พระเครื่อง

'อ.แห้ว หมอดูเทวดา'กับ...ปรากฏการณ์แห่งพลังศรัทธา'ฆราวาส'

'อ.แห้ว หมอดูเทวดา'กับ...ปรากฏการณ์แห่งพลังศรัทธา'ฆราวาส'

16 ธ.ค. 2557

'อ.แห้ว หมอดูเทวดา'กับ...ปรากฏการณ์แห่งพลังศรัทธา'ฆราวาส' : เรื่อและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

                "ถ้าใครไปดูหมอกับ อ.แห้ว แล้วทำนายไม่ตรง ไม่ถูกใจ ให้มาเบิกค่าน้ำมันรถและจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวฟรี ๑ อิ่ม พร้อมกับกาแฟอีก ๑ แก้ว"

                ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นคำท้าทายที่นายสมชาติ สาลีพัฒนา หรือที่รู้จักกันคือ “นายเงี๊ยบ” มักพูดกับเพื่อนสนิทให้ไปพิสูจน์ความแม่นย่ำ และความมีเมตตาของนายณรงศักดิ์ คูกิติรัตน์ หรือเจ้าของฉายา “อ.แห้ว หมอดูเทวดา" ผู้สร้างศาลเจ้าพ่อนาคราชจันเสน ต.จันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จากคำท้าทายดังกล่าวมีเพื่อนๆ ของ “นายเงี๊ยบ” เดินทางไปพิสูจน์ด้วยตัวเองมากมาย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีเพื่อนคนไหนมาเบิกค่าน้ำมันรถสักราย มีแต่แวะมาอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวพร้อมกับต่อบุญร่วมสร้างโรงพยาบาล

                เมื่อถึงวันที่ ๑๐ ธันวาคมของทุกๆ ปี จะเป็นงานประจำปีศาลเจ้าพ่อนาคราชจันเสน จะเป็นวันที่เจ้าพ่อนาคราชมาประทับทรงผ่านร่าง "อาจารย์แห้ว" ซึ่งใน ๑ ปี จะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น จึงมีคนมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะชาวจีน ปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น คือ มีลูกศิษย์จากทุกสารทิศเดินทางมาร่วมงานเกือบหมื่นคน มีการออกร้านตั้งโรงทานให้รับประทานอาหารฟรี มีลูกศิษย์ที่มีฐานะดีหลายรายมอบเงินหลักล้านเพื่อสร้างโรงพยาล สร้างสถานปฏิบัติธรรม รวมทั้งสร้างพระยูไล หน้าตัก ๑๙ เมตร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่แตกต่างจากงานของพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง

                งานประจำปีศาลเจ้าพ่อนาคราชจันเสนมีนักธุรกิจชื่อดังระดับประเทศ นายทหาร ตำรวจ รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ให้หลายสิบท่าน เช่น เจ้าของโรงแรมมณเฑียร ดร.บัวทิพย์  สุขจั่น และดร.ไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ อ.อารย์ ปาลเดชพงศ์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียน ผู้บริหาร ผู้ดูแล และผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า ซื้อที่ดินกว่า ๑๐ ไร่ มอบให้ อ.แห้ว เพื่อขยายพื้นที่สร้างศาล

                ภาพความประทับใจที่ลูกศิษย์มีต่อ อ.แห้ว คือ ความเป็นกันเองและเสมอต้นเสมอปลาย ใครเลยจะคิดว่าคนที่ถูกเรียกว่า "หมอดูเทวดา" มีลูกศิษย์ทั้งในและต่างประเทศนับหมื่นคน จะแต่งตัวธรรมดาๆ ใส่รองเท้าแตะแบบชาวบ้าน เกือบแยกไม่ออกว่าเป็นหมอดูเทวดา แขกไปใครมาก็ยกเก้าอี้ให้นั่งราวกับเป็นคนงานของศาลเจ้า ที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ อาหารที่คนมาตั้งโรงทาน อ.แห้ว ก็หยิบมานั่งกินโต๊ะเดียวกับลูกศิษย์ที่มาร่วมงาน

                ทั้งนี้ นายบรรเจิด วนิชพุทธรักษา ทายาทโรงแรมมณเฑียร หนึ่งในผู้มาร่วมงานครั้งนี้บอกว่า ด้วยเหตุที่มีเชื่อสายชาวจีนจึงมองว่า อ.แห้ว เป็นร่างทรงคนหนึ่งที่มาโปรดมนุษย์ให้พ้นทุกข์ เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล ทุกคนมาที่นี่เท่ากันหมดในฐานะลูกศิษย์ ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร ไม่มีใครรวยกว่าใคร วันนี้ได้พาคุณแม่มาให้ อ.แห้ว ช่วยดูให้หลายเรื่อง ทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องที่ดิน โดยคุณแม่ไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษอะไรท่านต้องเข้าแถวรอเช่นเดียวกับลูกศิษย์คนอื่นๆ

                ในกรณีของ "นายเงี๊ยบ" นั้น เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ได้มอบเงินให้ อ.แห้ว หมอดูเทวดา เกือบ ๓๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อสมทบทุนโครงการต่างๆ ของศาลเจ้าพ่อนาคราชจันเสน ขณะเดียวกันเพื่อให้ผู้ที่มาอุดหนุนได้บุญร่วมกัน นายเงี๊ยบ มีความตั้งใจว่ากาแฟทุกๆ ๑ แก้วที่ขายจะหักไว้ ๑ บาท เพื่อร่วมสมบททุนสร้างโรงพยาบาลกับ อ.แห้ว หมอดูเทวดา โดยจะทำกิจกรรมไปเรื่อยๆ จนโรงพยาบาลจะแล้วเสร็จ นี่เป็นความตั้งใจ

                ส่วนที่ทำให้นายเงี๊ยบนำรายได้ ๑ บาทจากการขายกาแฟร่วมสร้างโรงพยาบาลกับ อ.แห้ว หมอดูเทวดา นั้น นายเงี๊ยบ บอกว่า คำสอนและการลงมือทำจริงของ อ.แห้ว หมอดูเทวดา ที่มักสอนคนไปดูดวงว่า ประเทศกำลังร้อนเหมือนน้ำเดือด ถ้าทุกคนไม่ทำให้เย็นคงดื่มไม่ได้ และก็อาศัยอยู่ไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย

                บุญทำแล้วต้องเป็นประโยชน์ต่อชุมชน เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จะเกิดเป็นมรรคเป็นผล ทำแล้วอย่าไปคิดว่าคนที่รับไปจะโกงกิน เพราะเมื่อเขาโกงกินก็จะเป็นกรมติดตัวเขาไปจนตาย เรื่องการทำบุญอย่ารอ เมื่อมีโอกาสต้องรีบทำ เพราะเราไม่อาจรู้วันตายได้ มีน้อยทำน้อยมีมากทำมาก เรียกว่าทำตามความศรัทธาที่เราพอมี อย่ามุ่งทำแบบสุดๆ แล้วแต่ใครจะทำบุญในแบบใด ใครมีแรงช่วยแรง ใครมีปัญญาช่วยปัญญา ใครมีทรัพย์ช่วยทรัพย์

                อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ อ.แห้ว จะมาสร้างเจ้าพ่อนาคราชจันเสน อ.แห้ว ยังเป็นผู้ที่ช่วยเหลือสังคมอีกเป็นจำนวนมาก เช่น สร้างหอประชุมให้แก่โรงเรียนวัดจันเสน สร้างถาวรวัตถุให้แก่วัดต่างๆ รวมทั้งช่วยสร้างโบสถ์ไปแล้ว ๙ วัด เมรุ ๒๙ วัด รวมทั้งให้การสนับสนุนหน่วยงานราชการในการจัดกิจกรรมต่างๆ นับครั้งไม่ถ้วน นับเป็นผู้ที่มีบทบาทมากคนหนึ่งในสังคม กับความตั้งใจสุดท้ายถ้ายังไม่สิ้นอายุขัย มีบุญพอ มีกำลังพอ ก็จะสร้างโรงพยาบาลที่ ต.จันเสน เป็นที่สุดท้ายในชีวิต

                สำหรับเหตุผลในการช่วยเหลือสังคมโดยเฉพาะการก่อสร้างสาธารณประโยชน์นั้น อ.แห้ว บอกว่าทุกสิ่งที่กำลังก่อสร้างที่ศาลเจ้าพ่อนาคราชจันเสนไม่ใช่เงินของตัวเองสักบาทเดียว ดังนั้นจึงไม่สมควรว่าศาลเจ้าเป็นของ อ.แห้ว หากเป็นของลูกศิษย์ทุกคน อ.แห้ว เป็นเพียงสื่อกลางตัวประสานให้เกิดการก็สร้างเท่านั้น  สิ่งหนึ่งที่คนควรคิดมากๆ คือ คนเรามีสมบัติร้อยล้านพันล้าน หากเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ ไม่รู้จักเสียสละ อยู่ในสังคมได้ยาก คนจำนวนมากมุ่งหาทรัพย์โดยไม่รู้จักพอ หลงในทรัพย์ที่หามาได้ แต่หารู้ไม่ว่าทุกสรรพสิ่งที่หามาได้ในวาระสุดท้ายไม่ใช่ของเรา แม้แต่สังขาร ลมหายใจเข้าออก เนื้อหนังมังสาที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด สุดท้ายเราเอาไปไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

                แม้แต่คนอย่าง อ.แห้ว ที่ขึ้นชื่อว่าหมอดูเทวดา หากเอาเงินที่คนศรัทธามาใช้จ่ายโดยส่วนตัวก็อยู่ไม่ได้ ตายไปเอาอะไรติดตัวไม่ได้เลยสักอย่างเดียว จึงต้องสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ให้คนรุ่นหลังได้ใช้


ศรัทธาส่วนตัวของ"จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี"


                นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย อดีต ส.ว. ปี ๒๕๔๙ และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) พ.ศ.๒๕๕๐ บอกว่าไม่รู้จักกับ “อ.แห้ว หมอดูเทวดา" เป็นการส่วนตัวมาก่อน ครั้งแรกได้ยินชื่อว่า "อ.แห้ว" อดอมยิ้มและนึกอยู่ในใจว่า "ชื่อแบบนี้ดูหมอใครจะไปเชื่อ" แต่เมื่อมีโอกาสได้เจอ อ.แห้ว ที่ออฟฟิศเมื่อ ๔ เดือนก่อนนี้ "ความคิดก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ"

                "ไม่น่าเชื่อว่าเพียง อ.แห้ว เอามือแตะที่ฝ่ามือโดยไม่ต้องพูดและถามอะไร อ.แห้ว ก็บอกในสิ่งที่เราอยากถามและอยากรู้ เรียกว่าคำทำนายนั้นโดนเลยทีเดียว เมื่อท่านขอให้มาเป็นประธานสร้างพระยูไลองค์ใหญ่ที่สุดในโลกก็ตอบรับด้วยความยินดี" นายจุตินันท์ กล่าว

                พร้อมกันนี้ นายจุตินันท์ ยังบอกด้วยว่า เมื่อได้มาเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์พระยูไลองค์ใหญ่ที่สุดในโลก เห็นลูกศิษย์มาร่วมงานจำนวนมากเป็นเครื่องวัดความแม่นยำและความศรัทธาใน อ.แห้ว ได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องพิสูจน์อะไรมากนัก

                นอกจากคำทำนายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทราบมา คือ การให้ข้อคิดพร้อมๆ กับการทำนาย เช่น อ.แห้ว หมอดูเทวดา บอกว่า บุญต้องทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อชุมชน เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จะเกิดเป็นมรรคเป็นผล ทำแล้วอย่าไปคิดว่าคนที่รับไปจะโกงกิน เพราะเมื่อเขาโกงกินก็จะเป็นกรมติดตัวเขาไปจนตาย เรื่องการทำบุญอย่ารอ เมื่อมีโอกาสต้องรีบทำ เพราะเราไม่อาจรู้วันตายได้ มีน้อยทำน้อยมีมากทำมาก เรียกว่าทำตามความศรัทธาที่เราพอมี อย่ามุ่งทำแบบสุดๆ แล้วแต่ใครจะทำบุญในแบบใด ใครมีแรงช่วยแรง ใครมีปัญญาช่วยปัญญา ใครมีทรัพย์ช่วยทรัพย์