาสตร์มาก จึงซื้อตำราของพม่ามาอ่านดูเพียงเพื่อจะรู้ว่ามันเท็จจริงขนาดไหน ขณะเดียวกันก็หาตำราอื่นๆ มาอ่านเพิ่มเติม แต่ไม่เคยทำนายให้ใครเลยสักคน จนกระทั่งมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสหน้าที่ภาระเรียกว่าครอบจักรวาลก็ว่าได้ ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตคนตั้งแต่เกิดจนถึงเผา แม้เป็นเถ้ากระดูกยังไม่หมดภาระหน้าที่ของพระ ตั้งแต่ให้ฤกษ์แต่งงาน ตั้งชื่อลูก เจิมบ้าน เจิมรถ สวดศพ เผาผี เผยแผ่ธรรม ฯลฯ จึงต้องนำความรู้จากการศึกษาเรื่องหมดดูออกมาใช้ประโยชน์ โดยไม่มีค่าครูใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นการสงเคราะห์อย่างหนึ่ง ส่วนความแม่นนั้นเป็นคำร่ำลือมากกว่า แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกอย่างเป็นไปด้วยกรรมดีและกรรมชั่วที่ทำมาในอดีตชาติและชาติปัจจุบัน
ส่วนที่มาของยันต์ทำใช้เจิมบ้านเจิมรถเป็นประจำนั้น พระมหาเผื่อน บอกว่า มาจากตำราโบราณที่สืบทอดกันมา โดยส่วนตัวจะใช้ยันต์หัวใจเศรษฐี ที่ว่า อุ อา กะ สะ และ นะ ปถมัง (ปะ-ถะ-หมัง) ซึ่งยันต์ทั้ง ๒ ตัวมีพุทธคุณ ทั้ง ๒ ด้าน คือ เมตตาค้าขาย และแคล้วคาด ทั้งเจิมบ้าน และเจิมรถ ไม่มีค่าครูหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นการสงเคราะห์อย่างหนึ่งเช่นกัน
ทั้งนี้ พระมหาเผื่อนพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “การเผยแผ่ธรรมะตรงๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้า ได้เปรียบคนเหมือนบัว ๔ เหล่า ระดับปัญญาและความรู้ย่อมไม่เท่ากันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราเอาธรรมะ หรือคุยเอาสาระกับญาติโยมเลยทีเดียวนั้น ญาติโยมจะมองว่าเพราะไม่ใส่ใจในความทุกข์ร้อนใจ บางคนมองว่าเป็นเรื่องขัดใจได้ เมื่อเอาเรื่องการทำนายมาคุยจะดีหรือร้ายอย่างน้อยก็ได้คุยกัน อย่างน้อยก็ทำให้ญาติโยมได้หยุดคิดได้เกิดความสบายใจ"
บุญฉลองอุโบสถ ๑๔-๒๒ ก.พ.๒๕๕๘
วัดสระสี่มุม เป็นวัดราษฎร์ สังกัดมหานิกาย สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.๒๔๖๗ โดยพระอุปัชฌาย์อินทร์ อินทปัญโญ หรือหลวงพ่ออินทร์ ท่านเป็นคน ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ และเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม ถ.กรุงศรีใน อ.เมือง จ.สุรินทร์
สำหรับที่มาของชื่อ "วัดสระสี่มุม” นั้น เป็นชื่อที่ตั้งตามลักษณะของหนองน้ำที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม เดิมทีเป็นเพียงที่พักสงฆ์สระสี่มุม ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ “ท่าสะเดาอยู่” ทางทิศใต้ของวัดห่างออกไปประมาณ ๑ กม. ด้วยพื้นที่เดิมเป็นที่ราบลุ่มจึงมีการย้ายวัดมาตั้งสถานที่ ปัจจุบันวัดสระสี่มุม มีพื้นที่ ๘๑ ไร่ เป็นพื้นที่วัดประมาณ ๓๕ ไร่ ส่วนที่เหลือ หลวงพ่ออินทร์ได้เป็นโรงเรียนและสถานีอนามัย
ตั้งแต่พระมหาบุญเผื่อน มารับตำแหน่งเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ ท่านเป็นพระนักส่งเสริมการศึกษาและพระนักพัฒนา รวมทั้งมีความรู้เรื่องการทำนายโหราศาสตร์ ดูดวง และเคร่งในพระวินัยธรรม
ด้วยเหตุที่อุโบสถของวัดซึ่งรับวิสุงคามสีมา พ.ศ.๒๔๙๗ มีอายุก่อสร้างมากเกือบ ๘๐ ปี ท่านจึงซ่อมใหม่ทั้งหมด และจัดให้มีงานปิดทองฝังลูกนิมิต ฉลองอุโบสถ ขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีมหรสพสมโภชตลอด ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่ วัดสระสี่มุม โทร.๐-๓๔๓๘-๓๘๙๕ และ ๐๘-๑๔๕๔-๐๘๘๔
เทพเจ้าแห่งบ้านสระสี่มุม
"เทพเจ้าแห่งบ้านสระสี่มุม" เป็นฉายาที่ลูกศิษย์ตั้งให้ หลวงพ่ออินทร์ ซึ่งมีเดิมชื่อว่า “เวสน์ เกตุแก้ว” เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๒๙ เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๐ โดยมีหลวงพ่อเอก เจ้าอาวาสวัดตะเคียน เป็นพระอุปัชฌาย์
วัตถุมงคลนั้นหลวงพ่ออินทร์ท่านได้สร้างขึ้นไว้หลายประเภท อาทิ เหรียญรูปเหมือนท่าน, เหรียญพระประจำวัน, พระปิดตา, รูปหล่อโบราณ, พระบูชา เป็นต้น ทั้งนี้หลวงพ่ออินทร์เคยถวายวัตถุมงคลให้หลวงปู่ดุลย์ เมื่อญาติโยมที่มาขอของดีจากหลวงปู่ดุลย์ ก็จะมอบวัตถุมงคลของหลวงพ่ออินทร์ให้ไปและก็บอกว่าให้เก็บไว้เป็นของของหลวงปู่ ซึ่งมีพุทธคุณเด่นมากในทางคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม ถึงกับมีการขนานนามว่า “เทพเจ้าแห่งบ้านสระสี่มุม” บ้างก็ว่าของของท่านเหนียว ศิษย์ที่สุรินทร์ และศิษย์ชาวสระสี่มุมต่างก็รู้กันดี ใครมีวัตถุมงคลของท่านให้เก็บไว้แขวนคออย่างดีแล้วจะรู้ด้วยตัวของท่านเอง
หลวงพ่ออินทร์ท่านยังเป็นเกจิรุ่นพี่ของหลวงพ่อเต๋ คงทอง ที่หลวงพ่อเต๋ให้ความนับถือมากเปรียบเหมือนพระอาจารย์ของท่าน ถึงขนาดที่ในงานพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงพ่อเต๋ได้นิมนต์หลวงพ่ออินทร์มาช่วยปลุกเสกและในขณะที่หลวงพ่ออินทร์มาถึงนั้น หลวงพ่อเต๋ได้เดินลงมาต้อนรับและหลวงพ่อเต๋ได้ก้มกราบที่เท้าของหลวงพ่ออินทร์
หลวงพ่อเต๋ท่านให้ความเคารพนับถือหลวงพ่ออินทร์มาก ในงานพุทธาภิเษกต่างๆ ที่หลวงพ่อเต๋ท่านไป จะต้องมีหลวงพ่ออินทร์ท่านไปร่วมด้วยเสมอ หลวงพ่ออินทร์ท่านได้ละสังขารเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๖ สิริรวมอายุได้ ๘๗ ปี พรรษาที่ ๖๕