พระเครื่อง

พระสมเด็จองค์แสตมป์กับตำนานพระสมเด็จมีชื่อว่า'องค์เสี่ยดม'

พระสมเด็จองค์แสตมป์กับตำนานพระสมเด็จมีชื่อว่า'องค์เสี่ยดม'

20 ม.ค. 2558

พระสมเด็จองค์แสตมป์กับ...ตำนานพระสมเด็จมีชื่อว่า'องค์เสี่ยดม' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

               "พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม" เป็นพระที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เป็นผู้สร้างขึ้น กล่าวกันว่าท่านเริ่มสร้างขึ้นมาเมื่อปี ๒๔๐๙ ภายหลังจากโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระสมเด็จพุฒาจารย์ จึงเรียกขานพระเครื่องที่สร้างขึ้นว่า "พระสมเด็จ" และได้สร้างเรื่อยมาจนถึงปี ๒๔๑๕ โดยได้แจกจ่ายแก่บรรดาญาติโยมที่มาเยี่ยมเยียน และเมื่อครั้งออกบิณฑบาตในตอนเช้า ครั้นหมดก็สร้างใหม่ ปลุกเสกด้วยคาถาชินบัญชรที่ท่านได้มาจากเมืองกำแพงเพชร ผู้แกะพิมพ์ถวาย คือ หลวงวิจารณ์เจียรนัย ช่างทองในราชสำนัก

พระสมเด็จองค์แสตมป์กับตำนานพระสมเด็จมีชื่อว่า\'องค์เสี่ยดม\'

               เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่าชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้องตายและถูกหามเข้าป่าช้า ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏท่านเปรียบเทียบว่า มนุษย์อาบน้ำ ชำระกายวันละสองครั้งเพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที ด้วยเหตุนี้ทำให้จิตใจของมนุษย์ยุคปัจจุบันเศร้าหมองเคร่งเครียดและดุดัน ก่อให้เกิดปัญหาความพิการในสังคมความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนกระทั่งเกิดความขัดแย้งและกลายเป็นสงครามมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน

               การสร้างพระพิมพ์สมเด็จ กล่าวกันว่า เมื่อหลวงพ่อโตขึ้นไปเยี่ยมญาติที่ จ.กำแพงเพชร เมืองซึ่งมีพระเครื่องอันมีพุทธศิลป์งดงาม ท่านสามารถอ่านศิลาจารึกที่ว่าด้วยกรรมวิธีการสร้างพระเครื่องด้วยเนื้อผงขาว ซึ่งต่อมาเรียกกันว่า เนื้อพระสมเด็จ โดยมีเนื้อหลักเป็นปูนขาว (ปูนหิน) หรือปูนเปลือกหอย ผสมผสานด้วยวัตถุมงคลอื่นๆ อีกมากมาย นำมาสร้างเป็นพระสมเด็จ และกลายเป็นพระเครื่องล้ำค่าสุดยอดปรารถนาของนักเล่นพระทุกคน

               "พ.อ.(พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ" อดีตนายทหารประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด หรือ "ตรียัมปวาย" ได้จัดทำเนียบชุดพระเครื่อง "เบญจภาคี" ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ โดยเมื่อแรกเริ่มยังคงเป็นเพียง "ไตรภาคี" คือ มีเพียง ๓ องค์เท่านั้น ประกอบด้วย "พระสมเด็จ" วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์ประธาน ซ้ายขวาเป็นพระนางพญา จ.พิษณุโลก และพระรอด จ.ลำพูน หลังจากนั้นจึงได้ผนวก "พระกำแพงซุ้มกอ" กำแพงเพชร และ "พระผงสุพรรณ" สุพรรณบุรี เข้าเป็นชุดเบญจภาคี สุดยอดปรารถนาของนักสะสมพระเครื่องทั้งหลาย จากค่านิยมกันในหลักพันบาท และทะยานเข้าสู่หลักล้านในปัจจุบันนี้

               ทั้งนี้หากเมื่อมองย้อนกลับไปในครั้งนั้นพระเครื่องที่ได้รับความนิยมชมชอบมากเป็นพิเศษแล้ว คือ พระเครื่องที่มีพุทธคุณในด้าน "คงกระพันชาตรี" ซึ่งการจัดทำทำเนียบเบญจภาคีนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดความนิยมพระเครื่องทั้ง ๕ องค์ ในชุดดังกล่าว อันล้วนเป็นพระเครื่องที่มีราคาการเช่าที่สูงๆ ทั้งสิ้น

               พระสมเด็จวัดระฆัง มีหลายพิมพ์ด้วยกัน แต่ที่พิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาพิมพ์พระทั้ง ๕ พิมพ์ คือ พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธาน หรือพิมพ์ใหญ่ โดยที่ผ่านมา การเช่าการขายพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ ที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับแถวหน้าเช่น "องค์เสี่ยหน่ำ" อย่าง "องค์ลุงพุฒ" "องค์ขุนศรี" "องค์เล่าปี่" "องค์กวนอู" "องค์บุญส่ง" "องค์เจ๊แจ๊ว" "องค์เจ๊องุ่น" "องค์ครูเอื้อ" "องค์เสี่ยดม" และ "องค์มนตรี" ล้วนมีการเช่าการขายกันองค์ละหลายสิบล้านบาททั้งสิ้น

               ปัจจุบันไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ผู้ครอบครองพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่มักตั้งราคาสูงประมาณ องค์ละ ๘๐-๑๕๐ ล้านบาทเลยทีเดียว โดยล่าสุด นายสุขธรรม ปานศรี หรือ "เฮียกุ่ย" ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แม็กกา อาร์.ดี. (กรุ๊ป) จำกัด ได้เช่าพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ องค์ที่มีชื่อว่า "พระสมเด็จองค์แสตมป์" เข้ามาอยู่ในรังเป็นอันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ "เฮียกุ่ย" ได้เช่าพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่มาองค์หนึ่ง พร้อมกับขนามนามตามชื่อตัวเองว่า "พระสมเด็จองค์เฮียกุ่ย" พร้อมกับเปิดราคาไว้ที่ไม่ตำกว่า ๑๐๐ ล้านเช่นกัน  

รังพระทองคำของ "เฮียกุ่ย"

               ปัจจุบันมีรังพระที่มีชื่อเสียงอีกหลายรังและได้กลายเป็นตำนานไปแล้วเช่นกัน คือ รังพระของเสถียร เสถียรสุต รังพระของอุดม กวัสราภรณ์ รังพระของชลอ รับทอง รังพระของมนตรี วงศ์วิรัช รังพระของอาจารย์นิยม อสุนี ณ อยุธยา รังพระของเชาว์ ริเวอร์ รังพระของ พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร และรังพระของกำนันชูชาติ มากสัมพันธ์ 

               เมื่อรังพระในอดีตกลายเป็นตำนานก็มีรังพระเกิดขึ้นใหม่มาแทนที่ เช่น นายวิชัย ศรีวัฒนประภา (สกุลเดิม: รักศรีอักษร) นักธุรกิจชาวไทยที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันเป็นเจ้าของกลุ่มกิจการคิงเพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี ในอังกฤษ ซึ่งมีพระชุดเบญจภาคีองค์มีชื่อในตำนานหลายองค์ เช่น สมเด็จองค์เสี่ยหน่ำ สมเด็จองค์คุณมนตรี พงษ์พานิช และสมเด็จองค์เปาบุ้นจิ้น เป็นต้น โดยการจัดหาของนายพิศาล เตชะวิภาค หรือ "ต้อย เมืองนนท์" อุปนายกสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย ร่วมกับ นายมงคล เมฆมานะ หรือโกเนี้ยว สำโรง คณะกรรมการตัดสินพระเครื่องชุดเบญจภาคี

               ส่วนรังพระที่ขึ้นชื่อว่ามีพระเครื่องทองคำมากที่สุดกว่า ๘๐๐ องค์ โดยเฉพาะสายหลวงปูทวด เหรียญยอดนิยม คือ รังพระของ "เฮียกุ่ย" หรือนายสุขธรรม ปานศรี ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แม็กกา อาร์.ดี. (กรุ๊ป) จำกัด เจ้าของธุรกิจจำหน่ายรถยนต์นำเข้าอิสระหรือเกรย์ มาร์เก็ต ที่สะสมพระหลวงพ่อทวดมานานกว่า ๑๐ ปี

พระสมเด็จองค์เสี่ยดม

               ในอดีตตำนานรังพระที่มีชื่อเสียงมีอยู่ ๔ รังใหญ่ๆ คือ ๑.รังพระของครูเอื้อ สุนทรสนาน เจ้าของตำนานพระสมเด็จองค์ครูเอื้อ (พระสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์ใหญ่) ๒.รังพระของเจ้แจ๋ว เจ้าของสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ทรงเจดีย์ องค์เจ้แจ๋ว ๓.รังพระของท่านลพ ซึ่งเป็นพระภิกษุ ถือว่าเป็นรังที่มีพระพุทธรูปบูชาที่เก่าแก่จำนวนมาก ๔.รังพระของคุณฉ่าหลี ยงสุนทร อดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นเจ้าของรังพระที่รู้จักกันดีในวงการพระโบราณ มีพระชุดเบญจภาคีชั้นนำอยู่นับสิบองค์ เช่น เจ้าของพระสมเด็จ วัดระฆัง องค์ลุงพุฒิ (ปัจจุบันอยู่กับโป๊ยเสี่ย) พระสมเด็จองค์ขุนศรี (พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่) การสะสมพระในอดีตนั้นมีไม่มาก ทำให้ผู้สะสมมีพระให้ซื้อสะสมจำนวนมากและราคาก็ไม่แพง

               รังพระของนายอุดม กวัสราภรณ์ ที่คนในวงการนิยมเรียกว่า "เสี่ยดม" ปูชนียบุคคลของวงการพระเครื่อง กลายเป็นอีกหนึ่งรังพระในตำนานที่ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยโรคชราในวัย ๘๑ ปี เมื่อปลายปี ๒๕๕๖ เมื่อครั้งที่ "เสี่ยดม" ยังมีชีวิตอยู่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการพิจารณาพระเครื่องชุดเบญจภาคี โดยเฉพาะพระสมเด็จฯ ระดับครูบาอาจารย์ของคนในวงการเลยทีเดียว พระองค์เด่นองค์แชมป์ทั้งเบญจภาคี มีวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์ยากหาตัวจับเทียบได้ก็ยังอยู่ พระเนื้อชิน เนื้อดินยอดนิยมไม่น้อยไม่กระเด็นออกนอกบ้านรวมถึงพระบูชาสมัยเก่าๆ และส่วนมากจะมีอยู่ในหนังสือชาตรีของอาจารย์ประชุม กาญจนวัฒน์

               สำหรับที่มาของชื่อ "พระสมเด็จองค์เสี่ยดม" นั้น "เสี่ยดม" ได้นำพระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วัดระฆัง เข้าเผยโฉมให้คนในวงการพระยุค ๒๐ ปีที่ผ่านมาเห็น เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสมบูรณ์สวยงามเทียบชั้นพระสมเด็จฯ องค์ครูในยุคนั้นทุกองค์ เป็นเหตุให้นักนิยมพระสมเด็จฯ ในยุคนั้นเรียกชื่อติดปากว่า องค์ "เสี่ยดม" กลายเป็นฉายาประจำองค์พระมาถึงทุกวันนี้