พระเครื่อง

‘หลวงพ่อโต’วัดบางพลีใหญ่ใน๑ใน๓พระศักดิ์สิทธิ์ลอยน้ำ

‘หลวงพ่อโต’วัดบางพลีใหญ่ใน๑ใน๓พระศักดิ์สิทธิ์ลอยน้ำ

27 พ.ย. 2557

‘หลวงพ่อโต’วัดบางพลีใหญ่ใน๑ใน๓พระศักดิ์สิทธิ์ลอยน้ำ : ปกิณกะพระเครื่อง โดยเอพระราหู

             หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย (สะดุ้งมาร) องค์พระเป็นทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ลืมพระเนตร ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ วัดบางพลีใหญ่ใน ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการกล่าวขวัญว่า มีความศักดิ์สิทธิ์มาก จนเป็นที่เคารพสักการะของชาวบางพลี และพุทธศาสนิกชนทั่วไป

             ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อประมาณกว่า ๒๐๐ปีก่อน มีพระพุทธรูป ๓ องค์ ลอยลงมาจากทางเหนือ ตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้แสดงอภินิหารลอยล่องมาตามลำแม่น้ำ และบางครั้งก็แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ผุดให้ผู้คนเห็นจนเป็นที่โจษจันกันทั่วถึงอภินิหาร และความศักดิ์สิทธิ์

             ต่อมาพระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยวกเข้าไปทางปากแม่น้ำท่าจีน จนได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดเพชรสมุทร จ.สมุทรสงคราม

             ในเวลาไล่เลี่ยกัน พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งก็ลอยวกเข้าไปทางปากแม่น้ำบางปะกง จนได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่ วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา

             ส่วนอีกองค์หนึ่ง คือ หลวงพ่อโต ได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนจะลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง ประชาชนที่พบเห็นต่างโจษจันกันไปทั่ว พร้อมกับได้ช่วยกันพยายามอาราธนาพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ไม่สามารถอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นได้

             ผู้มีปัญญาดีคนหนึ่ง จึงได้ให้ความเห็นว่า คงเป็นเพราะบุญญาอภินิหารของท่าน เพราะแม้ว่าจะใช้ผู้คนจำนวนมากก็ยังไม่สามารถอาราธนาชะลอท่านขึ้นบนฝั่งได้ จึงควรจะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่าน แล้วใช้เรือพายฉุดท่านให้ลอยไปตามลำคลองสำโรง  พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานว่า หากท่านประสงค์จะขึ้นที่ใดก็ขอให้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาหยุด ณ ที่นั้น

             เมื่อประชาชนทั้งหลายเห็นพ้องกันดังนั้นแล้ว ก็พร้อมใจกันทำแพผูกชะลอกับองค์ท่าน แล้วใช้เรือช่วยกันจ้ำพายจูงแพลอยเรื่อย มาตามลำคลอง

             ครั้นเมื่อแพลอยมาถึงบริเวณ หน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือ วัดบางพลีใหญ่ใน แพที่ผูกชะลอองค์ท่านก็เกิดหยุดนิ่ง แม้ว่าจะพยายามจ้ำและพายกันอย่างเต็มที่เต็มกำลัง แพนั้นก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนต่อไปอีก

             ประชาชนที่มากับเรือและชาวบางพลี จึงได้พร้อมใจกันอาราธนาอัญเชิญองค์ท่านขึ้นจากน้ำ ซึ่งก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ เมื่อใช้คนเพียงไม่มากนัก ก็สามารถอาราธนาท่านขึ้นจากน้ำได้โดยง่าย ทำให้ประชาชนต่างแซ่ซ้องในอภินิหารของท่านเป็นอย่างยิ่ง และได้อาราธนาท่านขึ้นประดิษฐานอยู่ในวิหารนั้นตลอดมา พร้อมกับถวายพระนามว่า “หลวงพ่อโต”

             การที่ท่านได้รับการถวายพระนามว่า "หลวงพ่อโต" นั้น คงเป็นเพราะองค์ของท่านใหญ่โต คือ ใหญ่โตกว่าองค์ที่ลอยน้ำมาด้วยกันทั้ง  ๓ องค์ จึงพากันถวายพระนามว่า “หลวงพ่อโต” และเป็นที่เคารพสักการะของชาวบางพลี และใกล้เคียงตราบจนทุกวันนี้

             ทั้งนี้ การลำดับว่า พระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาพร้อมกัน ตามตำนานที่สืบต่อกันมา ว่าองค์ไหนองค์พี่ องค์กลาง และองค์น้อง นั้นเข้าใจว่า คงจะนับเอาองค์ที่อาราธนาขึ้นจากน้ำได้ก่อนเป็นองค์พี่ ขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๒ เป็นองค์กลาง และขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๓ เป็นองค์น้อง ตามลำดับ คือ

             หลวงพ่อวัดบ้านแหลม วัดเพชรสมุทร จ.สมุทรสงคราม อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๑ หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๒ และ หลวงพ่อโต วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม จ.สมุทรปราการ อาราธนาขึ้นจากน้ำ เป็นองค์ที่ ๓

             วันนี้อาจจะเป็นวิชาการสักเล็กน้อย ในฐานะที่เป็น “คนสมุทรปราการ” เกิดและโตที่นี้ ก็อยากจะขอแนะนำเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายในวงการพระเครื่อง หาโอกาสไปสักการะขอพร

             หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ ให้ได้สักครั้งหนึ่ง...ขอให้ทุกท่านมีความสุข โชคดีตลอดไปชั่วกาลนาน เทอญ