
สมโภชพระพุทธรังสีสุริโยทัยธรรโมภาสวัดโพธิ์
สมโภชพระพุทธรังสีสุริโยทัยธรรโมภาสวัดโพธิ์ : สำราญ สมพงษ์ นิสิตสันติศึกษา มจร รายงาน
การจัดงาน"สมโภชพระพุทธรังสีสุริโยทัย ธรรโมภาส" เป็นการย้อนอดีตการสร้างพระเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งแต่เดิมรัชกาลที่ ๓ โปรดให้สร้างทั้งสามองค์ต่อมารัชกาลที่๔ ขึ้นครองราชย์ ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระเจดีย์ขึ้นอีกพระองค์หนึ่ง รวมเป็นพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ดังที่เห็นกันอยู่ ด้วยเหตุที่ว่าทั้งสี่พระองค์ทันเห็นกัน เป็นบุคคลร่วมสมัยเดียวกัน และเมื่อรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สถาปณาเจดีย์ขึ้น โดยสร้างขึ้นตามแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย วัดสวนหลวงสบสวรรค์ พระนครศรีอยุธยาได้พระราชทานนามว่า พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ครั้นใกล้จะเสด็จสวรรคต ได้มีพระราชดำรัสกับรัชกาลที่ ๕ เป็นการส่วนพระองค์ว่า "พระเจดีย์วัดพระเชตุพนฯ นั้น กลายเป็นใส่คะแนนพระเจ้าแผ่นดินไป ถ้าจะใส่คะแนนอยู่เสมอจะไม่มีที่สร้าง ควรจะถือว่าพระเจ้าแผ่นดินทั้งสี่พระองค์นั้น ท่านได้เคยเห็นกันทั้งสี่พระองค์จึงควรมีพระเจดีย์อยู่ด้วยกัน ต่อไปอย่าให้สร้างทุกแผ่นดินเลย"
พระมหาเจดีย์ดังกล่าว มาแล้วเสร็จในรัชกาลที่ ๕แต่สิ่งสำคัญที่บรรจุอยู่ในพระเจดีย์อีกสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ นั่นคือ มีพระพุทธรูปเป็นพุทธปฏิมาศิลปะรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นพระราชนิยมในยุครัชกาลที่ ๔ ที่ ๕เป็นรูปแบบศิลปะที่เหมือนคนจริงๆ เป็นมนุษย์ธรรมดา พระเศียรไม่มีพระเกตุมาลา เป็นพระเศียรโล้น มีเปลวรัศมี และห่มจีวรเป็นธรรมชาติเหมือนจริง พระพุทธรูปนี้เป็นสิ่งที่รัชกาลที่ ๔โปรดให้หล่อขึ้นเพื่อเตรียมบรรจุไว้ในพระเจดีย์ สันนิษฐานว่าฝีมือการหล่อเป็นของช่างหลวง มีความงดงามมาก ในสมัยนั้นช่างหลวงที่มีความชำนาญในการหล่อพระพุทธรูป คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ โดยงานฝีมือของพระองค์ปรากฎอยู่ในวัดหลวง ในยุครัชกาลที่ ๔ หลายๆ องค์ ซึ่งมีพุทธลักษณะหรือพุทธศิลป์แบบเดียวกัน
โดยการจัดงานครั้งนี้ ได้มีปรารภเหตุว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีความประสงค์จะรณรงค์ให้ประชาชนเข้ามาไหว้พระในช่วงปีใหม่ เนื่องในเทศกาลท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘จึงต้องการจะเชิญชวนให้คนทั่วไปได้เข้ามาไหว้พระและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดพระเชตุพนฯ จึงได้สนับสนุนการจัดงาน "สมโภชพระพุทธรังสีสุริโยทัย ธรรโมภาส"ขึ้น สิ่งที่พิเศษในการนมัสการ คือ เมื่อครั้งบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์รัชกาลที่ ๔ เราได้อัญเชิญพระพุทธรูปลงมาบูรณะปฏิสังขรณ์ เนื่องจากสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก จากนั้นได้อัญเชิญไปไว้ที่หอสวดมนต์ และเมื่อได้โอกาสจึงจะอัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานให้ประชาชนทั่วไปขึ้นไปกราบไหว้ แต่ทางที่จะขึ้นไปมีความยากลำบาก เนื่องจากทางขึ้นในองค์พระเจดีย์จะมีช่องที่รอดได้เฉพาะตัวคน ผู้ที่รูปร่างใหญ่โตอาจจะขึ้นไปลำบาก เพราะฉะนั้นการที่เปิดให้ได้ขึ้นไปกราบไหว้ จึงเป็นสิ่งที่พิเศษ และถือเป็นความท้าทาย ต้องมีศรัทธาและมีสุขภาพแข็งแรง จึงอยากขอเชิญชวนให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้เห็น เพราะพระพุทธรูปที่ประดิษฐานในพระเจดีย์มีความงดงาม มีความอลังการ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญอย่างหนึ่งในวัดพระเชตุพนฯ ที่ควรจะมากราบไหว้ นอกจากพระพุทปฏิมาตามวิหารทิศ ตามพระอุโบสถ หรือวิหารพระนอน ที่เป็นพระพุทธรูปที่ท่านทั้งหลายมาสักการะอยู่เป็นประจำ โอกาสนี้จึงเป็นโอกาสพิเศษที่ท่านจะได้ไหว้พระพุทธรูปทั้งรัตนโกสินทร์
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การมาไหว้พระครั้งนี้ มีโอกาสเพียงแค่ ๓ วันเท่านั้น เปิดเป็นกรณีพิเศษคือ วันที่ ๒๓-๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ฉะนั้นจึงขอเชิญชวนท่านสาธุชนทั้งหลายมาชมความงดงาม และมากราบไหว้นมัสการของสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ในยุครัตนโกสินทร์ รศ.๗๒คู่กับพระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัยโดยในวันที่ ๒๓ วันแรก จะมีพิธีสมโภชเป็นการใหญ่ มีพระสงฆ์ ๓๐ รูป จากพระอารามต่างๆ มารวมกันเจริญพระพุทธมนต์ เจริญชัยมงคลคาถา และอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นไปประดิษฐานบนพระเจดีย์ ประมาณเวลาเย็นๆ ๑๖.๐๐ น. เป็นต้นไป ช่วงเวลาแดดร่มลมตก จึงขอเชิญสาธุชนทั้งหลายมาเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล และจะได้นมัสการพระฯ ส่วนการที่จะเปิดให้ไหว้พระพุทธรูป เปิดทั้ง ๓ วัน ตั้งแต่เวลาเช้าไปจนถึงเวลา ๑ทุ่ม บรรยากาศการจัดงานเป็นการย้อนยุคไปในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งมหรสพต่างๆ ได้แก่ โขน การแสดงในยุครัตนโกสินทร์ อาหาร การแต่งกายต่างๆ เป็นต้น ถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่วัดพระเชตุพนฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงขอเชิญทุกท่านมารวมในพิธีอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อเป็นการต้อนรับการเปิดศักราชใหม่อย่างงดงาม