
เสือหลวงพ่อปานวัดคลองด่านสุดยอดเครื่องรางของขลัง
เสือหลวงพ่อปาน วัดคลองด่านพยัคฆ์มหาอำนาจสุดยอดเครื่องรางของขลัง : พระองค์ครู เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
"คุณวิเศษที่คนเลื่อมใส คือให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะที่เป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ ข่าวที่ร่ำลือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเสกต้องใช้หมูมาล่อ ปลุกเสกเป่าเข้าไปเมื่อไรนั้นเสือจะกระโดดลงไปในเนื้อหมูได้ ตัวพระครูเองเห็นจะได้ความลำบากเหน็ดเหนื่อยในการที่ใครๆ กวนให้ลงโน่นลงนี่ เขาว่าบางทีก็หนีไปอยู่บนเขาโพธิ์ลังกา คนก็ยังตามไปกวนไม่เป็นอันหลับอันนอน แต่บริวารเห็นจะได้ผลประโยชน์ในการทำอะไรๆ ขาย เวลาแย่งชิงก็ขึ้นไปถึง ๓ บาท ว่า ๖ บาทก็มี ได้รูปเสือแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก สังเกตดูอัธยาศัยเป็นคนแก่ใจดีมีกิริยาเรียบร้อย อายุ ๗๐ แล้วยังไม่แก่มาก รูปร่างล่ำสันใหญ่โต"
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็น ส่วนหนึ่งของพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง "เสด็จประพาสมณฑลปราจิณ" ที่ทรงกล่าวถึงเสือเขี้ยวแกะของหลวงพ่อปาน หรือพระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ (หลวงพ่อปาน อคฺคปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองด่าน
เดิมที่ "วัดคลองด่าน" มีชื่อเรียกว่า "วัดบางเหี้ย" หรือถ้าเป็นทางการจะเรียกว่า "วัดมงคลโคธาวาส" ตั้งอยู่ที่ ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ส่วนที่เรียกกันมาแต่โบราณว่าวัดบางเหี้ยนั้น เนื่องจากเดิมมีตัวเงินตัวทองอยู่มาก เพราะเป็นเขตน้ำกร่อย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าอีกด้วยว่า ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงพ่อปานเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ได้ให้เด็กวัดถือพานใส่เขี้ยวเสือที่แกะเป็นรูปเสือไปด้วย (ในสมัยนั้นแกะจากเขี้ยวเสือจริงๆ) เมื่อไปถึงที่ประทับหลวงพ่อได้เรียกเอาพานใส่เขี้ยวเสือจากเด็กวัดที่ถืออยู่ แต่พบว่าไม่มีเขี้ยวเสืออยู่ในพานแล้วโดยเด็กวัดบอกว่าเสือกระโดดลงน้ำระหว่างทางจนหมดแล้ว
พอหลวงพ่อปานทราบก็ได้ให้เด็กวัดนำเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปหมูแล้วเสียบไม้แกว่งล่อเสือขึ้นมาจากน้ำต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ซึ่งประทับทอดพระเนตรอยู่ตลอด จนถึงกับตรัสกับหลวงพ่อปานว่า "พอแล้วหลวงตา"
เขี้ยวเสือของหลวงพ่อปานนั้นท่านแกะจากเขี้ยวเสือโคร่ง แล้วลงเหล็กจารด้วยตัวเองปลุกเสกโดยใส่ "‘พระคาถาหัวใจเสือโคร่ง" ลูกศิษย์ลูกหาได้ยินท่านท่องว่า พยัคโฆ พยัคฆา สูญญา สัพติ อิติ ฮัมฮิมฮึม "วิธีจาร" ของท่าน ท่านจะจารตัว “อุ” มีทั้งหางตั้งขึ้นและลง ที่ขาหน้า ส่วนใต้ฐาน ท่านจะจาร "ยันต์กอหญ้า" ถ้าเสือตัวใหญ่หน่อยท่านจะลงยันต์กอหญ้า ๒ ตัว ตรงข้ามกัน และลงตัว ฤ ฤา พร้อมตัวอุณาโลม บางตัวมีรอยขีด ๒ เส้นขนานกัน
เอกลักษณ์ของเขี้ยวเสือของหลวงพ่อปาน ในปัจจุบันก็คือ เสือหน้าแมว หูหนู ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า ซึ่งมีทั้งเสือหุบปาก และเสืออ้าปาก เขี้ยวต้องกลวง มีทั้งแบบซีกและเต็มเขี้ยว เขี้ยวหนึ่งอาจแบ่งทำได้ถึง ๕ ตัว ตัวเล็กๆ เรียก "เสือสาริกา" เป็นปลายเขี้ยว ส่วนใหญ่พบว่าเป็นซีก คนโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในตลับสีผึ้งทาปาก มีพุทธคุณครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี แต่ที่เด่นที่สุดคือมหาอำนาจ
สำหรับภาพ "เสือตัวครู" ฉบับนี้เป็น "เสือคาบหางหลวงพ่อปานขึ้นว่าหายากที่สุด" ของนายสุขธรรม ปานศรี หรือที่คนในวงการรถยนต์รู้จักในชื่อ “เฮียกุ่ย” นักสะสมพระหลวงพ่อทวดมานานกว่า ๑๐ ปี ส่วนผู้ที่สนใจศึกษาพระเนื้อทองคำ รวมทั้งพระองค์ที่ขึ้นชื้อว่าสวยแชมป์ สามารถเข้าชมความงามของพุทธศิลป์ของพระที่อยู่ในความครอบครองในรังพระของเฮียกุ่ยได้ ที่ "www.soonpraratchada.com" ตลอด ๒๔ ชั่วโมง