พระเครื่อง

หลวงพ่อสวัสดิ์ ภูมิสาโรพระผู้สืบทอดวิชาลงนะหน้าทอง

หลวงพ่อสวัสดิ์ ภูมิสาโรพระผู้สืบทอดวิชาลงนะหน้าทอง

23 ธ.ค. 2557

หลวงพ่อสวัสดิ์ ภูมิสาโรพระผู้สืบทอดวิชาลงนะหน้าทอง อ.เปล่ง บุญยืน : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

               "ขุนแผนแสนนางล้อม" ที่จัดสร้างโดยหลวงพ่อสวัสดิ์ ภูมิสาโร แห่งวัดป่าแสนอุดม ถนนสุขาอุปถัมภ์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี  ถือเป็นเครื่องรางที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของวงการผู้นิยมเครื่องราง โดยเฉพาะศิษย์จากสิงคโปร มาเลเซีย และฮ่องกง ที่รู้ข่าวแห่กันมาบูชาที่วัดแทบหมดตู้

                ความโด่งดังของหลวงพ่อสวัสดิ์นั้นไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย ทั้งนี้ทุกๆ ๓ เดือนหลวงพ่อสวัสดิ์จะต้องเดินทางไป ๓ ประเทศอย่างน้อย ๑๐ วัน เพื่อ "ลงนะหน้าทอง และสาลิกาคาบเหยื่อ" ส่วนคนไทยที่ทราบข่าวเดินทางไป ลงนะหน้าทอง และสาลิกาคาบเหยื่อจำนวนมาก โดยมีคติความเชื่อว่า "ที่สุด และสุด แห่งเมตตามหานิยม ค้าขาย"

                ทั้งนี้มีคติความเชื่อในหมู่ลูกศิษย์ที่ลงนะหน้าทอง-สาลิกาลิ้นทอง (ครูใหญ่เต็มสูตร) กับหลวงพ่อสวัสดิ์ถ้าศรัทธา เชื่อมั่นจริง ออกจากวัดจะเห็นผลแทบทุกคน ทันทีนอกจาก (คนเกิดวันพุธกลางคืน) เรียกว่าวันราหู ตำรามีเมฆหมอกมาบังจะเห็นผลอยู่แต่ช้าสักนิด คือไม่เร็วทันใจ 

                วิชาลงนะหน้าทอง วิชาสาลิกาคาบเหยื่อ วิชาสาลิกาหลงรัง วิชามนต์+ผงพราย รวมทั้งวิชาพระยาเทครัวนั้น หลวงพ่อสวัสดิ์ได้รับการถ่ายทอดมาจาก อ.เปล่ง บุญยืน เจ้าของฉายาอาจารย์จอมขมังเวทย์ อ.ท่าตูม จ. สุรินทร์ และทุกครั้งของการลงสาลิกาหลงรัง-สาลิกาคืนถ้ำ-สาลิกาคาบเหยื่อ (ป้อนเหยื่อ) เป็นวิชาสายฆราวาส ที่หลวงพ่อสวัสดิ์ต้องขออนุญาตครูบาอาจารย์ก่อน ไม่ใช่ลงได้ทุกคน ทั้งนี้ หลวงพ่อสวัสดิ์ จะถามศิษย์มาลงว่าเกิดวันอะไร ถ้าเป็นวันพุธกลางคืนหลวงพ่อสวัสดิ์จะสวดบทพระเจ้าเปิดโลกให้ก่อนถึงลงนะหน้าทองให้

                หลวงพ่อสวัสดิ์ ภูมิสาโร เริ่มสนใจในวิชาไสยศาสตร์ เวทมนตร์ตั้งแต่เยาว์วัยคือ อายุประมาณ ๑๓-๑๖ ปี ก็เริ่มตั้งตัวเป็นอาจารย์ของเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน (สมแล้วที่เกิดในฤกษ์ของวันครู) ทั้งที่ไม่มีครูบาอาจารย์มาก่อน แต่หาซื้อตำราไสยเวทย์มาศึกษาด้วยความสนใจด้วยตนเอง และเป็นครูของเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน และหลวงพ่อมีพ่อแม่ พี่ๆและน้องชาย มีอาชีพรับราชการเป็นครูทั้งนั้น

                ทางโลกก็จบ ปกศ.สูง วิทยาลัยครูอุบลราชธานีในสมัยนั้น เมื่อบวชเรียนแล้ว ทางธรรมก็จบนักธรรมเอกถือว่าสูงสุดในพระธรรม-พระวินัย ส่วนการศึกษาพระบาลีก็ได้ ป.ธ.๓ หรือพระมหาขั้นต้นถือว่าเป็นประโยชน์มากในการเข้าใจพระคาถาที่เป็นพระบาลีต่างๆ ซึ่งในบทพระคาถาต่างๆ จะมีพระบาลี-ภาษาขอมเป็นส่วนมากจึงทำให้ลึกซึ้งในพระคาถาต่างๆ บทไหนจะใช้กับอะไร วิชาไหน จะใช้กับใครได้ถูกต้องและได้ผล


อ.เปล่ง บุญยืน ครูคนแรก


                อ.เปล่ง บุญยืน เจ้าของฉายาอาจารย์จอมขมังเวทย์ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เป็นครูคนแรกของพระอาจารย์ ตอนนั้นพระอาจารย์อายุ ๔๐ ปี ซึ่งพระอาจารย์จะเรียกท่านว่าอาจารย์ “พ่อ หรือพ่อครู” ซึ่งพระอาจารย์ได้ฝากตัวเป็นศิษย์คนแรกและคนเดียวของอาจารย์พ่อ

                เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗ ซึ่งตอนนั้น อ.เปล่ง มีชื่อเสียงโด่งดังมากในการทำผงพราย ๕๙ ตน ซึ่งเป็นมวลสารที่สำคัญและเข้มขลังของอาจารย์พ่อทุกๆ รุ่น ก่อนนี้พระอาจารย์จะจำชื่อพ่อพราย แม่พราย ของพระอาจารย์พ่อได้ขึ้นใจ แต่เดี๋ยวนี้เวลาผ่านไปกว่ายีสิบปี พระอาจารย์จำได้ไม่ครบ แต่สามารถสื่อกับจิตวิญญาณที่พระอาจารย์พ่อสร้างไว้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุสมัยนั้นอาจารย์พ่อ จะทำผงพราย พระอาจารย์สวัสดิ์ จะซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ สีแดงของอาจารย์พ่อ ร่วมในเหตุการณ์เสมอ อาจารย์พ่อจะทำวิธีไหนมีเคล็ดลับอะไร พระอาจารย์ได้รับการถ่ายทอดจนหมดสิ้น บางอย่างไม่มีตำราก็อาศัยครูพักลักจำจนเข้าใจอย่างถ่องแท้

                การเล่นกับพรายหรือใช้พรายผสมเป็นมวลสาร นั้นมี ๒ วิธี คือ หนึ่งใช้วิชากำกับหรือบังคับปะจุลงในวัตถุมงคลหรือเครื่องราง และสองพูดกับเขาดีๆ ว่าให้มาช่วยคนสร้างบารมี ร่วมกันวิธีที่ ๒ นี้เราต้องหมั่นนั่งสมาธิแผ่พลังให้เขามีใจช่วยเราในสิ่งที่เราต้องการ วิชาที่ได้กับอาจารย์พ่อ มีการเซ่น การสื่อกับผงพราย การทำน้ำมันพรายในสีผึ้งหรืออุดผงพรายไว้ในวัตถุมงคลตลอดทั้งเครื่องรางของขลัง

เรียนไสยเวทย์ไว้สงเคราะห์คน

                "ทุกวันนี้คนไทยขาดความมั่นใจในการประกอบสัมมาอาชีพ อาตมาเรียนวิชาลงนะหน้าทอง วิชาสาลิกาคาบเหยื่อ วิชาสาลิกาหลงรัง วิชามนต์+ผงพราย รวมทั้งวิชาพระยาเทครัวไว้สงเคราะห์ญาติโยม เหมือนเป็นการให้กำลังใจอย่างหนึ่งเท่านั้น หลังเสร็จพิธีอาตมาก็จะให้หัวข้อธรรมทุกครั้ง โดยเฉพาะการรักษาศีล ๕ อย่าให้ขาด" นี่เป็นคำยืนยันของหลวงพ่อสวัสดิ์

                นอกจากเรียนไสยศาสตร์กับ อ.เปล่ง แล้ว หลวงพ่อสวัสดิ์ ยังเรียนกับอาจารย์ออีก ๔ ท่านคือ ๑.หลวงปู่ฤทธิ์ รัตฺนโชโต วัดชลประทานราชดำริ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับท่าน ได้วิชามาหลายอย่างโดยเฉพาะ “วิชามหาล่ำสาย” เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจจากคนไม่ชอบให้ มาชอบ หรือภาษาอีสานเรียกว่า "เห็นหน้าให้ถูกชะตา” ต่อไปเป็นชอบหรือรักใคร่นั่นเอง ซึ่งจะขอเรียนเน้นเฉพาะวิชาสายเสน่ห์ เมตตาแคล้วคลาด โชคลาภเท่านั้น

                ๒.พ่อครูกันท่านเป็นชาวเขมรโดยกำเนิด พระอาจารย์ สวัสดิ์ ข้ามไปเขมรด้วยได้ยินกิติศัพท์ของท่านในวิชาเสน่ห์ ที่เข้มขลังนัก คนหนุ่มคนสาวที่ไร้คู่หรือสามี ภรรยาทะเลาะกัน ผูกหุ่นฝังรูปฝังรอย และวิชาลงใส่ตัวที่เรียก ๔ มหาเสน่ห์นี้ฉมังนัก พระอาจารย์ได้รับการถ่ายทอดจนหมดสิ้น ซึ่งพระอาจารย์สวัสดิ์ได้รับการบอกเล่าจากพ่อครูกันว่าก่อนทำพิธีให้ใครต้องขออนุญาตเจ้าของตำราที่เป็นของบูรพาจารย์ก่อน เมื่อท่านอนุญาตการสื่อทางสมาธิแล้วค่อยทำท่าสื่อทางสมาธิแล้วท่านไม่อนุญาต ก็คือไม่ทำนั่นเอง พระอาจารย์สวัสดิ์ได้สรรพวิชา สรรพเวทย์จากพ่อครูกันจนหมดสิ้น แบบพ่อครูกันก็หาได้ปิดบังอำพลางไม่ สอนจนหมดใส้หมดพุงเลยทีเดียว จากนั้นพ่อครูกันจึงแนะให้พระอาจารย์สวัสดิ์ไปศึกษาต่อกันเพื่อนของท่าน คือพ่อครูทม พ่อครูกันยกย่องพ่อครูทมมากว่าไม่เป็นสองรองใครในเรื่องเมตตามหาเสน่ห์ เราหมดภูมิจะสอนท่านแล้ว ท่านจงไปศึกษาต่อกับพี่ครูทมเถิด นี่คือคำกล่าวที่พ่อครูกันกล่าวต่อพระอาจารย์สวัสดิ์

                ๓.พ่อครูทม ซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับพ่อครูกัน จึงได้วิชาคล้ายๆ กันจะผิดบ้างในเคล็ดวิชาต่างๆ เท่านั้น อาจารย์สมัยก่อนจะสอนวิชาให้ใครต้องดูโฉลกด้วยว่าคนนี้ คนนั้น เหมาะกับวิชาอะไรถึงจะเล่นขึ้นถือขึ้น คือได้ผลนั่นเองและสามารถช่วยคนอื่นได้

                และ ๔.ได้พบโดยบังเอิญ ที่โรงพยาบาลสงฆ์ที่กรุงเทพฯ ท่านมาลอกตาท่านเป็นต้อกระจก บังเอิญพระอาจารย์ สวัสดิ์ ภูมิสาโร ก็ไปผ่ารักษาตาเหมือนกัน บังเอิญอีกครั้งก็นอนเตียงติดกันด้วยท่านชื่อปู่สี เป็นพระสูงอายุที่รู้วาระจิตคนจะเห็นได้ จึงสอบถามและพูดคุยแล้วจึงฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน อีกทั้งสีผึ้งปากเข็ดของหลวงปู่สีนั้นเป็นที่เลื่องลือมาก ท่านบอกเวลาใช้สีผึ้งนี้ทาปาก ห้ามด่า ห้ามแช่งใคร มันจะเป็นอย่างปากเราพูด ท่านเป็นคนไทยแต่ ธุดงค์อยู่เขมร อาศัยอยู่ตามถ้ำ เขา ลำเนาไพร ๓๐ ปี เน้นสมาธิแทบจะตลอดเวลา

                อย่างไรก็ตามขณะนี้หลวงพ่อสวัสดิ์กำลังดำเนินการก่อสร้างศาลานาบุญ รือศาลาสวดศพ ซึ่งต้องใช้เงินประมาณ ๓ ล้านบาท เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จ ท่านจึงจัดสร้าง "พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นเทพรัญจวน" เพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกกับผู้ร่วมบุญ ผู้มีจิตศรัทธาสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.๐๘-๑๘๐๘-๗๑๙๘,๐๘-๕๔๗-๙๗๔๗ และ ๐๘-๗๓๗๗-๙๕๗๒ หรือที่ "[email protected] "