
'พระสงฆ์-มจร'เจริญพระพุทธมนต์ถวายในหลวง
'คณะสงฆ์หนเหนือ-มจร'เจริญพระพุทธมนต์ถวายในหลวง ศธ.ปล่อยคาราวานจิตอาสาเฉลิมพระเกียรติ
เมื่อเวลา 08.00น. ที่พระอุโบสถวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คณะสงฆ์หนเหนือ พร้อมด้วยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค. 2557 โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ทั้งนี้ พระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์หนเหนือประมาณ 100 รูป และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวว่า การเจริญพระพุทธมนต์ดังกล่าวเป็นพิธีที่คณะสงฆ์จัดขึ้นเพื่อสืบดวงพระชาตาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเป็นการดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม(มส.) ที่ให้คณะสงฆ์หนต่างๆทั่วประเทศจัดขึ้น
นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า การเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหยุสมธัมม์ ในครั้งนี้ เพื่อเสริมดวงพระบรมราชสมภพถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอให้พระองค์หายจากพระอาการประชวร มีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ ซึ่งคณะสงฆ์ทั่วประเทศ และพสกนิกรเป็นจำนวนมากต่างพร้อมใจ ร่วมกันเจริญพุทธมนต์ ร่วมปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ที่สำคัญในปี 2558 คณะสงฆ์ โดยมหาเถรสมาคม(มส.) ร่วมกับรัฐบาล จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา พร้อมทั้งจัดปฏิบัติธรรม ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว และวัดสำคัญทั่วประเทศ ในการส่งเสริมให้ประชาชนได้ร่วมกันรักษาศีล5 ปฏิบัติบูชา ทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดทั้งปีอีกด้วย
ทั้งนี้นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวว่า การเจริญพระพุทธมนต์ดังกล่าวจัดขึ้นตามมติมส. โดยให้เจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ จัดพิธีขึ้นในวันที่ 1,2 และ3 ธ.ค. ซึ่งหลังจากนี้ในวันที่ 2 ธ.ค. คณะสงฆ์หนกลาง จะจัดพิธีดังกล่าวที่วัดพิชญยาติการาม เวลา 14.00น. และวันที่ 3 ธ.ค. คณะสงฆ์หนใต้ จัดที่วัดกะพังสุรินทร์ จ.ตรัง เวลา 13.30น. สำหรับการเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ เป็นการสวดมนต์ที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพื่อเป็นการป้องกันภัยอันตราย และเกิดความสุขสวัสดี ทั้งยังเกี่ยวเนื่องกับหลักโหราศาสตร์ที่เรียกว่า ดาวนพเคราะห์ ประจำวันทั้ง 9 คือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ และวันราหู (พุธกลางคืน) และวันที่สมมุติอีก 1 วันคือ พระเกตุ ทำหน้าที่คุ้มครองบุคคลที่ไม่ทราบวันเกิด ตามโบราณประเพณีเมื่อบุคคลอันเป็นที่เคารพมีอายุครบปีนักษัตร หรือรอบปีที่มีวาระสำคัญจะมีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์บำเพ็ญกุศลครั้งใหญ่ เพื่อให้เกิดความสิริมงคลปราศจากโรคาพาธ มีความเจริญรุ่งเรือง
จากนั้นในช่วงเย็น เวลา 17.00 น.ที่พระมหามณฑป พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร วัดไตรมิตรวิทยาราม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จเป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของคณะสงฆ์หนตะวันออก โดยมีพระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันที่พระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาส คณะสงฆ์คณะธรรมยุต ก็มีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นกัน
เมื่อเวลา 13.00-15.00น. พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติและลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวามหาราช ประจำปี 2557 ณ อาคาร มวก. 48 พรรษา มจร ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในโอกาสนี้พระพรหมบัณฑิต กล่าวถวายพระพรความว่า ในโอกาสที่วันมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวามหาราช เวียนมาถึงครั้งนี้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันแสดงออกซึ่งกตัญญูกตเวทิตาธรรมความระลึกรู้พระมหากรุณาธิคุณ และการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ คือ พระเจ้าอยู่หัวของเราซึ่งเป็นพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ตลอดเวลากว่า 60 ปีที่เสด็จขึ้นครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราได้ทรงงานหนัก เพื่อพสกนิกรชาวไทย ทั้งนี้ก็เพราะพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรม ทรงเป็นธรรมราชา หมายความว่า พระองค์เป็นพระราชาที่ถือธรรมะเป็นใหญ่เอาธรรมะนำหน้าดังพระปฐมบรมราชโองการในพิธีพระบรมราชาภิเษกเมื่อกว่า 60 ปี มาแล้วที่ทรงประกาศเป็นปฐมราชโองการว่า
"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ครองแผ่นดินโดยธรรมก็คือ การเป็นธรรมราชาที่ใช้ธรรมนำหน้านโยบายในการดำเนินการบริหารปกครองบ้านเมืองทั้งปวง ซึ่งก็หมายความว่าในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของชาติก็ทรงได้แนะนำให้ คณะรัฐบาลและประชาชนยึดถือธรรมเป็นใหญ่
คำว่า ธรรม ก็คือความถูกต้องความเป็นธรรมจะทำอะไรก็ตามมุ่งไปตรงนั้นทรงแสดงให้เห็นว่าอำนาจที่ได้มาที่เรียกว่าพระราชอำนาจก็ดีหรืออำนาจที่ทรงให้สถาบันนิติบัญญัติบริหารตุลาการกระจายกันใช้ก็ดีนั้น ต้องเป็นการใช้พระราชอำนาจนั้นด้วยมีธรรมกำกับเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เมื่อมีธรรมกำกับ ก็คือความถูกต้องความดีงาม เช่น ทศพิธราชธรรม ซึ่งประชาชนทุกหมู่เหล่าต้องน้อมเอามาปฏิบัติตาม เมื่อมีธรรมแล้วการกระทำใด ๆ ก็จะเป็นไปเพื่อความถูกต้องเพื่อความดีงาม และนำสันติสุขมาสู่ประเทศชาติ ทั้งนี้ การที่เป็นธรรมราชา ยังหมายถึง ทรงธรรม คือประพฤติธรรมด้วยมีพระมหากรุณาธิคุณอยู่ในพระราชหฤทัย พระองค์ได้ทรงมีแนวพระราชดำริในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในสังคมไทย เพราะว่าได้เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกหัวระแหงในประเทศไทย ทรงทราบถึงปัญหาของบ้านเมืองเป็นอย่างดีและก็ทรงทราบถึงวิธีแก้ ทรงนำการแก้ไข ด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เพื่อเป็นแบบอย่าง เป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาดำเนินตามรอยพระยุคลบาทเพื่อทำประโยชน์สุขแก่ประชาชน
ตรงนี้เองที่ทำให้นึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า ราชามุขํ มนุสฺสานํ พระราชาเป็นประมุขของคนทั้งหลายและเมื่อเป็นประมุขคืออยู่ข้างหน้าก็พาให้คนทั้งหลายเดินตามดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า คุณณญฺเจ ตรมานานํ คุชุงคจฺฉติ ปุงฺคโว. เป็นต้น ซึ่งแปลว่า เมื่อฝูงโคข้ามฝากแม่น้ำ โคจ่าฝูงข้ามไปตรง โคลูกฝูงทั้งหลายก็จะว่ายไปตรง ในหมู่มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน เมื่อบุคคลที่ได้รับการสมมุติให้เป็นใหญ่ประพฤติธรรมคนทั้งหลายก็ประพฤติธรรมตามเมื่อพระราชาประพฤติธรรมประเทศชาติก็อยู่เป็นสุข พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้และเราก็ได้เห็นความจริงสัจธรรมตามพุทธพจน์นี้ในยุคของเราทั้งหลายที่พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย เป็นธรรมราชาผู้ทรงธรรมประพฤติธรรมและทรงถือธรรมมะความถูกต้องความดีงามเป็นใหญ่และเป็นธรรมทัศน์ ก็คือธงแห่งธรรม นำหน้าให้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า เดินตามมาเป็นเวลากว่า 60 ปี นำสันติสุข ปกติสุขมาสู่ประเทศไทย เป็นเวลานาน ซึ่งถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ด้วยบารมีธรรมของพระองค์ท่านพวกเราก็อยู่กันอย่างปกติสุข ผาสุข ก็เพียงแต่ว่าเราก็จะต้องมาเดินตามรอยพระยุคลบาท ด้วยการถวายความจงรักภักดี แด่พระองค์ท่าน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณด้วยกตัญญูกตเวทิตาธรรม และพร้อมที่จะมีความสมัครสมานสามัคคีในฐานะที่เป็นลูกของพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทยได้ทำความดีพร้อมกันเป็นความสมัครสมานสามัคคีเพื่อความผาสุข แห่งประเทศของเราและพร้อมใจกัน ร้อยใจให้เป็นหนึ่งเดียวถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวามหาราชนี้
ศธ.ปล่อยคาราวานจิตอาสาเฉลิมพระเกียรติ
เมื่อเวลา 10.30 น.ที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แถลงข่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยะอุตสาหะ นำความเจริญมาสู่ประเทศชาติและประชาชนอย่างไพศาล โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย มีความเจริญก้าวหน้าแผ่ขยายครอบคลุมทั้งในเมืองและชนบทอย่างทั่วถึง เป็นพระคุณต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยและการศึกษาไทย และในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระชนมายุครบ 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ศธ.พร้อมน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความจงรักภักดีและเผยแพร่พระเกียรติคุณด้วยการจัดโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยใช้ชื่องานว่า “เทิดไท้พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2557 บริเวณรอบกระทรวงฯ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล พร้อมทั้งเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระราชกรณียกิจด้านพัฒนาการศึกษาไทย
สำหรับกิจกรรมสำคัญ ๆ อาทิ วันที่ 3 ธันวาคมจะมีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังแผ่นดิน บริเวณหน้า ศธ. ในวันที่ 5 ธันวาคม เวลา 19.19 น.พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ณ เวทีกลาง ศธ. ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีกิจกรรมลงนามถวายพระพรออนไลน์ นิทรรศการเผยแพร่พระราชกรณียกิจ การแสดงนักเรียนนักศึกษา การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของหน่วยงาน นักเรียนและนักศึกษา การบรรพชาสามเณร 87 รูปใน 13 เขตศึกษาธิการภาค และคาราวานจิตอาสาของ ศธ.ร่วมบำเพ็ญประโยชน์ ขณะเดียวในภูมิภาคก็จะมีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ด้วย นอกจากนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ข้าราชการ ประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองตลอดเดือนธันวาคม 2557 ซึ่ง ศธ.ได้เชิญชวนผู้บริหาร ข้าราชการและหน้าที่ร่วมใส่เสื้อสีเหลืองตลอดเดือนเช่นกัน
ด้าน นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัด ศธ. กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.30 น. ศธ.ได้มีพิธีปล่อยคาราวานขบวนรถจิตอาสา ศธ. จำนวน 33 คันมีอาสาสมัครจากทุกองค์กรหลักของ ศธ.และองค์กรในกำกับ จำนวน 285 คนเข้าร่วม โดยได้แบ่ง 5 กลุ่มออกไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในจุดต่าง ๆ ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ไปวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กลุ่มที่ 2 วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กลุ่มที่ 3 โบสถ์นักบุญฟรังซิสเซเวียร์ กลุ่มที่ 4 วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร และกลุ่มที่ 5 วัดเบญจมบพิตรดุสิตสนาราม ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ให้ผู้บริหาร ข้าราชการ บุคลากรและเจ้าหน้าที่ของทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ.ได้ร่วมแสดงออกถึง “จิตอาสา” ออกไปบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งวัด โรงเรียน ฯลฯ อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในประการที่ 1 ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประการที่ 12 คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและของชาติมากกว่าผลประโยชน์ตนเอง
อวกาศนาซาเทิดพระเกียรต์ในหลวง
เมื่อเวลา 14.00 น. นายปรีชา เอกคุณากุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายนีล ทอมป์สัน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดการแสดงนิทรรศการอวกาศ "นาซา เอ ฮิวแมน แอดแวนเจอร์" ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีนายมนัสวี ศรีโสดาพล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นางคริสตินา ควีน ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย นายสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษา ซีจี เอ็กคอม บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล และ นายชาลส์ เอ็ม.ดุ๊ก นักบินอวกาศที่บินไปดวงจันทร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ร่วมให้เกียรติในงาน ณ บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อวันก่อน
นายปรีชา เอกคุนากูล เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดนิทรรศการแห่งอวกาศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด "นาซา เอ ฮิวแมน แอดเวนเจอร์" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะพระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย ประกาศในสังคมโลกรู้ไทยก้าวหน้ามาก ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสประวัติศาสตร์อันน่าภูมิใจของมวลมนุษยชาติกับความพยายามที่จะศึกษา ค้นคว้าและทำทุกวิถีทางเพื่อเดินทางออกนอกโลกไปสำรวจอวกาศ โดยนิทรรศการดังกล่าวเกิดจากบริษัท จอห์น มูนิเน็น อีเวนต์ ภายใต้ความร่วมมือจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือที่รู้จักกันในนาม "องค์การนาซา" ถือว่าเป็นโอกาสเดียวที่ผู้ชมจะได้พบกับชิ้นส่วนยานอวกาศพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ กว่า 300 ชิ้น ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอวกาศ รวมทั้งชิ้นส่วนที่ผ่านการใช้จริงในอวกาศ มาจัดแสดงให้บุคคลทั่วไปเข้าชอมอย่างใกล้ชิด
ด้านนายมนัสวี ศรีโสดาพล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย องค์การนาซ่า และสถานีอวกาศแคนซัส สหรัฐฯ สะท้อนความสัมพันธ์ทางการทูตด้านวิทยาศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศครบ 180 ปี ในปีนี้ นิทรรศการครั้งนี้หวังสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เรียนรู้อวกาศและสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ขณะที่ชาลส์ เอ็ม.ดุ๊ก นักบินอวกาศชาวสหรัฐฯ คนที่ 10 ของโลกที่มีโอกาสได้ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ เปิดเผยความรู้สึกว่าดีใจที่ได้มาประเทศไทยและได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็เล่าถึงประสบการณ์เมื่อ 42ปี ที่แล้วว่า ถึงวันนี้ก็ยังอยากไปอีกครั้ง ถึงจะผ่านมาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมากต้องทำสมาธิาและภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ประทำใจความสวยงามของพื้นผิวดวงจันทร์ พื้นสีหนึ่งขณะที่สีของอวกาศดำสนิท เป็นความพิเศษเพราะมนุษย์เพียง 10 คนที่ได้ยืนอยู่ตรงจุดนั้น และสำหรับเด็กไทยที่มีความฝันอยากจะเป็นนักบินอวกาศนั้น อยากบอกว่า เป็นเรื่องยากมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ความแข็งแรงของร่างกาย กว่าจะเป็นนักบินอวกาศไม่ใช่ธรรมดาต้องมีมุ่งมั่นและทำตามความฝัน การมาชมนิทรรศการครั้งนี้เชื่อว่าจะได้รับรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ขยายจินตนาการ ฝันให้ไกลไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้แต่จะสำเร็จได้นั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองและครู
สำหรับบรรยากาศภายในงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ตลอดถึงความทุ่มเททั้งแรงใจและแรงกายของมนุษย์ในการทำความฝันให้เป็นจริง จนถึงวันที่มนุษย์อวกาศคนแรกขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ได้สำเร็จและกลับมาสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาแสดงให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ อีกมากมายที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็จะถูกนำมาเปิดเผยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาแสดงให้ชม อาทิ แผงบังคับยานอวกาศ แอทแลนติส (Atlantis) ของจริง, ร่มชูชีพขนาดยักษ์ที่นำนักบินอวกาศกลับสู่โลกอย่างปลอดภัย, เครื่อง จี ฟอร์ซ ซิมูเลเตอร์ (G Force Simulator), อาหารของนักบินอวกาศของจริง, ชุดนักบินอวกาศในยุคต่างๆ เป็นต้น
นักปั่นจักรยานสงขลา99 คันมุ่งหน้าไปถวายพระพรในหลวงถึงชุมพร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักปั่นจักรยาน ในนามโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จาก อ.นาทวี จ.สงขลา และชมรมจักรยาน อ.นาทวี จำนวน 99 คัน ที่ได้แสดงความจงรักภักดีร่วมกันสวมเสื้อยืดสีเหลือง และออกปั่นจักรยานตามโครงการปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ เทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวามหาราช อ.นาทวี จ.สงขลา มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมระยะทาง 1,076.5 กิโลเมตร เพื่อเข้าร่วมในพิธีถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 87 พรรษา 5 ธันวามหาราช ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (1ธค.57)กลุ่มนักปั่นจักรยานดังกล่าว ได้เดินทางมาถึงพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร แล้ว โดยใช้เส้นทางถนนสายเอเซีย 41 และมีรถของ สภ.หลังสวน พร้อมทั้งหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน คอยอำนวยความสะดวก ขับนำขบวนให้ตลอดทั้งเส้นทางเพื่อความปลอดภัย โดยขณะที่กลุ่มนักปั่นจักรยานกลุ่มนี้ เดินทางผ่าน ทราบว่าได้มีการแวะพักตามจุดต่างๆ ก็จะมีชาวบ้าน คณะครู นักเรียนจากโรงเรียนบ้านหนองโพธิ์มิตรภาพที่ 1 ต.บ้านควน อ.หลังสวน มาให้การต้อนรับคณะนักปั่นอย่างอบอุ่นตลอดเส้นทาง และเมื่อเดินทางถึง อ.สวี ตลอดเส้นทางมีนักเรียน ชาวบ้านออกมายื่นให้กำลังใจโดยตลอด ล่าสุดทราบว่าจะนอนพักค้างคืนที่ จทบ.ชุมพร
ชมรมศิลปินชายแดนใต้จัด
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ลานเอนกประสงค์ ศูนย์การค้าโคลีเซี่ยม อ.เมือง จ.ยะลา ชมรมศิลปินชายแดนใต้ โดยการนำของนายวินัย สุขวิน ประธานชมรมศิลปินชายแดนใต้ ได้นำเอาภาพวาดศิลปะ และภาพถ่ายจาก ศิลปินในชมรมจำนวนกว่า 100 ภาพมาจัดแสดง นิทรรศการให้ประชาชนทั่วไปในจังหวัดยะลา และผู้ที่สนใจได้ เข้าชม ภายใต้ชื่อนิทรรศการ "สร้างศิลป์ ถิ่นใต้ เทิดไท้องค์ราชัน 87 พรรษา ครั้งที่ 4 " โดยมีนายสามารถ วราดิศัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ
นายวินัย สุขวิน ประธานชมรมศิลปินชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ในปีนี้ มีเหล่าศิลปินชายแดนใต้ จำนวน 242 คน ให้ความร่วมมือในการนำผลงานศิลปะ และภาพถ่าย เข้ามาแสดง ซึ่งจะมีกำหนดการแสดงนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 1-5 ธันวาคม 2557 ที่ ศูนย์การค้าโคลีเซี่ยมยะลา แต่จะมีการขยายเวลาเพิ่มไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็นความร่วมมือของทางศูนย์การค้า ที่ให้โอกาส ประชาชน ได้มาเที่ยวชมผลงานศิลปะภาพวาด และภาพถ่าย ของศิลปิน ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นคนในพื้นที่ และภาพถ่าย หรือภาพวาด บางส่วน ก็แสดงถึงอัตลักษณ์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ตรังจัดงานเทศกาลดอกไม้งามเฉลิมพระเกียรติ
ที่สวนสาธารณะอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เทศบาลนครตรัง ได้จัดงาน “เทศกาลดอกไม้งาม เพิ่มความสุขแก่คนตรัง” ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2558 ณ สวนสาธารณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ซึ่งเป็นการจัดแสดงดอกไม้นานาพรรณ ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ และดอกไม้เมืองหนาว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557 ส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และงานก้าวสู่ 100 ปี การตั้งเมืองทับเที่ยงในปี 2558 อีกทั้งเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ใจกลางเมืองตรัง กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายแก่จังหวัดตรัง
นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า ทางเทศบาลนครตรังได้ทุ่มงบประมาณเกือบ 2 ล้านบาท ในการนำพรรณไม้นานาชนิดมาประดับ นอกจากให้ประชาชนชาวตรัง นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้ชมความงดงามของดอกไม้แล้ว ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อให้พสกนิกรชาวไทยอยู่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
กระบี่ซื้อเสื้อเหลืองสวมใส่แสดงความจงรักภักดี
ข้าราชการ พ่อค้าประชาชนทั่วไป ต่างแห่ซื้อเสื้อเหลืองกันเป็นจำนวนมาก เพื่อสวมใส่ตลอดเดือนธันวาคมนี้ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 5 ธันวาคม ส่งผลให้บรรยากาศตามร้านจำหน่าย เสื้อผ้าในตัวเมืองกระบี่ เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาซื้อเสื้อสีเหลืองจำนวนมาก คนละ ไม่ต่ำกว่า 1-2 ตัว จนทางร้านต้องสั่งมาเพิ่มเนื่องจากขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว
นางสาวกาญจนา เพชรชิต เจ้าของร้านจำหน่ายเสื้อผ้าอันดามันซัพพลาย กล่าวว่า เสื้อสีเหลือง มีทั้งติดตราสัญลักษณ์ รวมทั้งสกรีนข้อความเกี่ยวกับในหลวง เริ่มขายดิบขายดีมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 100 ตัว ซึ่งมีหลากหลายไซด์ และหลายแบบให้เลือกทั้งเสื้อคอโปโล และคอกลม โดยราคาเริ่มต้นคตั้งแต่ตัวละ 150 บาท จนไปถึง 250 บาท โดยวันนี้ได้สั่งซื้อมาเพิ่มเนื่องจากไม่เพีงพอต่อความต้องการ และมีการสั่งจองล่วงหน้า แม้จะมีกำไรไม่มาก แต่ก็มีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ทำให้คนไทยได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีตลอดเดือนธันวาคมนี้
ชาวรังสิตนับพันคนร่วมเดินเทิดพระเกียรติ 5 ธันวา
ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ ริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้เป็นประธานในพิธี เปิดงาน รวมใจภักดิ์ รักพ่อ ครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นโดยภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานี โดยมีนาย ปกรณ์พัฒน์ เทพเอื้อตระกูล ประธานภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานี นำมวลชนเข้าร่วม กว่า 1,000 คน ภายหลังพิธีเปิดงาน ได้มีจัดแถวเดินขบวนเฉลิมพระเกียรติ ไปตามถนนสายต่างๆโดยรอบตลาดรังสิต
อ่างทองต.สายทองปรับภูมิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ
ที่องค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.) สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง นายขจรศักดิ์ วัฒนาประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานในพิธีปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณประโยชน์และสถานที่ราชการเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม โดยมีนายปริญญา เขมะชิต นายอำเภอป่าโมก เป็นผู้กล่าวรายงาน ในพิธีดังกล่าวได้มีการปลูกต้นมะพร้าวน้ำหอม จำนวน 700 ต้น ตลอดแนวริมสองฝั่งคลองชลประทาน และปรับปรุงภูมิทัศน์สถานที่ราชการในพื้นที่ให้สวยงาม โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ร่วมกิจกรรม
นายปริญญา กล่าวว่า ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประชาขน ในต.
สายทอง อ.ป่าโมก ได้ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ให้มีความเป็นระเบียบ จัดสภาพแวดล้อมในหมู่บ้านให้เหมาะสม
เพื่อให้เป็นหมู่บ้านน่าอยู่
นายขจรศักดิ์ วัฒนาประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า สำหรับการปรับปรุงภูมิทัศน์และปลูกต้นมะพร้าวในครั้งนี้ จะทำให้ง่ายต่อการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นการยึดมั่นในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท
พัทลุงทุกหมู่เหล่าพร้อมใจประดับธงวันพ่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประดับธงชาติไทยและธงสัญลักษณ์ ประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในจังหวัดพัทลุงว่า หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยได้เชิญชวนข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมแสดงความถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ก็ได้เริ่มประดับธงตราสัญลักษณ์ โดยเฉพาะถนนสายราเมศวร์ ซึ่งเป็นสายหลักใจกลางเมืองพัทลุง มีการประดับประดาริ้วธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ตลอดสายเป็นระยะทาง 500 เมตร
สามเณรี47รูปบรรพชาถวายเป็นพระราชกุศล
ที่บริเวณตลาดทรัพย์สินพลาซ่า อ.เมือง จ.สงขลา พระอาจารย์ธัมมทีปา เจ้าอาวาส ทิพยสถานธรรมภิกษุณีอาราม เกาะยอได้นำสามเณรี จำนวน 47 รูป ที่บรรพชาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ตามโครงการ “กอดคอกันทำดี บรรพชาสามเณรี” รุ่นที่ 6 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2557 ออกเดินบิณฑบาตรับภัตตาหารจากประชาชนในจังหวัดสงขลา ที่นำมาถวายตลอดเส้นทางที่เดินบิณฑบาตร
พระอาจารย์ธัมมทีปา เจ้าอาวาส ทิพยสถานธรรม ภิกษุณีอาราม ต.เกาะยอ เปิดเผยว่า โครงการ “กอดคอกันทำดี บรรพชาสามเณรี” รุ่นที่ 6 ซึ่งทิพยสถานธรรม ภิกษุณีอาราม จัดขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งให้ลูกผู้หญิงที่เข้าร่วมโครงการฯได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยการบวชเรียนเพื่อทดแทนบุญคุณของบิดามารดาและผู้มีพระคุณ อีกทั้งยังเป็นการสร้างเสริมความดีงามให้เกิดขึ้นแก่สังคมและประเทศชาติ
ชัยภูมิพุทธศาสนิกชนเตรียมเดินธรรมยาตราอนุรักษ์ป่าไม้
ที่วัดภูเขาทอง ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก้งครอ จ.ชัยภูมิ ในช่วงเย็นวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีประชาชนนุ่งขาวห่มขาว ทยอยเดินทางมาเพื่อค้างคืนที่วัดภูเขาทองกว่า 100 คน เพื่อเตรียมตัวในการเดินธรรมยาตราในเช้าวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นการเดินธรรมยาตรา ลุ่มน้ำลำปะทาว จะเริ่มต้นเดินตั้งแต่วันที่ 1-8 ธันวาคม โดยเริ่มที่วัดภูเขาทอง บ้านท่ามะไฟหวาน ไปที่จุดเพลศาลปู่ตาบ้านท่าทางเกวียน เป็นระยะทางแรก 5 กิโลเมตร และเดินต่อไปที่วัดบ้านท่าเว่อ ใน ต.ท่ามะไฟหวาน รวมเดินเท้าในวันแรก 10.5 กิโลเมตร โดยพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมเดินในครั้งนี้ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมการเดินธรรมยาตรา ซึ่งทราบเพียงว่า การเดินธรรมยาตรานั้น เป็นการเดินเพื่อบอกกล่าวชาวบ้าน ให้ร่วมรณรงค์รักษาป่าไม้ ดูแลลำน้ำ นอกจากเป็นการเชิญชวนอนุรักษณ์ ป่าเขาแล้ว ยังช่วยให้ชาวบ้านได้ปฏิบัติธรรม การเดินธรรมยาตราครั้งนี้เป็นครั้งที่ 15 โดยปีนี้ใช้ชื่อว่า บูชาครู ตอบแทนคุณ
มหาสารคามซื้อเสื้อเหลืองเฉลิมพระเกียรติ
เข้าสู่เดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ทางรัฐบาลขอความร่วมมือให้ส่วนราชการและประชาชนพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็น สีประจำวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดเดือน ร้านค้าจำหน่ายเสื้อผ้าหลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนการจำหน่ายเสื้อผ้า โดยนำเสื้อสีเหลืองออกมาจัดวางตกแต่งให้ประชาชนได้เลือกชมและซื้อกันอย่างเต็มที่ ทั้งร้านที่จำหน่ายเสื้อยืด ไปจนถึงเสื้อผ้าที่เน้นคุณภาพและรูปลักษณ์สวยงาม อย่างเช่นที่ร้านกฤษณาบูติค ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ปกติจำหน่ายเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าพื้นเมืองเช่นผ้าไหมและผ้าฝ้าย ที่มีหลากหลายสีให้เลือก แต่หลังจากรัฐบาลรณรงค์ให้ประชาชนและข้าราชการแต่งกายด้วยเสื้อเหลือง จึงเร่งออกแบบและผลิตเสื้อผ้าที่เป็นโทนสีเหลืองทั้งหมดให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
นายกมล อมรศรีรัตนชัย เจ้าของร้าน บอกว่า การณรงค์สวมเสื้อเหลืองได้รับการตอบรับจากประชาชนชัดเจน แต่ ทางร้านมีเวลาเตรียมการวางแผนการผลิตน้อยมาก ประมาณ 2 เดือนเท่านั้น ทำ